“Infinity Tea @ Nan” เปลี่ยนใบชาให้เป็นอินฟินิตี้ โปรดักต์ จาก 3 หมื่น แตะหลักล้านได้ในปีเดียว

Text & Photo : นิตยา สุเรียมมา


 

Main Idea
 
  • Infinity Tea @ Nan” แบรนด์ผลิตภัณฑ์จากชาเมี่ยง จังหวัดน่านที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์จาก 1 อย่างให้กลายเป็น 7 อย่าง จนสามารถเพิ่มรายได้จากหลักหมื่นต่อปี ให้กลายเป็นแตะหลักล้านได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
 
  • เส้นทางการทำธุรกิจดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง และเคล็ดลับการทำธุรกิจอย่างไร ลองไปติดตามพร้อมๆ กัน
 

 
               
     จากวัฒนธรรมภูมิปัญญาการกินเมี่ยงของชาวบ้านในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่มักทำไว้เป็นเมี่ยงหมัก เอามาอม เคี้ยวๆ กินน้ำเล่น เพื่อแก้อาการง่วงเหงาหาวนอนระหว่างวัน เป็นของว่างรับแขกและยาสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ในช่องปากและช่องท้อง ทำให้ บุญตุ้ม ปานทอง ข้าราชการเกษียณอายุ มองเห็นถึงคุณค่า และคิดนำมาพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับยุคสมัยและกินได้ง่ายขึ้น จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ชาใบเมี่ยงขึ้นมาภายใต้การผลิตของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มชาเมี่ยง ตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ภายใต้แบรนด์ Infinity Tea @ Nan”






     แต่หลังจากการที่ได้ทดลองออกตลาดครั้งแรกในงานแสดงสินค้า ก็ทำให้มองเห็นถึงตลาดการค้าขายที่แท้จริง  การสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพียงหนึ่งอย่างอาจไม่ใช่การตอบโจทย์ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตแข็งแรงขึ้นได้ เธอจึงมองไปถึงการพัฒนาแตกไลน์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขึ้นมา ทำให้จากรายได้เพียงปีละ 36,000 บาท สามารถขยับขึ้นเป็น 800,000 กว่าบาทขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี


     “เราเริ่มต้นก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาเมื่อปี 2561 จุดเริ่มต้นมาจากการตอนที่เราได้ไปออกบูธแสดงสินค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีของเราตอนนั้นมีแค่ชาใบเมี่ยงเพียงอย่างเดียว ยอดขายที่ได้ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่พอเราเห็นบูธอื่นๆ เขามีผลิตภัณฑ์หลายอย่างขายสบู่ เครื่องสำอาง เราเลยหันกลับมามองว่า จากที่แค่ขายชาอย่างเดียวเราน่าจะลองเอามาทำเป็นสินค้าอะไรอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาได้อีกบ้าง เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นด้วย”
 



 
  • แตกไลน์สินค้าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
 
     หลังจากที่คิดอยากเพิ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ เข้ามา ขั้นตอนแรกที่บุญตุ้มคิด คือ การนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย เพื่อแสวงหาคุณค่าที่แท้จริงจากใบชา โดยนำผลวิจัยมาเป็นตัวยืนยัน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยพบว่าในใบเมี่ยงนั้นมีสารสกัดที่มีประโยชน์และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ มากมาย อาทิ Flavonoids และ Polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอความแก่ที่มีฤทธิ์มากกว่าวิตามินอีถึง 20 เท่า


     “เบื้องต้นเรานำไปให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ให้หาทำเป็นรายงานผลวิจัยออกมาก่อนว่าชาเมี่ยงมีสรรพคุณที่โดดเด่นอะไรบ้าง จากนั้นจึงส่งไปให้ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 (ศภ.1 กสอ.) ช่วยทำเป็นสารสกัดออกมาให้ และจึงส่งกลับไปวิเคราะห์ตั้งสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง ว่าในผลิตภัณฑ์แต่ละตัวออกมา เราต้องใส่อะไรเท่าไหร่ สัดส่วนเท่าไหร่ จึงใช้ได้ผลดีตามที่เราต้องการ”
 



 
  • ค่อยๆ ลองทีละตัวสองตัวไม่ใจร้อน
 
     โดยหลังจากใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว บุญตุ้มก็เริ่มจากการทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาทีละ 1 – 2 ตัว เพื่อทดลองตลาด โดยก่อนจะตัดสินใจลงมือผลิตสินค้าออกสู่ตลาดนั้น เธอได้ทดลองผลิตออกมาและแจกจ่ายให้สมาชิกกลุ่ม คนในชุมชน และลูกค้าได้ทดลองใช้ก่อน รวมถึงซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาทดลองใช้เป็นตัวอย่างเองด้วย จนเมื่อได้รับเสียงตอบรับที่ดี ได้ข้อสรุปที่ต้องการ จึงตัดสินใจลงทุนสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา


     “ถึงเราจะคิดแตกลายสินค้าออกมาหลายตัว แต่เราก็ค่อยๆ ทดลองทำไปทีละอย่างสองอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง เมื่อพอขายได้ก็นำมาเป็นทุนสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ตัวอื่นขึ้นมาเพิ่มต่อทุนไปเรื่อยๆ ”






     ซึ่งการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Infinity Tea @ Nan เริ่มต้นจาก 1.ครีมบำรุงผิวหน้า 2.ครีมทามือ 3.เซรั่มบำรุงผมและหนังศีรษะ 4.แชมพูลดผมร่วง ชะลอหงอก 5.ชาเมี่ยงกลิ่นมะตูม ตามมาด้วย 6.น้ำยาบ้วนปาก และ7.ลูกอมระงับกลิ่นปากจากใบเมี่ยง รวมทั้งหมด 7 ตัวด้วยกัน ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขึ้นมานี่เอง จึงทำให้สามารถขยายตลาดและมีช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเข้ามา
 
  • ไม่ผลิตเอง ใช้ OEM รับจ้างผลิตให้
 
     ด้วยความที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาหลายตัวด้วยกันในระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี อาจทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าต้องลงทุนมากเท่าไหร่ รวมถึงกระบวนการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างไร ในข้อนี้บุญตุ้มได้บอกว่าเธอเลือกใช้การรับจ้างผลิตหรือที่เรียกว่า OEM จากโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานแทน ไม่ได้ลงทุนผลิตเองทุกอย่าง จึงทำให้สามารถขยายสินค้าออกไปได้มาก โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และแตกไลน์สินค้าได้อย่างรวดเร็ว



Cr ภาพ : Infinity Tea @ Nan


     “เราไม่ได้ลงทุนผลิตเองทุกอย่าง ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องใช้ลงทุนจำนวนมหาศาล ทั้งเงินลงทุน จำนวนคน ต้องแบกรับภาระระยะยาวจากการสร้างโรงงาน การขอมาตรฐาน และลงทุนซื้อเครื่องจักรต่างๆ เราจึงเลือกใช้โรงงานที่มีมาตรฐานอยู่แล้วพร้อมทุกอย่าง เพื่อให้สามารถแตกไลน์สินค้าของเราออกมาได้รวดเร็ว เป็นการแชร์อุปกรณ์ที่มีอยู่ร่วมกัน
               

     “ยกเว้นในตัวชาเราปลูก เก็บผลผลิต และผลิตเอง รวมถึงการจัดทำวัตถุดิบจากใบเมี่ยงเพื่อส่งเป็นวัตถุดิบให้เขาไปสกัดเพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เราจะเป็นผู้ทำเองทั้งหมด โดยนอกจากใบเมี่ยง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักแล้ว ส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบทางเกษตรอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ใบบัวบก ว่างหางจระเข้ ทองพันชั่ง เราก็ใช้การปลูกแบบอินทรีย์เหมือนกัน โดยไม่ใช่สารเคมี”
 



 
  • เพิ่มโอกาสทางตลาด ขายเป็นเชต สร้างเพิ่มมูลค่า
 
     จากไลน์สินค้าที่ผลิตออกมา นอกจากกลุ่มของเครื่องดื่มชาเพื่อสุขภาพแล้ว ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลิตขึ้นมายังช่วยเพิ่มช่องทางการตลาด ขยายกลุ่มผู้บริโภคออกไปด้วย ทำให้เวลาออกตลาดยังสามารถกระจายออกไปได้หลายกลุ่ม โดยเวลาไปก็จะนำสินค้าออกไปครบเซตทั้งชาและเครื่องสำอาง ทำให้แม้เพียงมีแบรนด์สินค้าเดียว แต่ก็สามารถขายได้ในหลายกลุ่ม แถมช่วยเพิ่มตัวเลือกที่น่าสนใจให้กับผู้บริโภคได้ด้วย


     “จากที่มีสินค้าเดียว เมื่อเราแตกไลน์ผลิตสินค้าออกมาหลายตัว ทำให้แบรนด์เราน่าสนใจมากขึ้น อย่างคนที่รับสินค้าเราไปขายต่อ เวลาไปจัดกระเช้าจากที่มีแค่ใบชาเพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถจัดเป็นชุดเซตได้ ทำให้สินค้าดูน่าสนใจ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาได้”
               





     และนี่เองที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมจากแค่ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ผลิตภัณฑ์จากใบเมี่ยงภายใต้แบรนด์ Infinity Tea @ Nan จึงสามารถสร้างรายได้จาก 3 หมื่นบาทต่อปีให้ขยับขึ้นมาเฉียดหลักล้านได้ ซึ่งเธอก็ไม่คิดที่จะหยุดพัฒนาสินค้าออกมาเพิ่มอีก โดยบุญตุ้มได้ฝากทิ้งท้ายเอาไว้ สำหรับผู้ประกอบการที่คิดอยากแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขึ้นมา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มว่า
               

     “ถ้าคิดจะทำอะไร เราต้องศึกษาให้ดี ละเอียดถี่ถ้วน ต้องรู้จักสินค้าของเราให้ดีก่อน และเมื่อมีความรู้ มีประสบการณ์ต่างๆ แล้ว อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องกล้าตัดสินใจด้วย หลายคนที่มีโอกาสแต่ยังไม่ไปไหน เป็นเพราะเขาไม่กล้าตัดสินใจที่จะลุย อย่างเราถ้าคิดแล้วก็ลงมือทำเลย ผลออกมาอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ทั้งนี้ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่นึกอยากทำก็ทำขึ้นมาเลย เหมือนเราเองเวลาออกผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละตัว เราจะค่อยๆ ลองทีละ 1 – 2 ตัว แล้วก็หยุดดูผลลัพธ์ก่อน เมื่อพอมีรายได้เพิ่มเข้ามา ก็เอาไปลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมา ค่อยๆ ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ” บุญตุ้มกล่าว



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เกือบหลับ แต่กลับมาเป็นธุรกิจร้อยล้าน Plantae - La Glace 2 แบรนด์รุ่นใหม่ใจถึงทำถึง

Plantae และ La Glace สองแบรนด์รุ่นใหม่คือ ตัวอย่างของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่ายเคยตกอยู่ในวิกฤต แต่ด้วยแพชชันและการปรับตัวที่รวดเร็ว พวกเขากลับมาสร้างรายได้ระดับร้อยล้านได้สำเร็จ

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ