“Vegan Leather” หนังวีแกนรักษ์โลก ที่เกิดมาเพื่อเขย่าใจคนยี้เนื้อและสายกรีน

TEXT: วันวิสา งามแสงชัยกิจ





Main idea
 
 
  • Infinium Global Research บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการวิจัยตลาด คาดว่า ตลาดหนังวีแกนจะสร้างมูลค่าได้สูงถึง 89.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และมีอัตราการเติบโตต่อปี 49.9 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงที่คาดการณ์ (2562 - 2568)
 
  • แม้หนังแท้จะยังคงมีบทบาทชัดเจน แต่หนังเทียมปลอดจากสัตว์ก็ได้เริ่มขยับตัวมายืนแถวหน้า ซึ่งมีความต้องการทั่วโลก และขยายการใช้งานเพิ่มขึ้นจากวงการแฟชั่นอย่างเสื้อผ้า กระเป๋า ไปจนถึงอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ และยังคอยผู้ประกอบการหัวสร้างสรรค์ให้มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นหัวใจสีเขียว 



     
      หากให้คิดว่า อะไรคือสิ่งที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น “หนัง” เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวงการไหน หนังก็เป็นวัสดุที่ถูกหยิบมาใช้อยู่เสมอ จึงไม่น่าแปลกใจว่าตัวช่วยอเนกประสงค์ที่พบเห็นได้รอบตัวนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าได้สูงกว่า 80 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แต่สิ่งที่ลืมไปไม่ได้เลยก็คือ ที่มาของวัสดุนี้นั้นต้องแลกกับเพื่อนร่วมโลกอย่างสรรพสัตว์ต่างๆ และการใช้สารเคมีรุนแรง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประเด็นปัญหาสำหรับนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ แต่ยังรวมถึงนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย


      และเมื่อเรื่องของการรักษ์โลกยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ไม่ได้เป็นแค่กระแสแต่กลายเป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งของผู้คน ส่งผลให้การไม่ใช้เนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การบริโภคเท่านั้น แต่ยังขยายมาถึงการอุปโภคหรือการใช้งานสินค้าต่างๆ ที่ต้องปลอดจากสัตว์อีกด้วย เราจึงได้เห็นบรรดาแบรนด์ต่างๆพากันพาเหรดโปรดักต์ที่ใช้หนังเทียมจากวัสดุธรรมชาติที่แปลกตามากขึ้น






     หนึ่งในนั้นคือ กระเป๋าหนังจากกระบองเพชร ผลงานของสองผู้ประกอบการจากประเทศเม็กซิโก Adrián López Velarde และ Marte Cázarez ที่ถ้าไม่บอกจะไม่รู้เลยว่า หนังที่เห็นนั้นทำมาจากพืชมีหนามในทะเลทราย โดยหนังวีแกนที่ได้มีชื่อว่า Desserto ซึ่งทำมาจากกระบองเพชรที่ปลูกในไร่ของพวกเขาที่รัฐซากาเตกัส





      อย่างที่รู้กันดีว่า กระบองเพชรมีผิวที่แข็งและหนา ซึ่งถือเป็นปัจจัยชั้นดีที่ช่วยให้เลียนแบบหนังสัตว์ได้อย่างไม่มีที่ติ โดยกระบวนการจะเริ่มจากการตัดใบแก่ของต้นกระบองเพชรที่ปลูกแบบออร์แกนิก นำไปทำความสะอาด บดแล้วตากแดดให้แห้งเป็นเวลา 3 วันก่อนนำไปแปรรูป จากนั้นสามารถย้อมสีได้ตามธรรมชาติโดยใช้วิธีที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Adriano Di Marti ของพวกเขาเอง ซึ่งหนังวีแกนที่ได้เป็นทั้งออร์แกนิกและสามารถใช้งานได้นานเกือบทศวรรษ นอกจากนี้ บริษัทยังขยายไปสู่การทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาะรถยนต์ รองเท้า กระเป๋า และแม้กระทั่งเครื่องแต่งกาย และเพราะเป็นหนังออร์แกนิก จึงช่วยให้ระบายอากาศได้ดี ที่สำคัญยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเกือบทั้งหมด และไม่มีส่วนผสมของพลาสติก เรียกว่าเป็นอีกทางออกที่ดีที่ได้ทั้งใจคนสายวีแกนและไม่ทำร้ายโลก
 

     “ความคิดที่หยิบเอากระบองเพชรมาเป็นตัวชูโรงนั้นก็เพราะ พืชชนิดนี้ไม่ต้องการน้ำในการเติบโตแม้แต่หยดเดียว และยังมีอยู่มากมายทั่วทั้งเม็กซิโก ที่สำคัญ ยังเป็นสัญลักษณ์ของพวกเราชาวเม็กซิกันที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก”
Adrián López Velarde ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Adriano Di Marti
 





     ข้ามจากดินแดนแห่งทะเลทรายมาสู่เกาะอังกฤษกันบ้าง เมื่อ Oliver Co. แบรนด์เครื่องประดับแบบวีแกนโดดเข้าร่วมวงด้วยการผลิตกระเป๋าสตางค์และซองใส่นามบัตรจากเศษแอปเปิลและไม้ เพื่อรวมความยั่งยืน การออกแบบ งานฝีมือ และใส่ใจสิ่งแวดล้อมไว้ในที่เดียวกัน   


       โดยในส่วนของหนังไม้นั้น จะใช้แผ่นไม้บางๆ ติดกับผ้าด้วยกาวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สมทบด้วยการใช้เลเซอร์สำหรับการแกะสลัก เพื่อสร้างผิวสัมผัสที่นุ่มเหมือนหนังจริง โดยไม้ที่ใช้นั้นมาจากป่าที่ได้รับการรับรองจากองค์กรอิสระพิทักษ์ป่า Forest Stewardship Council และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับหนังสัตว์ 1ตารางเมตร





     ในส่วนของหนังแอปเปิลนั้น จะทำจากแอปเปิลที่เป็นขยะ 50 เปอร์เซ็นต์ และยางสังเคราะห์โพลียูรีเทน (Polyurethane) อีก 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการรวมกันของส่วนผสมทั้งสองนั้นช่วยสร้างให้เกิดวัสดุที่นุ่มและทนทาน โดยแอปเปิลที่ถูกเมินเหล่านี้ได้มาจากเมืองโบลซาโน ประทศอิตาลี ซึ่งการใช้ของเสียหรือของเหลือแบบนี้ช่วยให้มีการปล่อย CO₂ น้อยลงเมื่อเทียบกับหนังเทียมประเภทอื่นๆ





 
“เรื่องของความยั่งยืนนั้นไปไกลกว่าการมองแค่องค์ประกอบ ส่วนผสม วัตถุดิบ หรือวัสดุที่ใช้ในโปรดักต์”

Matt Oliver ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Oliver Co.
 

 

     นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดวีแกน หนังเทียม และรักษ์โลก สามารถรวมตัวและอยู่ด้วยกันได้ แค่ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะมองเห็นช่องว่างและเติมเต็มมันได้อย่างไรเท่านั้น   
 



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​