ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสของสายมูฯ กำลังมาแรงแซงทางโค้งในทุกๆ วงการ เรื่องเครื่องรางและพระเครื่อง คงแนะนำให้ไม่ได้ เพราะจริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็น “คาถาเอาตัวรอด” สำหรับผู้ประกอบการ อันนี้แจกให้ได้เลย
แนวโน้มการค้าขายในตลาดออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซโลกเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจหากผู้ประกอบการจะหันมาใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซอย่างจริงจัง ลองฟัง ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด “Priceza” เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าแนะข้อมูลแนวโน้ม 3 ช่องทางอีคอมเมิร์ซอนาคตไกลน่าสนใจไว้ดังนี้
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีกระแส “ที่สุดของการโฆษณา” เกิดขึ้น จากเพจของ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา จึงขออนุญาตหยิบยกกรณีศึกษานี้มาพูดคุยกันเรื่อง Marketing 5.0
จำเป็นไหม? 1 พื้นที่ต้องทำธุรกิจแค่อย่างเดียว
อย่างที่ทราบดีว่า แบรนด์ต่างๆ เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ ในทุกฤดูกาล ทำให้คนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ตามที่แบรนด์ได้ออกมา จะไม่ซื้อก็ไม่ได้ ของมันต้องมี ถึงไม่มีคนซื้อแต่ก็ต้องมีการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอยู่ดี
ในปัจจุบันใครๆ ก็ขายออนไลน์ ทำให้มีร้านค้าออนไลน์เกิดขึ้นมากมายหลากหลายช่องทาง ในเมื่อมีร้านเกิดขึ้นเยอะก็ต้องมีคู่แข่งเยอะด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในขณะที่แบรนด์ นักการตลาด และนักโฆษณา ต่างเฮโลกันสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียลกันอย่างมากมายในช่วงปีหลังๆ นี้ จนมักจะมองข้ามชาว Silver Gen ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
กว่าจะมีสินค้าคุณภาพดีหลากหลายให้เราได้เลือกใช้ ย่อมต้องมีเจ้าแรกที่คิดค้นขึ้นมาและทดลองทำออกมาวางขายในตลาดก่อน มีใครบ้างนั้นลองไปดูกัน
บางครั้งก็มีความเชื่อผิดๆ คิดว่าคน Gen Y กับ Gen Z จะคล้ายคลึงกัน เพราะต่างก็เป็นคนยุคดิจิทัลทั้งคู่ แต่ความจริงแล้วคน 2 รุ่นนี้มีลักษณะเฉพาะที่ต่างกันหลายอย่างเลย