CakeCode เค้กมะพร้าวที่ไม่ธรรมดา

 
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย
 
 
ร้านเบเกอรี เชื่อว่ายังคงเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายๆ คน เพราะสะท้อนได้จากจำนวนร้านขนมประเภทนี้ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบนับกันไม่ไหวนั่นเอง เรียกว่ามีทั้งแบรนด์ใหญ่แบรนด์เล็กให้ผู้บริโภคเลือกได้ตามใจชอบ และยิ่งในยุคดิจิตอลแบบนี้ด้วยแล้ว ร้านเบเกอรีจึงไม่ได้ถูกจำกัดว่าจะต้องมีหน้าร้านไว้รอให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเท่านั้น สื่อออนไลน์ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยังถูกใช้เป็นช่องทางในการเริ่มต้นธุรกิจและส่งความอร่อยไปถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว ท่ามกลางผู้เล่นในตลาดมากมายนี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกร้านหรือทุกแบรนด์จะประสบความสำเร็จได้ นั่นคือโจทย์ที่เจ้าของธุรกิจร้านเบเกอรีต้องตีให้แตก เพื่อหาคำตอบของการอยู่รอดและเอาชนะคู่แข่ง
 
 CakeCode คือหนึ่งในธุรกิจร้านเบเกอรีที่ยืนหยัดมากว่า 8 ปี กับแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจน พร้อมๆ กับการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้เป็นมากกว่าแค่การขายขนม ก้องกฤษณ์ นิลวิเชียร เจ้าของ และผู้ก่อตั้ง CakeCodeCafe อดีตสจ๊วตหนุ่มของสายการบินไทย ซึ่งตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมากว่า 17 ปี เพื่อลุยธุรกิจเบเกอรีแบบเต็มตัว เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของ CakeCode ว่าเขามีความคิดไม่ต่างจากคนทั่วไปที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และด้วยความที่งานบนเครื่องบินทำให้ได้คลุกคลีอยู่กับอาหารและขนมต่างๆ อีกทั้งทางญาติก็มีประสบการณ์ทำร้านเบเกอรีมาก่อน มีสูตรขนมอยู่มากมาย ก้องกฤษณ์ได้ไปฝึกปรือฝีมือในการทำขนมจนมั่นใจในระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจเบเกอรีของตัวเองขึ้นมา ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ 

 
“หลังจากเปิดร้าน CakeCode ขึ้นมา ธุรกิจก็เดินไปได้เรื่อยๆ การที่เราทำงานประจำไปด้วย นอกจากตัวเองจะเป็นคนดูแลร้านแล้ว ช่วงแรกๆ จะมีญาติเข้ามาช่วย แต่พอเริ่มเข้าที่ก็มีการเทรนพนักงานขึ้นมาดูแล จนกระทั่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดว่าต้องลุยทำธุรกิจนี้จริงๆ จังๆ แล้ว นั่นคือ การที่คุณแม่ป่วยและต้องอยู่คนเดียว เพราะด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางอยู่ตลอด จึงไม่สบายใจ และในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกมาเพื่อทำร้านนี้เต็มตัวเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา”
 
สิ่งที่ก้องกฤษณ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจ คือเรื่องของคุณภาพ เมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะจริงจังกับธุรกิจนี้ การลงมือศึกษาให้รู้ลึกในเรื่องนั้นๆ เชื่อว่าจะนำมาซึ่งคุณภาพที่ดีนั่นเอง และจากการทำร้านมาได้ระยะหนึ่งทำให้ทราบว่า เค้กมะพร้าว ถือเป็นสินค้าขายดีของทางร้าน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาหันมาศึกษาเรื่องของมะพร้าวแบบลงลึก พร้อมๆ กับการเดินทางไปตามแหล่งปลูกมะพร้าวในพื้นที่ต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะเรียนรู้ว่ามะพร้าวที่ดีเป็นอย่างไร รู้จักวิธีการเลือกมะพร้าว มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก่ น้ำเปรี้ยว น้ำหวาน ดูอย่างไร นั่นเป็นเพราะว่าสูตรเค้กของ CakeCode นั้น ต้องใช้เฉพาะมะพร้าวอ่อนจริงๆ เท่านั้น ถึงตรงนี้ก้องกฤษณ์ย้ำกับเราด้วยว่า การที่เขาศึกษาอย่างจริงจังนั้น ทำให้เขาได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง  
 
นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของร้าน CakeCode มุ่งเน้นมาโดยตลอดเช่นกัน อย่างล่าสุด ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาเรียกว่า CakeCodeDome ซึ่งเป็นการมิกซ์กันระหว่างมะพร้าวคว้านกับเค้กชิฟฟอนเนื้อนุ่มสูตรเฉพาะต้นตำรับของ CakeCode ที่ล้อมรอบเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่จากการได้ลิ้มลองความอร่อยจากน้ำมะพร้าว เนื้อมะพร้าวอ่อน และเนื้อเค้กชิฟฟอนไปพร้อมๆ กันในหนึ่งเดียว ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน กลายเป็นจุดเด่นให้กับร้านและนำมาซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากหน้าร้านและการสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ 
 
ไม่ใช่เพียงแค่ไอเดียสร้างสรรค์เท่านั้นที่ช่วยสร้างความต่างให้กับ CakeCode การรู้จักนำเอาความเชี่ยวชาญของตัวเอง จนนำไปสู่การต่อยอดธุรกิจภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ ก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มโอกาสให้ร้านเบเกอรีแห่งนี้
 
“มีคนมาถามผมบ่อยมากว่ามีวิธีการทำธุรกิจยังไง บริหารเวลายังไงตอนที่ทำงานประจำอยู่ ก็เริ่มคิดแล้วว่า ประสบการณ์ของเราเกือบ 10 ปี เพราะก่อนจะเปิดร้านนี้ผมเคยขายส่งมาก่อน น่าจะสามารถเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยสอนคนที่เขาไม่รู้อะไรเลยได้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราขยายธุรกิจไปสู่การเป็น Consult ในเรื่องของการเปิดร้านเบเกอรีสำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจ”

ถึงตรงนี้ ก้องกฤษณ์เล่าขยายความให้ฟังถึงในส่วนของบริการ Business Consulting ว่า มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน โดยกลุ่มแรก คือ ออนไลน์ ซึ่งจะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ คนที่ยังทำเค้กไม่เป็นเลย หรือมีความลังเลว่าตนเองชอบการทำเค้กหรือไม่ ตรงนี้ก็จะเข้าไปช่วยสอนการทำเค้กให้ กับอีกแบบคือ คนที่ต้องการนำสูตรของ CakeCode ไปทำขายออนไลน์ เพราะยังไม่พร้อมที่จะมีหน้าร้าน อีกทั้งยังเหมาะกับยุคนี้ที่สื่อออนไลน์ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก กลุ่มต่อมาคือ คีออส สำหรับกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ยังไม่พร้อมจะมีหน้าร้านใหญ่ๆ จึงเริ่มต้นจากคีออสเล็กๆ ก่อน และกลุ่มสุดท้าย สำหรับคนที่ต้องการเปิดเป็นหน้าร้านขนาดใหญ่ ในกลุ่มนี้ทาง CakeCode จะเข้าไปช่วยให้คำปรึกษาตั้งแต่เรื่องของการคิดคอนเซ็ปต์ร้าน การหาโลเกชั่น การบริหารจัดการ และทุกๆ อย่างที่จะทำให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจร้านเบเกอรีขึ้นมาได้
 
“ปัจจุบันสัดส่วนกลุ่มที่เป็นออนไลน์จะมากที่สุด กลุ่มนี้นอกจากจะสอนทำเค้กแล้ว ซึ่งเรามีสูตรเค้กมากกว่า 100 ชนิดให้เขาได้เลือกเรียน เรายังสอนถึงวิธีการทำธุรกิจให้กับเขาด้วยว่าจะต้องคิดยังไง ลงทุนเท่าไร คิดราคาขายยังไง ต้นทุนวัตถุดิบเป็นยังไง เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาต้องรู้ เพราะแค่ทำขนมเป็น ไม่ได้แปลว่าจะขายได้เสมอไป ในกลุ่มที่เป็นคีออสก็เหมือนกัน ส่วนกลุ่มที่จะเปิดเป็นร้านนั้น แน่นอนว่ามีน้อยกว่ามาก เพราะด้วยการลงทุนที่มากกว่า และไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่ก็ยังมีคนมองเห็นโอกาสและสนใจเข้ามาให้เราช่วยแนะนำอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ สำหรับใครที่ยังไม่กล้าลงทุนพวกอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากเรียนไปแล้ว สามารถที่จะมาใช้ครัวที่ร้าน ลองทำขนมไปขายดูก่อนก็ได้ คิดค่าเช่าเป็นรายวันไป ถือเป็นอีกบริการที่เรามีไว้รองรับลูกค้า” 
 
สำหรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตนั้น ก้องกฤษณ์บอกว่า ขณะนี้กำลังมองถึงเรื่องของการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว อย่าง CakeCodeDome ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมระบบให้พร้อม ทั้งเรื่องการขนส่ง แพ็กเกจจิ้ง ฯลฯ โดยจะเริ่มจากประเทศใกล้ๆ ก่อน เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่สดใหม่ไม่ต่างจากลูกค้าคนไทย นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแนวคิดที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจ โดยให้ลูกค้าสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ รวมถึงการให้บริการ Business Consulting ในรูปแบบออนไลน์เช่นกัน ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่าเป็นอีกเรื่องที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตอาจจะมีการนำผลไม้ไทยอื่นๆ มาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เบเกอรีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายและมากยิ่งขึ้น      
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 
 
 
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​