​อลิสา พันธุศักดิ์ ถอดสูตรความสำเร็จ 4 ทศวรรษ “ทิฟฟานีโชว์”






 
     หากจะเอ่ยถึงเรื่องของการแสดงโชว์ที่ให้ความบันเทิงแบบเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะกับความสวยงามและความสามารถของสาวประเภทสอง นาทีไม่มีใครไม่รู้จัก “ทิฟฟานีโชว์” ผู้นำด้านเอนเตอร์เทนเมนท์ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองพัทยาที่สร้างชื่อเสียงมากว่า 43 ปี กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ต้องใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง มาฟังจากปากของ อลิสา พันธุศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีเอส โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารทิฟฟานีโชว์และทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพันธุศักดิ์กัน
 

การยึดมั่นในความเป็นเอกลักษณ์และให้โอกาสสาวประเภทสองสร้างจุดแข็งที่แตกต่างให้กับ ทิฟฟานีโชว์
 

.อลิสา: ทิฟฟานีโชว์เป็นเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ทำงานได้ด้วยตัวมันเอง มีความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของการแสดงโชว์จากสาวประเภทสองที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยแต่ยังพร้อมด้วยความสามารถที่หลากหลาย ทั้งเรายังมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบโชว์ทุกปี ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ดึงคนให้มาดูได้ตลอด
 

มุมมองที่เปลี่ยนแปลงพร้อมใจที่เปิดกว้างทำให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อและมีการเติบโต
 

อลิสา: การทำธุรกิจตรงนี้เรามองไปที่ความภาคภูมิใจทั้งในส่วนของครอบครัวและการเป็นโปรดักต์ไทยที่พูดได้เต็มปากว่าสามารถขายได้มา 4 ทศวรรษ แม้ช่วงทศวรรษแรกอาจจะลำบากนิดนึงด้วยความอคติต่ออัตลักษณ์ทางเพศ แต่พอมาปัจจุบัน ทิฟฟานีโชว์ เป็นสิ่งที่ A Must ที่นักท่องเที่ยวต้องมาดู เราไม่ได้ขายความเป็นเพศแบบเมื่อก่อน แต่ขายในเรื่องของความสามารถ ซึ่งเรื่องที่คนมองตอนนี้ก็คือความสามารถของนักแสดงและการเป็นองค์กรที่ให้โอกาสและประสบความสำเร็จของทิฟฟานีโชว์
 


 Cr: ทิฟฟานีโชว์



ทิฟฟานีโชว์ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับไม่ใช่แค่เฉพาะคนไทยแต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ
 

อลิสา: แบรนด์เราค่อนข้างแข็งแรงในตลาดต่างประเทศซึ่งเรามีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเอเชียโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นคนไทยจากพวกกลุ่มสัมมนา อินเซนทีฟ บริษัทและคอร์เปอร์เรทต่างๆ การเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนหรือไฮเอนด์ที่ไม่ใช่แบบกรุ๊ปทัวร์ เป็นอีกหนึ่งวิธียกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์และคุณภาพของกลุ่มลูกค้า โดยทุกวันนี้ลูกค้าของเราโดยเฉพาะชาวจีนจะเป็นกลุ่มที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวเองหรือ FIT ที่ทำการจองตั๋วชมการแสดงทางอินเทอร์เน็ตเองไม่ได้มากับทัวร์ รวมถึงบางกลุ่มเป็นการท่องเที่ยวซ้ำหรือมีประสบการณ์เคยมาเที่ยวกับบริษัททัวร์แล้วจึงเลือกที่จะมาเที่ยวเอง
 

การทำโชว์ต้องเป็นที่น่าจดจำ มีคุณภาพ ผ่านสมองและความคิดของเราเอง
 

อลิสา: จุดแข็งของเราคือ การเป็นเจ้าแรกที่มีประสบการณ์มากที่สุด เราเป็นคนทำโชว์ที่ไม่เลียนแบบใคร ทุกโชว์เกิดจากความคิดและการสร้างสรรค์ออกแบบของเราเอง ทำเพลงที่เป็นลิขสิทธิ์ของเราเอง ในส่วนของการแสดงเราเน้นใช้ความเด่นของแต่ละบุคคลในการที่จะสร้างความน่าจดจำให้คนดูประทับใจ รวมถึงความสวยงามและความสามารถต่างๆซึ่งต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงบนเวทีเยอะเหมือนการแสดงโชว์ของจีนที่เน้นจำนวนคนและท่าเต้นที่เหมือนกัน โดยเราสร้างความแตกต่างด้วยการเป็น Personal Touch ทำให้ผู้ชมเห็นการแสดงของนักแสดงแต่ละคนได้อย่างเด่นชัดและน่าประทับใจ ซึ่งสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีนได้เป็นอย่างดีเพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดูโชว์ที่เห็นหน้าชัดๆ มีความสวยงาม มีเรื่องราวและมีที่มาที่ไป


 

การรีโนเวท เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรทิ้งเพื่อสร้างความแปลกใหม่ ทันสมัยและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า
 

อลิสา: ที่ผ่านมาทางทิฟฟานีมีการรีโนเวทหรือทำการปรับปรุงแบบย่อยๆ มาโดยตลอด แต่สำหรับปีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ในรอบ 18 ปี โดยเราทุ่มงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงอาคาร การตกแต่งภายในให้ทุกอย่างแสดงให้เห็นถึงความเป็นทิฟฟานีโชว์ ปรับรูปแบบโชว์ให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากขึ้น การจัดระเบียบทางเข้าออก การเพิ่มในส่วนของบันไดเลื่อนเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า รวมถึงการนำระบบซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการจำหน่ายตั๋วออนไลน์เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งการปรับปรุงแบบนี้ก็เพื่อทำให้ ทิฟฟานีโชว์ เป็นโรงละครสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัยและสามารถสร้างความน่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยวได้
 

ไม่หยุดแค่ที่พัทยา ทิฟฟานีโชว์ เล็งขยายสาขาสู่ภาคใต้ของไทย
 

อลิสา: เรามองถึงการไปเปิดทิฟฟานีโชว์ที่ภาคใต้ของไทยไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า โดยภูเก็ตถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพและพร้อมด้วยกลุ่มลูกค้าหลากหลายตลาดไม่ว่าจะเป็นยุโรป สแกนดิเนเวียหรือแม้กระทั่งชาวจีนที่เป็นลูกค้าระดับบนและมีกำลังซื้อสูง โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการศึกษารูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะทำออกมาให้มีคอนเซปต์ที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันกับที่พัทยา


 Cr: ทิฟฟานีโชว์



ไทยมาเช่ อีกหนึ่งธุรกิจที่พร้อมต่อยอดและเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของพัทยา
 

อลิสา: ร้านอาหาร ไทยมาเช่ จะเป็นที่รวบรวมสตรีทฟู้ดยอดนิยมของเมืองไทยมาไว้ในที่เดียวกันบนพื้นที่กว่า 4,631 ตารางวาตั้งอยู่ใกล้โรงละครทิฟฟานีโชว์ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ All Day Café ที่จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนเป็นโซนที่รวบรวมมื้อเช้าและอาหารแบบ Appetizer ของไทยเอาไว้ และส่วนของ Station ที่จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนที่รวบรวมเอาเมนูอาหารที่หลากหลายไว้ถึง 15 สเตชั่น เช่น Noodle Station Grill Station Seafood Station Fruit Station และ Somtum Station เป็นต้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้แบบเบ็ดเสร็จหรือ One Stop Service ซึ่งทุกร้านเป็นของเราและทุกเมนูจะถูกทำจากเชฟที่มีฝีมือและมากประสบการณ์ นอกจากนี้ยังมีห้อง Blue Salon ที่ตกแต่งด้วยสีฟ้าพร้อมการบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟซึ่งสามารถปรับฟังก์ชั่นเป็นห้องสำหรับงานแต่งงานหรืองานหมั้นได้ รวมถึงจะมีการแสดงสด (Live Show) ในโซนนี้อีกด้วย  โดยทั้งหมดพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้
 

เพราะมากประสบการณ์เลยรู้ถึงความต้องการของตลาดจึงเป็นที่มาของการจับธุรกิจใหม่
 

อลิสา: ตลาดต่างประเทศหรือชาวต่างชาติในปัจจุบันเขาโหยหาความเป็นเอกลักษณ์ นั่นก็คือการมาเที่ยวที่ประเทศไทยไม่ใช่การมานั่งทานอาหารอิตาเลียนหรืออาหารจีน แต่ใน 1 – 2 มื้อต้องได้ทานอาหารไทย โดยโปรเจกต์ร้านอาหาร ไทยมาเช่ นั้นใช้เวลากว่า 5 ปีในการดำเนินงานรวมถึงการออกแบบกว่าจะได้รูปแบบที่ลงตัวและตรงกับความต้องการของเรา ซึ่งเราได้ลงทุนไปกว่า 300 ล้านบาท หวังให้เป็นเหมือน Grand Station หรือศูนย์รวมอาหารแนวสตรีทฟู้ด ซีฟู้ดและขนมไทยสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะเราเข้าใจความต้องการของตลาดและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนในพัทยา ทำให้เราเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่จากความเข้าใจตลาดควบคู่กับ passion ในการทำธุรกิจ และด้วยการมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารกว่า 16 ปี จากการทำร้านขนมเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสอย่าง La Baguette และร้านอาหารฝรั่งเศสอย่าง La Ferme Pattaya ทำให้เราอยากขยายเป็น ไทยมาเช่ อีกทั้งเรามองว่าพัทยาเป็นเมืองที่เราเห็นตลาดชัดที่สุดเพราะเราทำงานมา 40 กว่าปีจึงทำให้รู้ว่าเราจะขายใครก่อนที่เราจะทำ เรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใครก่อนที่เราจะทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา   




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​