“โบว์แดง” ยาสมุนไพรที่เกือบเจ๊งเพราะโดนก๊อป แต่กลับมาโตก้าวกระโดดเพราะหนังหนึ่งเรื่อง

TEXT / PHOTO : นิตยา สุเรียมมา





Main Idea
 
 
     3 ข้อคิดจากสมุนไพรโบว์แดง
 
 
  • มองหาโอกาสจากทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น
 
  • ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เข้ามาง่ายๆ
 
  • ไม่ละทิ้งความฝัน ไม่หยุดพัฒนาตนเอง
               

 

     เขาว่าการทำธุรกิจ บางครั้งก็เปรียบเสมือนละครชีวิต ที่มีทั้งบทสมหวัง ผิดหวังปนเปกันไป เหมือนเช่นกับเรื่องราวของ “โบว์แดง” แบรนด์ยาสมุนไพรไทยที่มีต้นกำเนิดมาจากร้านขายยาเล็กๆ จนวันหนึ่งเติบโตขึ้นมามีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องเกือบเจ๊งเพราะโดนก๊อบปี้สูตร โดนขายตัดราคา ทว่าอยู่ดีๆ วันหนึ่งก็สามารถเติบโตขึ้นมาได้แบบก้าวกระโดด เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง


     เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นมาอย่างไร ไปฟัง “นรเทพ เชาวน์วิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการหจก.ห้างขายยาห้องยาเภสัช และเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรโบว์แดง และลูกชาย “นรรัตน์ เชาวน์วิวัฒน์” เล่าให้ฟังกัน




 
โอกาสมา เพราะโรคช่วย
               

     นรเทพเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังว่า ตนเองนั้นได้ร่ำเรียนมาทางด้านเทคนิคการแพทย์ และเริ่มต้นทำงานครั้งแรกอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นก็ย้ายโรงพยาบาลต่อมาเรื่อยๆ กระทั่งผันตัวเองมาประกอบอาชีพเป็นเซลส์ขายยา เนื่องจากเห็นว่ามีรายได้ดีกว่า จนสามารถมีร้ายขายยาของตัวเองโดยเปิดร้านแรกขึ้นมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาได้ขยับขยายมาเปิดสาขาเพิ่มขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์บางกะปิใช้ชื่อว่า “ห้างขายยาเภสัช” เมื่อราวปี 2545  
               

     แต่วันหนึ่งต้องประสบปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ต้องเปิด-ปิดร้านอยู่บ่อยๆ จึงเริ่มมองหาวิธีสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจของตัวเองและครอบครัว จนเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ยาสมุนไพรของตนเองขึ้นมา ภายใต้ชื่อว่า “โบว์แดง”
               

     “เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นมาจากที่เริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจ ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง ธุรกิจร้านขายยาที่ทำอยู่ก็ต้องเปิดบ้าง ปิดบ้างตามสภาพร่างกายของเรา ก็พยายามคิดว่าจะหาวิธีไหนดีที่ทำให้ธุรกิจไม่ต้องสะดุดหรือหยุดตามเราไปด้วย


     บังเอิญช่วงนั้นยาสมุนไพรว่านชักมดลูกกำลังดัง โดยมีแบรนด์ใหญ่เจ้าหนึ่งผลิตออกมาขาย วันหนึ่งๆ มีลูกค้าเข้าร้านมาถามเยอะมากเป็นสิบๆ ราย แต่ก็ซื้อกลับไปได้แค่คนสองคนเท่านั้น เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูงขวดละพันกว่าบาท ก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงถึงจะเปลี่ยนจากลูกค้าที่เดินออกไปเฉยๆ ให้เขากลายมาเป็นลูกค้าเราได้บ้าง ก็เลยลองสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา โดยไปลงเรียนแพทย์แผนไทยเพิ่ม จากนั้นลองปรุงสูตรยาของตัวเองขึ้นมา และจ้างโรงงาน OEM ให้ผลิตให้ และขายอยู่ที่ราคา 399 บาท ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรดี แต่อยากหาชื่อและสัญลักษณ์ให้คนจดจำได้ ก็เลยตัดสินใจใช้เป็นตราโบว์แดง ซึ่งหมายถึงสุดยอดผลิตภัณฑ์ เป็นของดี มีคุณภาพ” 




 
มีออร์เดอร์ แต่ขายไม่ได้
               

     หลังจับช่องว่างโอกาสในตลาด จนสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรตัวแรก – ว่านชักมดลูก ตราโบว์แดงเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคคนไทยได้อย่างรวดเร็ว โดยนอกจากขายที่ร้านแล้วนรเทพยังมีการกระจายทำตลาดกับร้านขายยาทั่วประเทศด้วย จากยอดออร์เดอร์รวมที่สั่งผลิตเป็นรายเดือน ก็กลายเป็นยอดต่อสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาวางคิดไว้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
               

     “เสียงตอบรับจากลูกค้าหลังผลิตออกมา คือ ดีมาก จากยอดออร์เดอร์ที่เคยสั่งเดือนละ 500 โหล ก็กลายเป็นอาทิตย์ละ 500 โหลแทน แต่กลายเป็นว่าในขณะที่เรามีออร์เดอร์เพิ่มขึ้น แต่กำลังการผลิตเรากลับมีปัญหา คือ มีออร์เดอร์ แต่กลับไม่มีของขาย เพราะโรงงานที่ผลิตให้อ้างว่าวัตถุดิบไม่มีบ้าง ขวดขาดบ้าง กล่องขาดบ้าง จนตอนหลังเลยจับได้ว่าเขาแอบทำขายขึ้นมาเอง โดยใช้ทั้งสูตรเหมือนของเรา รูปแบบแพ็กเกจจิ้งก็มีความคลึงกัน ต่างกันแค่สี ราคาปลีกก็ขายเท่ากัน แต่ราคาส่งเขาตัดหน้าขายถูกกว่า จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมผลิตให้เรา จนสุดท้ายเราจึงตัดสินใจตั้งโรงงานของตัวเองขึ้นมาเมื่อปี 2545 มองในอีกมุมก็มีข้อดีเหมือนกัน ถ้าไม่โดนโกงวันนั้น เราคงไม่มีโรงงานของตัวเองสักที”




 
หนังพาไป
               

     หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญ นรเทพตั้งเป้าไว้เลยว่าเขาจะต้องมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองขึ้นมาให้ได้ ซึ่ง 1 -2 ปีหลังจากนั้นเขาก็สามารถทำมันขึ้นมาได้จริงๆ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังมุ่งหน้าที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรอื่นๆ ออกสู่ท้องตลาดมากขึ้นด้วย โดยไม่ได้ยึดติดแค่ความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์เดิมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แถมเขายังมองการณ์ไกลมากขึ้นกว่าเก่า โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะเข้าไปวางจำหน่ายในเซเว่น ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศได้อีกด้วย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากการดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
               

     “ทำธุรกิจมาได้สักพักหนึ่ง บังเอิญเราได้ดูหนังเรื่องหนึ่งชื่อ “วัยรุ่นพันล้าน” เป็นเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นหนุ่มที่นำสาหร่ายทอดเข้าไปเสนอขายกับเซเว่น ซึ่งอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่สุดท้ายก็สามารถทำได้ จึงทำให้เราอยากนำผลิตภัณฑ์ของเราเข้าไปอยู่ในจุดนั้นบ้าง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เราเกิดความกลัวและเป็นกังวลด้วย โดยเนื้อหาที่ดูในตอนที่พระเอกนำสินค้าไปเสนอขายกับเซเว่น เซเว่นก็ให้ความสนใจ แต่พอมาดูโรงงานผลิตกลับไม่ผ่าน เห็นแบบนั้นเลยเป็นกังวล เพราะโรงงานแรกของเราก็เป็นตึกแถวเหมือนกัน ตั้งอยู่บนแถวนวมินทร์ เลยหยุดทุกอย่างไว้ก่อนและหันมาพัฒนาปรับปรุงโรงงานผลิตให้ดีขึ้น โดยย้ายมาทำโรงงานแห่งใหม่ที่สมุทรปราการ


     จนวันหนึ่งคิดว่ายังไงก็คงต้องลองเข้าไปดูก่อน เพราะเซลส์ที่วิ่งขายให้อยู่เริ่มมีปัญหา คุมไม่ค่อยได้ ตัวเลขก็ไม่ดี ทำหรือไม่ทำ ก็เป็นตายเท่ากัน ถ้าไม่ได้ค่อยกลับมาเริ่มใหม่ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เราคิดว่ายากที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด ครั้งแรกที่เรานำสินค้าไปเสนอขาย สิ่งแรกที่เซเว่นถามมา คือ ไปอยู่ที่ไหนมา เขาตามหาผลิตภัณฑ์แบบนี้มานานแล้ว ตอนนั้นตัวแรกที่เอาเข้าไป คือ ยาสมุนไพรแก้ท้องเสีย จึงทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราคิดและกลัวนั้น ทำให้เราเสียเวลาไป 5 ปีเลยทีเดียว แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้สูญเปล่า การที่เราได้เตรียมตัวมา 5 ปี ก็ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น แถมพอทุกอย่างผ่านปุ๊บ ก็สามารถเริ่มต้นทุกอย่างได้ทันที เพราะเราเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว”
               

     หลังจากได้เข้าไปวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ธุรกิจยาสมุนไพรโบว์แดงกลับเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกว่าสูงถึง 30 – 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว จึงส่งผลให้การเติบโตของเกษตรกรผู้ปลูกสามารถขายผลผลิตได้มากขึ้นเช่นกัน
               

     “จากปกติถ้าเราทำตลาดเอง เซลส์สายเหนือของเราจะวิ่งอยู่ประมาณ 10 กว่าจังหวัด สายใต้ 14 จังหวัด อีสาน 20 จังหวัด ได้ออเดอร์รวมแล้วแต่ละเดือน คือ ประมาณ 70 – 150 ร้านค้า ถ้าขายดีก็ 200 ร้าน แต่การที่เราเข้าเซเว่นได้ ตูมเดียวเลย คือ  หมื่นกว่าสาขา หรืออย่างน้อยๆ จะต้องมี 3,000 -  5,000 สาขาในแต่ละเดือน ซึ่งต่างกันเยอะมาก” นรเทพเล่าภาพความเปลี่ยนแปลงให้ฟัง




 
เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นแจ้งเกิด


     นอกจากจะสามารถรันธุรกิจให้ไปต่อได้แล้ว นรรัตน์ ลูกชายคนโตที่เข้ามาช่วยดูแลด้านการทำตลาดยังเล่าถึง  กลยุทธ์แบบสวนกระแส ซึ่งแทนที่จะเป็นช่วงที่ธุรกิจต้องพยายามอยู่นิ่งๆ ให้เจ็บตัวน้อยที่สุด แต่สมุนไพรโบว์แดงกลับเลือกที่จะโหมโปรโมตสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่สำคัญยังมีการนำดาราบุคคลมีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าให้ เพื่อทำให้แบรนด์ได้รับการยอมรับเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของยาสมุนไพรไทยว่าไม่ใช่สินค้าที่เชยหรือโบราณอีกต่อไป


     “ช่วงนี้หลายธุรกิจอาจเก็บตัวอยู่นิ่งๆ แต่เรามองว่าเป็นโอกาส ยิ่งช่วงที่เกิดโควิด ยิ่งทำให้คนหันมาสนใจยาสมุนไพรกันมากขึ้น หลายธุรกิจอาจได้รับผลกระทบ เราเองก็เช่นกัน แต่ก็โชคดีที่ยาสมุนไพรบางตัว เช่น ฟ้าทะลายโจร กลับขายได้ดียอดพุ่งสูงขึ้นจนทำให้สามารถพยุงธุรกิจไว้ได้ เราจึงมองว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำให้คนได้รู้จักเรามากขึ้น จึงมีแพลนที่จะจ้างดารานักแสดงมีชื่อให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีกหลายตัว จากเดิมให้คุณเมจิ-คัคกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลักให้ ตอนนี้มีติดต่อไปอีกหลายท่าน อาทิ คุณทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์, คุณสายเซีย วงศ์วิโรจน์ โดยมองว่าน่าจะช่วยให้สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสิ่งเดิมที่ดีอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนวิธีคิดของคนก็พอ ไม่ให้เขินอายที่จะหยิบมาใช้มากกว่า อีกอย่างที่เร่งทำการตลาดช่วงนี้ เพราะคิดว่าหากไปแข่งในช่วงปกติเจอเข้ากับบริษัทใหญ่มีเงินทุนเยอะๆ เราอาจสู้เขาไม่ได้ในตอนนั้นก็ได้”


     ปัจจุบันสมุนไพรโบว์แดงได้ผลิตสินค้าออกมาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างสินค้าที่เป็นที่นิยมและรู้จักดีในเวลานี้ ก็คือ ยาดมโบว์แดง, ยาแก้ท้องเสียสมุนไพร, ยาว่านชักมดลูก จนได้รับรางวัลเซเว่น อีเลฟเว่นเอสเอ็มอีไทยยั่งยืน ปี 2562 ซึ่งนรเทพได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำเร็จของธุรกิจที่เดินทางมาถึงทุกวันนี้ไว้ว่า


     “ในอดีตเราอาจโด่งดังจากยาสมุนไพรเพียงไม่กี่ตัว เช่น ว่านชักมดลูก แต่ถ้าเรายังยึดติดอยู่แค่นั้น ไม่ได้พัฒนาอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา เราก็ยังคงอยู่เท่านั้นไม่ได้เติบโตหรือโด่งดังมากขึ้นกว่าเดิม เพราะปัจจุบันมียาสมุนไพรตัวใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมเกิดขึ้นมากมาย ขณะเดียวกันผู้ผลิตก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ถึงผู้บริโภคจะหันมานิยมสินค้าจากธรรมชาติหรือสมุนไพรมากขึ้นก็ตาม แต่ตลาดก็ถูกแชร์ออกไปเยอะขึ้น เมื่อก่อนเรามีสินค้าแค่ 2 – 3 ตัวก็อยู่ได้แล้ว แต่ทุกวันนี้ต้องพัฒนาออกมาเรื่อยๆ เพราะคู่แข่งเองเขาก็ไม่ได้หยุดเหมือนกัน” นรเทพทิ้งท้ายไว้






 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​