Magik Growth ถุงห่อทุเรียนมหัศจรรย์ หุ้มแล้วเนื้อเยอะขึ้น เปลือกบางลง 30%




          จากการก้าวขึ้นมาเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากยางพารา โดยมกราคม – พฤษภาคม ปี 2564 ไทยมีการส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็ง มูลค่ากว่าถึง 58,344 ล้านบาท จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดในช่วงนี้เราจึงมักเห็นงานวิจัยเกี่ยวกับทุเรียนออกมามากมาย


         ล่าสุดศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. จึงได้ผลิตนวัตกรรมถุงห่อทุเรียน “Magik Growth” หรือถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนขึ้นมา เพื่อช่วยปกป้องผลทุเรียนในระยะพัฒนาผลจนถึงเก็บเกี่ยวป้องกันศัตรูพืช อาทิ เพลี้ยแป้ง, หนอนเจาะผล (หนอนรัง) และราดำ ทดแทนการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ช่วยลดต้นทุนการผลิต และปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น





ใช้ง่าย สะดวก ช่วยเพิ่มผลผลิต

 

         ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ หนึ่งในตัวแทนทีมนักวิจัยสิ่งทอกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. ได้เล่าถึงนวัตกรรมการผลิตถุงดังกล่าวขึ้นมาว่า เกิดขึ้นมาจากการพัฒนาสูตรผสมเม็ดพลาสติก (polymer compound) ร่วมกับเทคโนโลยีการขึ้นรูปแบบนอนวูฟเวน จนได้เป็นถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน หรือถุงห่อทุเรียน “Magik Growth” ขึ้นมา มีการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่าย โดยเย็บติดตีนตุ๊กแกไว้ที่ปากถุงทำให้สามารถเปิด-ปิดได้ง่าย ส่วนตรงกลางถุงจะเย็บเป็นยางยืดทำให้สามารถยืดขยายได้เมื่อผลทุเรียนเติบโตเต็มที่


         มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถให้น้ำและอากาศผ่านเข้าออกได้โดยง่าย รวมถึงการคัดเลือกช่วงแสงที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของผลไม้ จึงทำให้สามารถสร้างสารสำคัญในผลไม้ทั้งแป้ง น้ำตาล สารต้านอนุมูลอสระต่างๆ ได้ สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ถึง 3 ฤดูกาลผลิต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองทำถุงนอนฟูลเวน เพื่อนำไปใช้ห่อมะม่วงได้ผลดีมาแล้ว
 

         โดยอธิบายเพิ่มเติมว่าแม้จะสามารถนำมาใช้เป็นถุงห่อผลไม้ได้ทุกชนิด แต่ก็ต้องมีการทดลองคิดคำนวณสูตรทางเคมีในการออกแบบถุงใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของผลไม้แต่ละชนิด เช่น บางชนิดเปลือกบาง บางชนิดเปลือกหนา ความหนาของถุงที่ใช้และสีถุงที่ให้ผลดีก็ย่อมแตกต่างกันออกไป

 



เปลือกบางลง ช่วยเพิ่มเนื้อเยอะขึ้น

 
               
           นอกจากทดสอบอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการแล้ว ยังได้มีการทดลองภาคสนามร่วมกับ ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช หนึ่งในทีมวิจัยจากคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อศึกษาถึงผลลัพธ์ที่ได้ด้วย


            โดยมีการทดลองนำถุงห่อ Magik Growth จำนวน 4 สี ได้แก่ น้ำเงิน ขาว ดำ และแดง มาทดสอบห่อทุเรียนที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นผลจากการทดสอบต่อเนื่องมา 3 ฤดูกาลผลิตแล้ว พบว่าถุงสีแดงให้ผลที่น่าพอใจมากกว่าถุงสีอื่นๆ เนื่องจากมีช่วงแสงและความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับทุเรียนมากกว่า




           จากการเปรียบเทียบผลผลิตพบว่าผลทุเรียนที่ไม่ได้ถูกห่อผลจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 3.56 กิโลกรัม ขณะที่ผลซึ่งห่อด้วยถุง Magik Growth น้ำหนักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4.05 กิโลกรัม


         นอกจากนี้ความหนาเปลือกทุเรียนจะบางลง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยผลที่ไม่ได้ห่อเปลือกจะหนา 1.36 เซนติเมตร ส่วนผลที่ห่อด้วยถุง Magik Growth เปลือกจะหนาเพียง 1.01 เซนติเมตร ส่วนเนื้อทุเรียนในแต่ละพูเองก็มีการเพิ่มปริมาณมากขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยผลที่ไม่ได้ห่อจะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 290 กรัม ขณะที่ผลที่ด้วยถุง Magik Growth จะได้น้ำหนักสูงถึง 379 กรัม ซึ่งหากลองคิดคำนวณรวมทั้งลูกแล้วพบว่ามีเนื้อเพิ่มมากขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แถมเนื้อยังมีสีเหลืองเข้มขึ้นด้วย เพียงแต่ผลทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth อาจมีการสุกช้ากว่าผลที่ไม่ได้ห่อประมาณ 2 วัน


 



ประหยัดกว่า ปลอดภัยกว่า

 
               
            ในด้านของเกษตรกรผู้ใช้งานตัวจริงอย่าง นวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียน “สวนสไตล์ช๊าลฮิ” อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พื้นที่สวนซึ่งให้ความร่วมมือในการทดสอบครั้งนี้กล่าวว่า หลังจากได้มีการทดลองใช้ถุง Magik Growth พบว่าเป็นที่น่าพอใจมาก


          โดยเล่าว่าตามปกติแล้วตั้งแต่ที่ทุเรียนอยู่ในระยะพัฒนาผล (65-70 วัน) หลังจากที่ได้ทำการตัดแต่งผลครั้งสุดท้ายแล้ว หรือชาวสวนมักเรียกว่า “มีดสุดท้าย” ผลทุเรียนจะมีขนาดเท่ากับขวดน้ำอัดลมขนาด 1.5 ลิตร เป็นระยะที่มีการสะสมแป้งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อผลสุกหรืออายุราว 110-120 วัน มักจะถูกหนอนเจาะผล (หนอนรัง) รวมถึงเพลี้ยแป้ง และราดำเข้าทำลาย ทำให้ผลทุเรียนเล็กแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้ต้องมีการพ่นยาอยู่เป็นระยะประมาณ 7 – 10 วันต่อครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วจนถึงตัดลูกขายประมาณ 6 ครั้งด้วยกัน แต่หลังจากเปลี่ยนมาห่อผลด้วยถุง Magik Growth ทำให้ตัดการใช้สารเคมีดังกล่าวออกไป แถมยังได้ผลผลิตที่ดีขึ้น ไม่มีการถูกทำลายจากศัตรูพืช น้ำหนักของเนื้อดีขึ้น เปลือกบางลง





           ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะได้มาเจอกับทีมนักวิจัย ตนเองได้ทำการทดลองนำถุงตาข่ายสีฟ้าที่ใช้ในการเกษตรมาทดลองห่อ เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชแทนการฉีดพ่นสารเคมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสามารถช่วยป้องกันหนอนเจาะผลได้ แต่ไม่สามารถป้องกันเพลี้ยแป้งกับราดำได้ ทำให้ผิวทุเรียนไม่สวย อีกทั้งเมื่อผลทุเรียนเติบโตเต็มที่หนามทุเรียนมักจะไปเกี่ยวถุงตาข่าย ทำให้แกะออกมาได้ยาก แต่พอเปลี่ยนมาเป็นถุง Magik Growth ปัญหาดังกล่าวก็หมดไป

 

            โดยหากนำมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น พบว่าแม้จะต้องลงทุนซื้อถุง Magik Growth ก็ถือว่าคุ้มค่าเนื่องจากเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่สามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้นานถึง 3 ฤดูกาลผลิต ในส่วนต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นมามีแค่ค่าแรงในการจ้างห่อถุงและเก็บถุงก่อนตัดผล ซึ่งหากลองนำมาเปรียบเทียบกับสารเคมีที่ต้องซื้อแล้วถือว่าคุ้มค่ามากกว่าทั้งในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยต่อสุขภาพเอง ไปจนถึงยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากคุณภาพของทุเรียนที่ดีขึ้น และลดการใช้สารเคมีลง ทำให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากขึ้นด้วย


            สุดท้ายสำหรับเกษตรกรใดที่สนใจถุงห่อทุเรียน Magik Growth ทีมนักวิจัย MTEC กล่าวว่าปัจจุบันยังไม่มีผลิตออกมาจำหนาย แต่ได้มีบริษัทเอกชนรับสิทธิถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแล้ว คาดว่าจะสามารถวางตลาดและจัดจำหน่ายได้ในช่วงปลายปีนี้ ราคาเฉลี่ยอาจอยู่ที่ราวใบละ 30 -35 บาท โดยนวัตกรรมดังกล่าวนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาและสร้างมูลค่าเพิ่มของทุเรียนให้กับเกษตรกรได้แล้ว ยังเป็นการสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่รัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติด้วย
 





www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​