7 เทรนด์คอสเมติกปี 2019 รู้เร็ว! เจาะตลาดความสวยได้ก่อน






     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้ก้าวมาเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายต่างก็ขาดสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้กับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน โดยจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเจริญเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมไปจนกระทั่งผลิตภัณฑ์ดูแลเล็บเท้า รวมทั้งการเกิดขึ้นของสถาบันความงามที่พร้อมรองรับทุกความต้องการของทุกเพศทุกวัยได้อย่างไม่มีข้อจำกัด 
 

     อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากราฟการเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางจะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น แต่ยังเห็นได้ชัดเจนว่า สมรภูมิดังกล่าวมีการแข่งขันกันที่เข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไปด้วย และเพื่อไม่ให้โอกาสของผู้ประกอบการไทยในการแข่งขันต้องสะดุด 


     จากการเปิดเผยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลว่าประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญแห่งหนึ่ง มีการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอยู่ในลำดับที่ 17 

 
     โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 (มกราคม - มีนาคม) ที่ผ่านมาเมื่อต้นปี มูลค่าตลาดส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อยู่ที่ 671.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 15.12 โดยผลจากอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น มาจากผู้ประกอบการเครื่องสำอางรายย่อย หรือ SME  ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดังกล่าวให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ถือได้ว่ามาถูกทาง และมีการเติบโตที่ค่อนข้างเร็ว เนื่องจากมีการสร้างเอกลักษณ์ นวัตกรรม และความแตกต่างที่ทันกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค 
 

     อย่างไรก็ตาม การตอบสนองเพื่อให้ทันกับกระแสปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ การรู้เทรนด์แห่งอนาคตนับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ซึ่งพบว่า 7 เทรนด์เครื่องสำอางในปี 2019 ที่จำเป็นต้องรู้และนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่  





     1. เครื่องสำอางออแกนิก จากกระแสนิยมรักสุขภาพและการใฝ่หาความเป็นธรรมชาติ 100% ส่งผลให้ผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาใส่ใจในวัตถุดิบ เน้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั้งหมดเข้ามาแทนที่การใช้สารเคมีจึงเป็นเทรนด์ที่ยังร้อนแรงและเด่นชัดมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแค่ใช้พืชพรรณสมุนไพร แต่ยังรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ต้องใส่ใจในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ขวดแก้วที่ใส่บรรจุภัณฑ์แทนขวดพลาสติก กล่องสินค้าที่ย่อยสลายและมีกลิ่นอ่อนๆของธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้ใช้แล้ว ยังเป็นการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง เพราะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเท่ากับลดการใช้สารเคมี และยังเป็นการสร้างความน่าสนใจที่แตกต่างกับสินค้าทั่วไปในท้องตลาดได้อีกด้วย 


     2. นวัตกรรมเทคโนโลยีความงาม นวัตกรรมและเทคโนโลยี ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจควรเริ่มตั้งแต่การคิดค้นสูตร การวิจัย ต่อเนื่องถึงกระบวนการผลิต เช่น เครื่องจักรที่ทันสมัย การใช้วัตถุดิบที่แตกต่าง ระบบควบคุมคุณภาพที่ใช้ในระหว่างการผลิต การจัดเก็บ ตลอดจนถึงขั้นตอนการขนส่งถึงลูกค้า และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เช่น การใช้นวัตกรรมลดริ้วรอย ส่วนผสมเพื่อการบำรุงผิวพรรณ  นวัตกรรมยกกระชับต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จำเป็นต้องพัฒนาขึ้นเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อวิถีผู้บริโภคสมัยใหม่  และยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นที่ยอมรับในระดับสากล





     3. สมุนไพรไทย Only in Thailand ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งสมุนไพรที่ได้การยอมรับจากทั่วโลก วิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าไทยกับแบรนด์ต่างประเทศคือ การใช้ส่วนผสมที่มาจากเมืองไทยที่หาได้เพียงที่นี่ที่เดียว แต่อย่างไรก็ตามก็จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ด้วยการเสริมงานวิจัยและวิทยาศาสตร์มาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ซึ่งกลยุทธ์ข้อนี้ถือเป็นแนวทางส่งเสริมให้กับกระแสออแกนิกที่กำลังทวีกระแสให้เติบโตควบคู่กันได้ดียิ่งขึ้น





    4. ไอโอที สมาร์ท บิวตี้  (Internet of Things หรือ IoT) เป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และคงจะดีไม่น้อยหาก มีเครื่องสำอางที่ชาญฉลาด อำนวยความสะดวกด้านผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า “ความสวย” และเชื่อมโยงกับโลกอินเทอร์เน็ตไร้สายได้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น การใช้เซนเซอร์ผนึกกับผิวหนังเผื่อตรวจวัดค่าแสง UV พร้อมรายงานให้ผู้ใช้ทราบผ่านมือถือแบบเรียลไทม์ การสร้างแอปพลิเคชั่นเสริมเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับรู้ถึงผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมที่มีผลต่อร่างกาย การสแกนใบหน้าเพื่อวัดค่าอันตรายจากการใช้เครื่องสำอาง ฯลฯ ทั้งนี้ กลยุทธ์การใช้ IoT เป็นโอกาสที่จะได้ทั้งการจดจำแบรนด์ ช่วยดึงดูดความสนใจ รวมถึงเป็นการสร้างความต้องการให้เกิดขึ้นใหม่ให้กับผู้บริโภค ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มมีแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังได้พัฒนาแคมเปญการตลาดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


     5. ตอบโจทย์ทุกเฉดสีผิว ทุกวันนี้ เครื่องสำอางหลายแบรนด์ระดับโลกได้หันมาให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลายของผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดและทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก และต้องเข้าใจทุกปัญหาของผู้บริโภคทีมีอยู่อย่างไม่จำกัดเพื่อตอบทุกโจทย์และเข้าถึงการตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ เทรนด์ดังกล่าวยังช่วยให้ผู้ใช้ได้ความรู้สึกแห่งความเท่าเทียม รวมทั้งช่วยให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


     6. Anti –Pollution ดูดีได้ในทุกสภาวะ ปัญหาจากมลภาวะจากการใช้ชีวิต โดยเฉพาะกับคนเมือง ถือเป็นปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น ไอเสียจากการจราจร ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นภัยที่ทำร้ายสุขภาพและความสวยงามได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การผลิตเครื่องสำอางเพื่อปกป้องผิวจึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจและเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้บริโภคจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน





     7. กลิ่นหอมสร้างแรงบันดาลใจ การใช้กลิ่นเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าหลากหลายแบรนด์ได้นำแรงบันดาลใจนำกลิ่นต่างๆ มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่น กลิ่นผลไม้ กลิ่นขนมหวาน กลิ่นเครื่องดื่ม กลิ่นดอกไม้ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ในข้อนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ที่ต้องทำเพราะแบรนด์ทั่วไปทำเท่านั้น แต่เป็นการเข้าถึงความรู้สึกและให้ประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แก้อาการวิตกกังวล ให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นต้น
 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​