เรื่องที่ต้องรู้...ก่อนคิดเป็นเจ้าของธุรกิจรองเท้า

Text : Miss.NIM
 

     ยุคนี้คิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจ มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมอีกต่อไป เพราะมีตัวช่วยมากมายที่จะทำให้คุณก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างง่าย อย่างการสร้างแบรนด์รองเท้าเป็นของตัวเอง ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการหน้าใหม่ไม่น้อย ที่วาดฝันว่าจะทำรองเท้าดีๆ สักคู่ เพื่อกระโดดสู่สนามแข่งขัน ก็หอบเอาความคิดเหล่านี้ไปให้โรงงานผลิตออกมาให้ แต่ท้ายที่สุดความฝันนั้นอาจจะสะดุดได้ เพราะคุณอาจจะยังไม่เข้าใจในธุรกิจรองเท้าจริงๆ ฉะนั้นก่อนจะกระโดดสู่ตลาดรองเท้า คุณรู้เรื่องเหล่านี้แล้วหรือยัง

 



กว่าจะมาเป็นรองเท้าหนึ่งคู่



    ก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจรองเท้า สิ่งแรกเราควรรู้ก่อนว่า กว่าจะมาเป็นรองเท้าได้คู่หนึ่งต้องผ่านขั้นตอน วิธีการอะไรบ้าง
     

    ในรองเท้าหนึ่งข้าง มีส่วนประกอบหลักสำคัญอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ส่วนที่หุ้มห่อเท้าด้านบนที่เรียกว่า “หน้ารองเท้า” หรือ upper และ 2. พื้นรองเท้า ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักที่ดี มีส่วนประกอบหลายชั้น เรียงลำดับจากล่างขึ้นบน ได้แก่ พื้นรองเท้า ต้องมีความแข็งแรง ทนทาน เพื่อปกป้องเท้า, แผ่นรองพื้น หรือ นิยมเรียกว่า “เต้” ทำหน้าที่ยึดระหว่างหน้ารองเท้าและตัวพื้น และชั้นสุดท้าย คือ ฟองน้ำ เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายระหว่างสวมใส่


     โดยการจะทำรองเท้าออกมาได้คู่หนึ่ง ต้องผ่านการออกแบบวาดแพทเทิร์นเหมือนกับการวาดแพทเทิร์นเสื้อผ้า เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการผลิตจริงก่อน แต่ด้วยลักษณะของรองเท้าที่เป็นรูปทรงสามมิติ ไม่เหมือนเสื้อผ้าที่เป็นสองมิติ ขั้นตอนการสร้างแพทเทิร์นของรองเท้า จึงมีขั้นตอนพิเศษกว่าการออกแบบวาดรูปอยู่บนกระดาษเฉยๆ ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสร้างแพทเทิร์นรองเท้าแต่ละแบบขึ้นมาได้ ก็คือ หุ่นรองเท้านั่นเอง


     หุ่นรองเท้า จะทำหน้าที่เป็นต้นแบบกำหนดขนาด หรือ size รวมถึงรูปแบบรองเท้าในลักษณะต่างๆ เช่น รองเท้าแตะ รองเท้าหุ้มข้อส้นเตี้ย (flat shoes) รองเท้าส้นสูง รองเท้าบูธ รองเท้าผู้ชาย ฯลฯ ซึ่งรูปทรงแต่ละแบบ แต่ละไซส์ ต้องใช้หุ่นรองเท้าที่แตกต่างกันไปในการสร้างแพทเทิรน์

 


รู้แหล่งรวมวัสดุอุปกรณ์รองเท้า


    เมื่อถึงรู้ขั้นตอนการผลิตรองเท้าคร่าวๆ แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องรู้ คือ แหล่งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะนำมาประกอบขึ้นเป็นรองเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งแหล่งขายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับรองเท้าแหล่งใหญ่นั้นอยู่ที่ย่านเจริญรัถ แถววงเวียนใหญ่ เป็นที่รู้กันดีว่าหากใครคิดอยากผลิตรองเท้า หรือทำเครื่องหนังต่างๆ ต้องมาที่นี่ มีให้เลือกครบตั้งแต่หุ่นรองเท้า หนังแท้ หนังเทียม ผ้า อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ที่จะนำมาใช้ทำหน้ารองเท้า ไปจนถึงพื้นรองเท้า เป็นอีกแหล่งที่ผู้เริ่มต้นทำรองเท้าควรไปเดินศึกษาดู แต่หากธุรกิจเติบโตขึ้นมาระดับหนึ่ง หรืออยากได้รูปแบบรองเท้าที่มีความเฉพาะเจาะจงในแบรนด์ของตัวเอง


     นอกเหนือจากที่เจริญรัถผู้ประกอบการยังสามารถตามหาโรงงานผลิต เพื่อผลิตชิ้นส่วนต่างๆ นำมาใช้เองได้ด้วย เช่น โรงงานผลิตหุ่นรองเท้า โรงงานผลิตพื้นรองเท้า ซึ่งสามารถเสิร์ชหาได้ไม่ยากจากในอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะสามารถสร้างจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ให้กับรองเท้าได้ด้วย
 

ลงทุนผลิตเอง หรือจ้าง OEM ดี


    อีกสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจเลือก คือ รูปแบบการผลิต ซึ่งมีให้เลือก 2 วิธี คือ 1.การจ้างช่างฝีมือ เพื่อลงทุนผลิตเอง 2.การจ้างโรงงานผลิตให้แบบครบวงจร หรือที่เรียกว่าOEM ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป


     การเริ่มต้นจากจ้างผลิต OEM อาจสะดวกและง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ เนื่องจากมีผู้ชำนาญกว่ามาช่วยดูแลการผลิตให้ สามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่า ไม่ต้องไปตามหาแหล่งผลิตต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องปวดหัวกับการดิวกับช่างโดยตรง แต่การใช้ OEM ต้องใช้เวลาผลิตนาน เนื่องจากไม่ได้มีเราเจ้าเดียวที่จ้างผลิต บางครั้งหากเผื่อสต็อกไม่ดี อาจไม่ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค ยังไม่นับรวมราคาการผลิตที่สูงกว่าการลงทุนผลิตเองแน่นอน


     ในส่วนการจ้างช่างผลิตเอง อาจมีความยุ่งยากกว่าในการจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเลือกซื้อวัสดุ การพูดคุยกับช่างผลิต การควบคุมคุณภาพ แต่อาจทำให้ผู้ประกอบการได้รายละเอียดรองเท้าที่ตรงใจกว่า หากมีแบบอะไรใหม่ๆ ก็สามารถให้ลองขึ้นตัวอย่างได้ในทันที รวมถึงยังสามารถผลิตงาน แก้ไขงานเฉพาะหน้าได้อีกด้วย เช่น บางครั้งลูกค้าสั่งออร์เดอร์พิเศษมา ก็สามารถทำได้ในทันที
 




เริ่มต้นขายยังไงดี


    เมื่อผลิตรองเท้าสวยๆ ออกมาได้แล้ว ก็ต้องขายได้ด้วย แล้วจะเริ่มต้นขายอย่างไรดี ปวีณา ทัศนาเสถียรกิจ และเขมกร คำสุกสีกุล เจ้าของแบรนด์รองเท้า NOVEM รองเท้าแฟชั่นหนังแท้สำหรับสตรี เล่าถึงประสบการณ์การเริ่มต้นทำธุรกิจรองเท้าให้ฟังว่า


     “ตอนแรกเราเริ่มต้นจาก 4 แบบก่อน คือ ส้นสูง รองเท้าแตะ และแฟลตชู หรือรองเท้าส้นเตี้ยอีก 2 แบบ แต่ละแบบมีประมาณ 3 - 5 สี รวมแล้วประมาณ 17 แบบ หรือเรียกว่า 17 SKU ไซส์ตอนแรกที่ทำมี 7 ไซส์ คือตั้งแต่ 35 - 41 ตอนหลังเพิ่มมาอีก 2 ไซส์ คือ 34 กับ 42 จะมีติดไว้สีละคู่ คือ คนกลุ่มนี้หารองเท้ายาก แต่ถ้าเจอไซส์ที่ใส่ได้ เขาก็จะเอาเลย ปกติจะสั่งผลิต 2 - 3 คู่ต่อ1 ไซส์ 1 แบบต่อ 1 สี แต่ไซส์ขายดีอย่าง 37 -39 จะมีเผื่อไว้ 3 คู่ สรุป คือ รองเท้า 1 แบบต่อ 1 สีจะผลิตไว้ประมาณ 17 -20 คู่ให้ลูกค้าเลือก ซึ่งการจัดทำสต็อก ถือเป็นปัญหาหนึ่งสำหรับการทำรองเท้า ต้องจัดการสต็อกดีๆ ไม่เช่นนั้นอาจไม่เพียงพอหรือเกิดสต็อกจมได้ วิธีคิดนี้ได้มาจากตอนเริ่มแรกที่รับรองเท้ามาขาย จึงทำให้รู้ว่าไซส์ไหนขายดี ลูกค้าชอบรองเท้าทรงไหน เป็นข้อดีที่เราได้ลองตลาดมาก่อน ซึ่งรองเท้าของเราจะมีเอกลักษณ์ คือ หัวแหลม แต่เป็นหัวแหลมที่ค่อนข้างกว้างใส่แล้วไม่บีบหน้าเท้า นี่คือ ลักษณะพิเศษของ NOVEM เลย


    สำหรับคนเริ่มต้นเปิดร้านอยากให้มีสัก 4 แบบ ประมาณ 200 คู่ เป็นจำนวนที่เราคิดว่าค่อนข้างโอเค ดูน่าสนใจ ถ้ามีน้อยเกินไป อาจไม่ได้รับความสนใจ แต่ทั้งนี้อาจต้องมีประสบการณ์ทดลองตลาดมาก่อนว่าแบบที่จะผลิตออกไป เป็นที่ต้องการของตลาดไหม ส่วนใหญ่เราจะขายผ่านช่องทางป๊อบอัพสโตร์ เพื่อพบลูกค้าโดยตรงและออนไลน์ด้วย เรายังไม่มีหน้าร้าน เพราะมองว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และเป็นการผูกมัดการขายอยู่กับพื้นที่พื้นที่เดียว แต่ป๊อบอัพสโตร์เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้มากขึ้น รองเท้าจะไม่เหมือนสินค้าอื่นที่ตัดสินใจซื้อได้ง่ายเหมือนเสื้อผ้า ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ เขาต้องทดลองให้ดีว่าสามารถใส่ได้หรือเปล่า แรกๆ เขาอาจยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อเรา แต่พอลองแล้วใส่ได้ดี วันหลังเขาก็ซื้อได้ง่ายๆ เลย บางคนสั่ง 4-5 คู่ต่อแบบ คละสีกันไป ผู้หญิงจะเป็นแบบนี้ ถ้าเจอคู่ไหนใส่ได้ดี ชอบถูกใจ ก็จะซื้อทีเดียวหลายคู่ เอาไว้ใส่เปลี่ยนกับชุดต่างๆ”


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​