​Study room Café เทรนด์ธุรกิจที่กำลังฮอตในญี่ปุ่น

Text : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์



Cr.benkyo study room café

    ดราม่ากันบ่อย ๆ กับเคสที่นักเรียน นักศึกษาในบ้านเราชอบไปนั่งตามร้านกาแฟ หรือร้านฟาสต์ฟู้ดเพื่ออ่านหนังสือหรือติวข้อสอบ ส่งผลให้ที่นั่งไม่พอ ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการก็มาตั้งกระทู้บ่นกันบ่อย ๆ หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเป็นร้านเหล่านี้ ไปอ่านในห้องสมุดหรือที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ อันนี้คิดว่าเหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ที่ญี่ปุ่น เห็นเทรนด์คาเฟ่ประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วก็นึกถึงเรื่องที่เป็นดราม่าในบ้านเราไม่ได้

    ธุรกิจจะพูดถึงคือ คาเฟ่ห้องเรียนหรือ study room café ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มคนทำงาน พนักงานออฟฟิศทั่วไปเป็นหลัก อย่างที่ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นนั้นทุ่มเทให้กับการทำงานและการแข่งขันเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานนั้นสูงมาก ทุกคนจึงพยายามพัฒนาศักยภาพของตนโดยการสอบเลื่อนขั้น สอบเพื่อให้ได้ใบอนุญาตในสายงานที่ตัวเองจบมา เช่นนักบัญชี วิศวกรและอาชีพอื่น ๆ แต่ที่นิยมที่สุดคือการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศ     พนักงานเหล่านี้โดยมากอาศัยในเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว เกียวโต และโอซาก้า และล้วนแต่จริงจังกับการอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่มีสถานที่ที่ตอบโจทย์ เช่น ห้องพักที่อาศัยอยู่อาจจะคับแคบ บรรยากาศไม่ชวนให้อ่านหนังสือ ครั้นจะเช่า co-working space ราคาก็แพงเกินไป ถ้าจะไปห้องสมุดก็ไม่สะดวกด้วย เช่น เวลาไม่อำนวย คนแน่นไม่มีที่นั่ง อาหารเครื่องดื่มห้ามนำเข้าไป ติวเป็นกลุ่มไม่ได้ และบรรยากาศในห้องสมุดดูแล้วเครียดเกินไป 

    การผุดธุรกิจ study room café จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด คาเฟ่ห้องเรียนอาจมีความละม้ายคล้ายเหมือน co-working space ตรงที่บริการพื้นที่ใช้งานพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สาย มีล็อคเกอร์ให้เก็บทรัพย์สินหากต้องออกการเบรคเพื่อออกไปสูบบุหรี่หรือเข้าห้องน้ำ มีอาหารและเครื่องดื่มบริการ แต่สิ่งที่คาเฟ่ห้องเรียนต่างจาก co-working space คือพื้นที่ใช้สอยมักแบ่งเป็น 3  แบบคือ แบบส่วนตัวที่กั้นเป็นคอก ๆ สำหรับผู้ต้องการสมาธิเวลาอ่านหนังสือ แบบห้องประชุมเล็ก ๆ สำหรับติวกันหลายคน และแบบพื้นที่ส่วนกลางเพื่อผ่อนคลายหรือพักสายตา 

    นอกจากนั้น ผู้ใช้บริการต้องสมัครสมาชิกและจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน หลังจากนั้นจะไปใช้บริการเมื่อใดก็ได้ตามเวลาเปิด-ปิดของคาเฟ่ สำหรับสนนราคาเริ่มต้นที่ 6,000 เยนหรือราว 1,845 บาท ไปจนถึง 10,000 เยน (3,075 บาท) ต่อเดือน แล้วแต่คาเฟ่ แต่โดยรวมแล้ว ค่าบริการย่อมเยากว่า co-working space แน่นอน จึงไม่แปลกที่คาเฟ่ประเภทนี้จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ 

    รายงานระบุว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนคาเฟ่ห้องเรียนในโตเกียวเพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเป็นร้อยละ 30 โดยปัจจุบันมีประมาณ 113 แห่ง ส่วนในโอซาก้า เพิ่มจากเดิมร้อยละ 40 มาอยู่ที่ 96 แห่ง บริษัท Bookmarks Inc. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคาเฟ่ห้องเรียนรายใหญ่ภายใต้ชื่อ Benkyo café และมีสาขากระจาย 21 แห่งมีแผนจะขยายธุรกิจเพิ่มอีก 6 แห่งภายในปี 2019 ฮิโรชิ โยมามุระ ผู้ก่อตั้งคาเฟ่ล่าว่าสมาชิกที่มาใช้บริการเป็นกลุ่มที่มุ่งมั่นฝึกภาษาต่างประเทศ ขณะที่เจ้าของ Jishuu Café ในโอซาก้ามองว่าตลาดคาเฟ่ประเภทนี้มีศักยภาพและยังเติบโตได้อีก ทางคาเฟ่จึงเตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 4 แห่งและจะขยายให้ครบ 20 สาขาเพื่อครอบคลุมพื้นที่โอซาก้าสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการ ส่วนใหญ่อยู่ในวัย 30 และทำงานหลากหลายสาขา ทั้งการเงิน ไอที และสาธารณสุข

      คาเฟ่ห้องเรียนอาจจะไม่ใช่ไอเดียแปลกใหม่อะไร เพราะในหลายประเทศ เช่น เกาหลี อินโดนีเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่อเมริกาก็มีบริการเช่นกันแต่อาจยังไม่แพร่หลาย ในบ้านเราอาจมีคาเฟ่ที่เจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา แต่ถึงขั้นจัดสรรพื้นที่ให้ลูกค้าอ่านหนังสือแบบส่วนตัวและคิดค่าบริการรายเดือนในราคาที่เป็นมิตร คิดว่ายังไม่มี เชื่อว่าไอเดียนี้น่าจะได้รับการตอบรับดีไม่น้อยโดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ 


ข้อมูล
http://asia.nikkei.com/Business/Consumers/More-Japanese-adults-are-hitting-the-books-at-study-cafes


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​