​O-SPA พา “สบู่ไทย” ไปดังตลาดนอก!

Text : sir.nim
Photo : Pae Yodsurang

 


 

Main Idea
 
  • กว่า 9 ปีที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว่า 17 ประเทศทั่วโลก สำหรับ “O-SPA” แบรนด์สบู่ออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์สกินแคร์พรีเมียมของไทยสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เมื่อมีความพร้อม จึงอยากกลับมาสร้างแบรนด์ในบ้านเกิดให้คนไทยได้รู้จักมากขึ้น
 
  •  โดยกว่าจะผลิตสินค้าออกมาในแต่ละชิ้นได้ ต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ข้อ คือ 1.ต้องแตกต่าง 2.ต้องดีกว่า 3.ต้องภูมิใจ




     ในบรรดาสินค้ากลุ่มสกินแคร์ที่มีอยู่ในเมืองไทย หากเอ่ยถึงชื่อ ‘O-SPA’ อาจไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่สำหรับในตลาดต่างประเทศแล้ว O-SPA คือ แบรนด์สบู่ออร์แกนิกและสกินแคร์ของไทย ที่มียอดการส่งออกสูงกว่า 17 ประเทศทั่วโลก และสร้างแบรนด์มายาวนานกว่า 9 ปี อะไร คือ ช่องว่างทำให้แบรนด์ไทยแบรนด์นี้สามารถเติบโตแข่งขันในตลาดโลกได้ ไปดูคำตอบพร้อมๆ กัน
 

     “ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่เริ่มต้นเราตั้งใจออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อไปขายยังตลาดต่างประเทศเลย เพื่อแข่งกับแบรนด์จากยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ ที่ค่อนข้างจะดังและแข็งแรงในกลุ่มสินค้าสกินแคร์ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาบน้ำ เพราะอยากให้ต่างชาติได้เห็นว่าเมืองไทยเองก็สามารถผลิตสินค้าดี มีมาตรฐานระดับโลกขายได้เหมือนกัน โดยเราพยายามเน้นเรื่องคุณภาพและมองหาช่องว่างทางตลาด โดยพบว่ากว่าร้อยละ 90 ของแบรนด์สกินแคร์ที่มี แม้เป็นแบรนด์ดังๆ ก็ยังคงใช้สารเคมีในการผลิตสินค้า ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่การันตีว่าเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติทั้งหมด เราจึงพยายามพัฒนาตรงนี้ขึ้นมาเพื่อไปแข่งขันในตลาดโลก” กชกร เตชะพูลผล ผู้ริเริ่มก่อตั้งแบรนด์ เล่าถึงวัตถุประสงค์ที่มาให้ฟัง
 

       
       
      โดยเล่าว่าก่อนหน้าที่จะมาทำสบู่พรีเมียมส่งออกนี้ ตัวเองประสบปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้เป็นคนผิวแพ้ง่ายมาก่อน จากผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ได้ ก็กลับใช้ไม่ได้แม้เป็นสินค้ามาจากแบรนด์ดังก็ตาม จึงคิดอยากผลิตสินค้าสกินแคร์จากธรรมชาติที่ปลอดภัยขึ้นมาใช้ ภายใต้ไทยแลนด์แบรนด์ที่ชื่อว่า ‘O-SPA’
               
 
     “เริ่มต้นเราไม่ได้มีความรู้พื้นฐานเรื่องการทำสบู่เลย แต่บังเอิญมีญาติเป็นเจ้าของโรงงาน เลยช่วยกันคิดวางคอนเซปต์และให้เขาผลิตให้ ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีที่เราเรียนเมืองนอก ทำให้มีประสบการณ์ได้เห็นได้ทดลองใช้สินค้าดีๆ ของต่างประเทศมากมาย จึงทำให้รู้ว่ามาตรฐานสินค้าที่จะไปแข่งขันอยู่ในตลาดโลกได้ต้องเป็นยังไง เขาต้องการอะไร ขาดอะไร และบังเอิญก็เรียนมาด้านธุรกิจการค้าระหว่างประเทศอยู่แล้ว จึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่น่าจะลองทำ เพราะตั้งแต่เด็กๆ เราเคยมีความใฝ่ฝันว่าอยากทำสินค้าไทยไปขายเมืองนอก เอาเงินจากเมืองนอกเข้ามา”
               
 



     โดยสบู่ทุกตัวของ O-SPA เป็นสบู่ Hand craft ซึ่งผลิตจากส่วนผสมชั้นดีจากแหล่งวัตถุดิบต่างๆ ของโลก ให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ขึ้นรูป ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ โดยเน้นให้ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ ไม่ต้องกังวลการระคายเคืองจากสารเคมี
               
 
     “ผลิตภัณฑ์ของเราทุกตัวที่ทำออกมาจะมีการทดสอบทำ skin test ด้วย ซึ่งผลที่ได้ออกมาทุกตัวไม่มีตัวไหนต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เลย บางตัวได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือ ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิวเลย ไม่เฉพาะแต่ตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น วัสดุที่นำมาใช้ต่างๆ เช่นกระดาษหีบห่อก็ต้องมีใบรับรองความปลอดภัย (certificate) ด้วย เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานระดับโลกที่วางไว้”





     ทั้งนี้ทั้งนั้น กว่าจะผลิตออกมาเป็นสินค้าได้แต่ละชิ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น กชกรกล่าวว่าสินค้าจากแบรนด์ O-SPA ต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ข้อ คือ 1.ต้องแตกต่าง 2.ต้องดีกว่า 3.ต้องภูมิใจ
 
 
     “เราตั้งปณิธานไว้เลยว่า ถ้าไม่ครบองค์ประกอบทั้ง 3 คำนี้ คือ แตกต่าง ดีกว่า ภูมิใจ เราจะไม่ผลิตสินค้าชิ้นนั้นออกมาขาย เพราะเราต้องการขายสินค้าที่แม้แต่พ่อแม่หรือลูกของเราก็ใช้ได้ จุดเด่นของแบรนด์ O-SPA คือ ต้องบอกว่าเราเป็นแบรนด์ที่จริงจังและให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ามาก กว่าจะได้สินค้าออกมาแต่ละชิ้นตั้งแต่เริ่มต้นทำแบรนด์แล้ว เราใช้เวลาทดลองผลิตและพัฒนาสินค้าค่อนข้างนานเลยกว่าจะทำออกมาขาย อย่างสบู่ก้อนแรกที่ทำออกมา คือ สบู่ข้าว เราใช้การพัฒนาประมาณ 2 ปี คือ ผลิตออกมาเทสต์ เทสต์จนผ่าน แต่ใช้แล้วยังไม่โอเค ก็ปรับใหม่ เราลองผลิตออกมาถึง 6 เวอร์ชั่น จึงจะได้ขายจริง แต่ครั้งแรกที่ทำออกมาก็สามารถเข้าขายในห้างที่สิงคโปร์ได้เลย หลังจากเราเปิดตัวสบู่ออกไปได้ไม่นาน ก็มีลูกค้ารีแควสเข้ามาว่าอยากให้ช่วยผลิตครีมและสินค้าสำหรับเด็กให้ด้วย เราก็ลองผลิตให้ จากตอนแรกคิดว่าจะทำแค่เป็นไลน์เสริมให้เฉพาะที่สิงคโปร์ ปรากฏว่าลูกค้าจากประเทศอื่นๆ ก็ต้องการด้วย จึงแตกไลน์เป็นกลุ่มสินค้าอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา และปัจจุบันมีเพิ่มเติมในส่วนของสกินแคร์ที่ดีต่อผิวสำหรับคนวัยหกสิบปีขึ้นไปด้วย”
 



 
     ส่วนที่มาของชื่อ O-SAP นั้นมาจากคำว่า Soap โดยมีการดึงตัว O ออกมาไว้ข้างหน้า เพื่อสื่อให้เห็นว่า แม้เป็นสินค้าที่เรียบง่ายอย่างสบู่ ก็สามารถใส่ความเป็นสปา ช่วยบำรุงผิวพรรณ สร้างกลิ่นหอมอโรม่าบำบัดร่างกายจากภายในสู่ภายนอกได้เช่นกัน โดยไม่ต้องจ่ายเงินแพงๆ เข้าสปา แค่อาบน้ำอยู่บ้านก็ได้รับความสดชื่นง่ายๆ เหมือนกัน
 
 
     นอกจากความตั้งใจจริงในการผลิตสินค้าคุณภาพออกสู่ตลาดแล้ว กชกรกล่าวว่าอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเหมือนปัจจัยสำคัญในการแข่งขันที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ ก็คือ ความได้เปรียบทางด้านแรงงานฝีมือคุณภาพที่มีต้นทุนราคาถูกกว่าในบ้านเรานั่นเอง
 



 
     “ต้องบอกว่าในเมืองไทยเรามีผู้ผลิตสกินแคร์เก่งๆ เยอะ เพียงแต่เราสร้างแบรนด์กันไม่เป็น ในส่วนของ O-SPA สิ่งที่ทำให้เราสามารถแข่งขันกับแบรนด์ดังในตลาดต่างประเทศได้ เรามองว่าข้อดี คือ ต้นทุนค่าแรงในบ้านเราที่มีราคาถูกเมืองนอก เราจึงสามารถทำสินค้าได้ในราคาต้นทุนต่ำกว่าคนอื่น ในคุณภาพที่เหนือกว่า สิ่งนี้จึงทำให้เขาตัดสินใจได้ไม่ยากเลยที่จะเลือกเรา มีหลายครั้งเหมือนกันเวลาไปออกงานเมืองนอกแล้วต้องน้อยใจ เพราะเขาไม่คิดว่าเราเป็นสินค้ามาจากเมืองไทย ไม่คิดว่าสินค้าจากบ้านเราจะทำได้ขนาดนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็แอบดีใจที่เขาเลือกเรานะ ทั้งที่จริงเขาสามารถเลือกนำเข้าสินค้าจากแบรนด์ดังต่างๆ ทั่วโลกได้เลย แต่เขาก็เลือกเรา มีหลายเจ้าเลยในตลาดโลกที่มีเราเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกของเขา เหมือนเราได้เป็นตัวแทนช่วยเปิดใจให้เขาได้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้นด้วย แต่สิ่งที่ยากสำหรับเราตอนนี้ คือ ตลาดในเมืองไทยเอง O-SPA เราเติบโตมากว่า 17 ประเทศทั่วโลกแล้ว แต่ในเมืองไทยเองคนยังรู้จักเราน้อย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้ลองใช้แล้วติดใจ ก็เลยใช้ต่อมา ในปีนี้เราจึงวางแผนทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น เพราะอยากให้คนไทยได้ทดลองใช้สินค้าดีๆ ที่ผลิตขึ้นเองโดยคนไทย ซึ่งคุณภาพไม่แพ้แบรนด์นอกที่เข้ามาในบ้านเราเลย แต่ถ้าเทียบราคากันแล้ว เราถูกกว่ามาก และเป็นอีกหนึ่งสินค้าไทย ที่คนไทยควรภูมิใจ”


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​