ติดปีกธุรกิจออนไลน์ให้โตยั่งยืนด้วย Tech Solution ระดับโลก




Main Idea
 
  • ยุคหนึ่งที่ธุรกิจออนไลน์ คือ ความหวังของใครหลายคนที่รักอิสระ และอยากเป็นนายตัวเอง แต่ในวันนี้ด้วยปริมาณผู้แข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดที่เคยเริ่มต้นได้ง่าย กลับกลายเป็น Red Ocean ขึ้นมา
 
  • หนึ่งในหนทางรอดที่จะช่วยให้สามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้ คือ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ แต่ผู้ประกอบการ SME ทั่วไปมักมองว่าเทคโนโลยี คือ เรื่องไกลตัว
 
  • ด้วยเหตุนี้ ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) และเดอะ ฟินแล็บ จึงได้เปิดโครงการ Smart Business Transformation ขึ้นมา เพื่อช่วย SME ให้ได้รู้จักกับโซลูชันใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงต่อยอดพัฒนาตนเองจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ




     เจ้าของธุรกิจ เป็นความฝันสูงสุดของใครหลายคน เพราะคนยุคนี้รักอิสระ อยากเป็นนายตัวเอง และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็เอื้อให้ใครบางคนวิ่งไล่ตามความฝันของพวกเขาได้สำเร็จโดยง่ายและรวดเร็วขึ้น ด้วยการขายของออนไลน์ ทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล มีคนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ แต่ก็มีคนอีกมากมายเช่นกันที่ล้มหายตายจากไปในเกมนี้ เพราะโอกาสมาพร้อมกับคู่แข่งเสมอ ธุรกิจไหนที่ไปได้สวยก็มักจะมีคนทำตามกันไป จนในที่สุดธุรกิจออนไลน์ก็กลายเป็น Red Ocean
         

     มีหญิงสาวสองคนที่ก้าวเข้ามาอยู่ในธุรกิจออนไลน์เมื่อหลายปีมาแล้ว ช่วงแรกอาจจะง่ายด้วยความที่คู่แข่งยังไม่มาก แต่ยุคนี้การทำธุรกิจออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างในสมัยก่อน แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมแกร่งธุรกิจมากมาย แต่ในฐานะผู้ประกอบการรายย่อยกลับมองว่าเรื่องเทคโนโลยียังไกลตัว เณริศา อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งบริษัท เอ ลิทเทิล ลัลลาบาย จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กภายใต้แบรนด์ ‘Nappi Baby’ และ ณัฐมภรณ์ สิทธิโชคจิรกานต์ ผู้ก่อตั้ง MSS Stylists ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นทางออนไลน์ พวกเธอ คือ ผู้ประกอบการสาวแกร่งที่เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ช่วงที่ธุรกิจออนไลน์ยังไม่บูม



 
  • เริ่มต้นด้วยออนไลน์แต่โตได้ด้วยเทคโนโลยี

     เณริศาเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตผู้ประกอบการ ด้วยการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กภายใต้แบรนด์ Nappi ซึ่งเป็นผ้าอ้อมจากใยไผ่ออร์แกนิก โดยเห็นโอกาสจากการที่ลูกของเธอซึ่งป่วยและมีปัญหาเรื่องการแพ้ผ้าอ้อม ทำให้เริ่มก่อร่างสร้างแบรนด์ Nappi ขึ้นมาและขายสินค้าผ่านทางโลกออนไลน์และออฟไลน์มาตั้งแต่ 7 ปีก่อน


     “ช่วงแรกที่ทำเรามีหน้าร้าน ออกงานแฟร์แม่และเด็กต่างๆ จากนั้นก็เริ่มขายในออนไลน์ จริงๆ แล้วการทำธุรกิจในปัจจุบันมันมาที่ออนไลน์กันหมด แต่การทำออนไลน์ก็ไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะผู้เล่นในตลาดนี้มีเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีเองก็ก้าวหน้าขึ้น หากเราไม่ทำความเข้าใจ ยังใช้แต่เทคโนโลยีเดิมๆ ก็จะตามคู่แข่งและตลาดไม่ทัน อีกทั้งออนไลน์ยังมีหลายช่องทางมาก อย่างแบรนด์ Nappi มีเกิน 10 ช่องทางจัดจำหน่าย ทุกอย่างจึงต้องเรียลไทม์และรวดเร็ว บางทีก็อาจจะเกิดความผิดพลาดจากคน (Human Error) เกิดขึ้นได้ง่ายหากขาดเทคโนโลยีเข้ามาช่วย”


     ด้านณัฐมภรณ์ ผู้ประกอบการที่หลงใหลในแฟชั่นจนก่อเกิดเป็นธุรกิจที่เริ่มจากการขายเสื้อผ้ามือสองของตนเองผ่านเว็บไซต์ประมูลเมื่อกว่า 10 ปีก่อน จนพัฒนาต่อยอดสู่ MSS Stylists ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นบนโลกออนไลน์พร้อมทั้งรับผลิตเสื้อผ้าให้รูปแบบ OEM อีกด้วย


     “ธุรกิจของเราเหมือนในหนังเลยก็ว่าได้ คือเกิดจากวัยรุ่นที่ชอบเสื้อผ้าแล้วงัดเสื้อผ้าของตัวเองออกมาขาย ความโชคดีที่เริ่มก่อนคือการแข่งขันยังไม่มากเท่าตอนนี้ ตอนนั้นก็เริ่มทำการตลาดแบบบ้านๆ โดยใช้วิธีส่งอีเมลหาลูกค้า”
และด้วยการตลาดแบบบ้านๆ ที่เธอว่า ก็อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย ยิ่งเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น การบริหารธุรกิจแบบ Manual ก็กลายเป็นกำแพงกั้นไม่ให้ธุรกิจเติบใหญ่ไปมากกว่านี้


     จากวิธีการบริหารธุรกิจออนไลน์แบบ Manual ของทั้งคู่นำไปสู่ปัญหาความผิดพลาดด้าน Human Error อีกทั้งการขายออนไลน์ยังต้องอาศัยการสอดประสานกลมเกลียวของทุกแพลตฟอร์มให้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยทำให้พวกเธอทั้งสองสามารถ Transform ธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลนั้น ก็คือ Tech Solution หรือโซลูชั่นจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เหมาะสมเพื่อให้เข้ากับความต้องการที่แท้จริงของธุรกิจได้


     นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation โดยธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) ที่ได้เดอะ ฟินแล็บมาช่วยดำเนินโครงการ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการได้ทบทวนตนเองและเข้าถึง Tech Solution ระดับโลก พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งไทยและต่างประเทศ จากเดอะ ฟินแล็บ เพื่อแก้ไขปัญหาของธุรกิจได้อย่างตรงจุด ปลดล็อกความท้าทายจนกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในยุค Digital Disruption


     เณริศา ได้เล่าถึงความตั้งใจว่า ตัวเธอต้องการ Transform ธุรกิจมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พร้อมทั้งเคยได้ยินเรื่องราวของเดอะ ฟินแล็บ ตั้งแต่สิงคโปร์ เมื่อได้ข่าวว่ามีโครงการนี้ที่จะเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการไทยจึงไม่รอช้า รีบสมัครเข้าร่วมโครง เพราะอยากให้ธุรกิจเติบโตไปได้ในระดับโลก ซึ่งเธอเชื่อว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องพัฒนาด้วย Tech Solution ซึ่งเมื่อ เดอะ ฟินแล็บ ได้นำเสนอ “OFFEO” ซึ่งเป็น Tech solution ล่าสุดจากประเทศสิงค์โปร ที่เณริศาเลือกใช้ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์วิดีโอและโฆษณาได้ด้วยตนเอง มี Template ให้เลือกหลากหลาย ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ช่วยให้ Nappi สามารถผลิตวิดีโอสำหรับเด็กได้ง่ายขึ้น เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายในโซเชียลมีเดียได้อย่างตรงจุด ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้อีกด้วย อีกหนึ่งผู้ช่วย คือ “BizSmart” ซึ่งเป็น Solution ช่วยบริหารจัดการธุรกิจอย่างครบวงจร ทำให้ลดต้นทุนและประหยัดเวลาในการบริหารธุรกิจ ซึ่งระบบดังกล่าวยังช่วยให้ทำ CRM กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย มีระบบจัดการสต็อก และยังช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานได้อีกด้วย





     ทางด้านณัฐมภรณ์ ก็มีการนำโซลูชัน BizSmart มาใช้ในการเสริมแกร่งธุรกิจเช่นเดียวกัน เธอเล่าว่าก่อนหน้านี้ธุรกิจยังไม่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เรียกว่าใช้การทำแบบ Manual เป็นหลัก ซึ่งการเข้ามาของบิสสมาร์ทช่วยให้เธอจัดการธุรกิจได้ตั้งแต่พื้นฐาน เมื่อนำระบบนี้มาบูรณาการกับของเดิมที่มีอยู่ก็ช่วยให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น ทำให้มีเวลาเหลือในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้ต่อไป ส่วนอีกหนึ่งโซลูชัน ที่ใช้คือ “Anchanto” ซึ่งเป็น tech solution จากประเทศสิงค์โปร ที่ช่วยให้ธุรกิจ E-Commerce บริหารกิจกรรมการขายได้หลายช่องทาง ทำให้ธุรกิจของเธอสามารถรวบรวมและเรียบเรียงผลงานกว่า 20 ร้านค้าเข้าด้วยกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
 
  • ธุรกิจยั่งยืนด้วย Mindset

     หลังจากเณริศาและณัฐมภรณ์ได้เข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation พร้อมทั้งเลือกใช้ Tech Solution เข้ามาขจัดปัญหาและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญไม่เพียงเกิดขึ้นกับธุรกิจ แต่คือการมีความคิด (Mindset) และวิสัยทัศน์ในการมองธุรกิจที่กว้างไกลยิ่งขึ้น
โดยเณริศา ได้เล่าถึงตัวโครงการว่ามีความแตกต่างจากโครงการอื่น เนื่องจากสิ่งที่ทางโครงการทำนั้นคือมาตรฐานระดับโลกพร้อมทั้งยังมีทีมงานพี่เลี้ยงที่คอยเข้ามาช่วยเหลืออย่างเจาะลึก


     “หลังจากจบโครงการ ทิศทางธุรกิจของเรามีความชัดเจนมากขึ้นและเป็นทิศทางที่จะช่วยให้เราสร้างธุรกิจโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน เป็นแนวคิดที่ทำให้พร้อมสำหรับโลกอนาคต อีกทั้ง Mindset ของเราก็เปลี่ยนไปด้วย จากเมื่อก่อนที่อาจจะยึดติดกับรูปแบบธุรกิจเดิมๆ แต่พอความคิดเปลี่ยน ความยึดติดก็น้อยลงเพราะมองเห็นรูปแบบอื่นที่ดีกว่า ประหยัดต้นทุนกว่า”


     ด้านณัฐมภรณ์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวไม่เหมือนโครงการอื่นที่เคยเจอมา เพราะโครงการส่วนใหญ่จะเน้นการทำ Workshop ระยะสั้น หรือไม่ได้หวังผลในระยะยาว แต่โครงการนี้จะมีการคุยกันถึงเบื้องลึกของธุรกิจ มีการค้นหาปัญหา (Pain Point) ของธุรกิจ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จนเปรียบได้กับการได้พาร์ตเนอร์ธุรกิจคนใหม่


     “หลังจากที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้นเกี่ยวกับ Tech Solution ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนธุรกิจ ต่อจากนี้อยากทำอะไรก็ไม่กลัว เพราะรู้ว่าพอธุรกิจโตขึ้น ก็จะมี Tech Solution มาช่วยเราได้ เราจึงสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ใจต้องการ จากเดิมที่เคยคิดว่าธุรกิจคงโตไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่โครงการนี้ทำให้มองเห็นของดีในตัวเอง ช่วยให้เราเข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลก เติมเต็มธุรกิจเล็กๆ ให้มีศักยภาพไม่แพ้ธุรกิจระดับโลกเลยทีเดียว”


     นี่เป็นเพียงผู้ประกอบการสองรายจากผู้ประกอบการทั้งหมดที่กล้าเปลี่ยนตัวเองด้วย โครงการ Smart Business Transformation เพื่อพลิกรูปแบบการทำธุรกิจแบบเก่าด้วยการนำเอา Tech Solution เข้ามาใช้ จนในที่สุดก็ทำให้ Mindset เปลี่ยนไป และเตรียมความพร้อมให้สามารถก้าวไปสู่ธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นได้ในอนาคต
 
 
     สนใจเข้าร่วม Business Model Transformation Workshop (BMT) 25 - 26 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation สามารถคลิกลงทะเบียนวันนี้ – 15 ตุลาคมนี้ 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: TECH

“จุลินทรีย์คึกคัก” นวัตกรรมกำจัดสารเคมีตกค้างบนดิน ตัวช่วยเกษตรกรประหยัดทุน ได้ธุรกิจยั่งยืน

จุลินทรีย์คึกคัก ตัวช่วยแก้ปัญหาสารเคมีตกค้าง สร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกร ด้วยฝีมือคนไทยจากบริษัท ไบโอม จำกัด บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงตอบโจทย์การทำธุรกิจแบบยั่งยืน

เทคนิคขายของออนไลน์อย่างไร ให้สต็อกไม่จม ออร์เดอร์ไม่หลุด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง Double day หรือเทศกาลต่างๆ เป็นโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ตักตวงออร์เดอร์มากกว่าช่วงเวลาปกติ แต่จะทำอย่างไรให้โอกาสเหล่านี้ไม่กลายเป็นวิกฤตสร้างปัญหาทางธุรกิจ เช่น สต็อกจม ส่งของไม่ทัน ทำให้สูญเสียลูกค้าในที่สุด

รู้จักเทรนด์ Hyper Automation ช่วย SME กำจัดงานซ้ำๆ น่าเบื่อให้หมดจากองค์กร

Automation หรือ "ระบบอัตโนมัติ" ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่อนาคตจะพัฒนาไปสู่ Hyper automation เพื่อช่วยกำจัดความยุ่งยากของการทำงานที่ซ้ำซากน่าเบื่อ และก่อนจะสายเกินไป เพื่อให้ธุรกิจตามทันเทคโนโลยี ลองมาทำความรู้จักกับเทรนด์นี้พร้อมกัน