สวยปังไม่พังโลก! ส่องเทรนด์แพ็กเกจจิ้งเครื่องสำอางที่หันมาทำ Eco-Friendly

Text : ยุวดี ศรีภุมมา
 
 

Main Idea

 
  • ช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคอาจจะมองหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีหรือไม่ทดลองกับสัตว์ แต่มาถึงตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มถามตัวเองว่า ‘แบรนด์ที่ฉันใช้ ทำร้ายโลกไหมนะ’
 
  • ผู้บริโภคในยุคนี้จึงเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ แพ็กเกจจิ้ง กระบวนการผลิต ไปจนถึงวัตถุดิบต่างๆ นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงามที่ต้องปรับตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์รักษ์โลก
 
 
 
                
     ช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคอาจจะมองหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีหรือไม่ทดลองกับสัตว์ แต่มาถึงตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มถามตัวเองว่า ‘แบรนด์ที่ฉันใช้ ทำร้ายโลกไหมนะ’ ด้วยแพ็กเกจจิ้งของ สกินแคร์ที่ต้องโยนทิ้งหลังใช้งานเสร็จทำให้เกิดขยะมากมาย หน้าสวยแต่โลกพัง คงไม่ดีแน่! ผู้บริโภคยุคนี้จึงเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แพ็กเกจจิ้ง กระบวนการผลิตไปจนถึงวัตถุดิบต่างๆ นี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงามที่ต้องปรับตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์รักษ์โลก!


 
 
  • เหตุผลสำคัญที่แบรนด์เครื่องสำอาง-สกินแคร์ต้องหันมาใส่ใจโลกใบนี้มากขึ้น

     ข้อมูลที่น่าสนใจจาก Zero Waste Week 2018 ได้เผยว่าในอุตสาหกรรมสกินแคร์ได้มีการผลิตบรรจุภัณฑ์มากกว่า 120 ล้านชิ้นเพื่อนำไปทำแพ็กเกจจิ้งสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง และจำนวนนี้มากกว่าแพ็กเกจจิ้งพลาสติกที่ใช้บรรจุเครื่องสำอางปี 1960 ถึง 120 เท่า!


     ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามตามมาด้วยการแข่งขันของธุรกิจ ต่างคนต่างออกสินค้าใหม่โดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับหนึ่ง ธุรกิจส่วนใหญ่แข่งขันที่หน้าของของสินค้า ความเก๋ของแพ็กเกจจิ้งที่จะช่วยดึงดูดลูกค้า แต่มาถึงยุคนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เมื่อผู้บริโภคสนใจกับความสวยงามของแพ็กเกจจิ้งน้อยลงแต่นึกถึงกระบวนการ ที่มาที่ไปมากขึ้น การศึกษาล่าสุดจาก Dotcom Distribution พบว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม






     โดยธุรกิจเครื่องสำอางแบบยั่งยืนไม่ได้เป็นแค่เทรนด์แบบฉาบฉวย แต่จะกลายเป็นหนึ่งในหลักพื้นฐานของธุรกิจในอนาคต จากข้อมูลของ Statista ได้คาดการณ์ตัวเลขของแบรนด์สกินแคร์-เครื่องสำอางจากธรรมชาติว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2024


     นอกจากนี้เราจะได้เห็นคำว่า ‘Clean Beauty’ กันมากขึ้นในแวดวงเครื่องสำอางและสกินแคร์ โดย Clean Beauty จะมีความคล้ายคลึงกับที่เราใช้เรียก Clean Food ความหมายของ Clean Beauty ก็คือสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่ปราศจากสารเคมี ไร้ส่วนผสมแปลกปลอมและเป็นอันตรายต่อผิว สำหรับตลาด Clean Beauty ที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากนั่นคือสกินแคร์ที่ยั่งยืน ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและเครื่องสำอาง
 



 
  • ปรากฏการณ์ของธุรกิจความงามที่ปรับตัวกู้โลก

     หลายแบรนด์กำลังปรับตัวอย่างหนักเพื่อสิ่งแวดล้อมโลกที่ดีขึ้น อย่าง Sephora ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางชื่อดังได้เปิดตัว Clean at Sephora เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ Clean Beauty ได้สะดวกขึ้น โดยคุณสามารถเซิร์จหาสกินแคร์ธรรมชาติ เครื่องสำอางออร์แกนิกและอื่นๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์
Ethique Beauty แบรนด์สกินแคร์ Eco-Friendly ที่ให้คุณสวยได้แบบไร้ขยะ ผลิตภัณฑ์เด่นของเขาคือ Hair Care และที่ดับกลิ่น โดยเขาได้ทำผลิตภัณฑ์ออกมาในลักษณะก้อนหรือแท่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ


     คล้ายกันกับแบรนด์ Lush ที่มีจุดยืนเรื่อง Packaging-Free มาอย่างยาวนาน โดย Lush จะเป็นแบรนด์ที่ขายสบู่ สกินแคร์ แชมพู ที่มากส์หน้าไปจนถึง Bath Bomb โดยล่าสุดเขาได้เปิดตัวร้านที่ปลอดขยะพลาสติกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ชื่อว่า Lush Naked Shop มีสาขาอยู่ที่  Milan, Berlin, Manchester และ Hong Kong ทุกอย่างในร้านต้องย่อยสลายได้หรือว่าทำมาจากธรรมชาติ โดยเขาใช้วัสดุธรรมชาติอัดแข็งมาขึ้นรูปใหม่ให้เป็นแพ็กเกจจิ้ง ส่วนฉลากที่ติดข้างขวดก็ให้ลูกค้าสแกนอ่านเอาเพื่อลดขยะจากฉลากบนบรรจุภัณฑ์
 



 
  • 3 ไอเดียแพ็กเกจจิ้งสกินแคร์กู้โลก
 
  1. นำเสนอบริการ Refill

     หนึ่งวิธีเริ่มต้นง่ายๆ นั่นคือเสนอบริการ Refill ให้แก่ลูกค้าหรือว่าบริการสกินแคร์รายเดือนแบบ Subscription เพราะผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวอย่างสบู่ แชมพู อาจจะหาแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลกยากและต้องใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วย ฉะนั้น การยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานที่สุดจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างในปัจจุบันที่มีร้านค้าปลีกให้คนเข้ามา Refill เติมน้ำยาต่างๆ โดยนำขวดของตัวเองมากดได้และคิดราคาตามปริมาณที่ต้องการ  
 
  1. ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก

     ด้วยการแข่งขันของธุรกิจความสวยงาม สิ่งที่ดึงดูดลูกค้าได้คงหนีไม่พ้นความสวยของแพ็กเกจจิ้งที่สะดุดตา ดูหรูหรา ใส่ขวด ใส่กล่อง ดูแน่นหนา แต่ยุคนี้ไม่ใช่อีกต่อไป ถ้าคุณอยากเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์-เครื่องสำอางรักษ์โลก แพ็กเกจจิ้งคือสิ่งที่ต้องคำนึงถึง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป เช่น การใส่ขวดและกล่องหลายชั้น ฉลากขนาดใหญ่ พยายามทำให้น้อยแต่มาก วัสดุรีไซเคิลควรมาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง




 
  1. ใช้นวัตกรรมสร้างวัสดุใหม่

     ยุคนี้เราจะได้เห็นวัสดุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมถูกพัฒนาให้กลายเป็นแพ็กเกจจิ้งมากขึ้น เช่น การนำเอากาบกล้วยทำเป็นภาชนะ ไม้เก่าๆ ถูกนำไปอัดขึ้นรูปใหม่ ไปจนถึงการใช้กระดาษแทนพลาสติก อาทิ หลอดกระดาษ ถุงกระดาษ แม้ว่าจะมีต้นทุนสูงกว่าพลาสติก แต่ถ้าในอนาคต ผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง คงได้เห็นแพ็กเกจจิ้งรักษ์โลกที่ราคาถูกขึ้น  
 

     เพราะการจะเป็นแบรนด์รักษ์โลกไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องเริ่มต้นจากหัวใจสีเขียวที่อยากจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น หากคุณทำได้ธุรกิจของคุณจะกลายเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนในหัวใจของลูกค้าแน่นอน
 
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​