ขายของยังไงให้ขึ้นแท่น Best seller ในเซเว่นภายใน 1 เดือน ล้วงเทคนิคลับกับซีอีโอ Posh Medica

 

 

     คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่แบรนด์น้องใหม่จะฝ่าด่านแบรนด์รุ่นพี่กลายเป็นม้ามืดมาแรงทำยอดขายแซงทุกแบรนด์จนขึ้นแท่น Best Seller ในเซเว่นเพียงแค่ภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าบอกว่าเจ้าของสถิตินี้คือ บริษัท พอช เมดิก้า ไลฟ์เทค จำกัด หลายคนอาจนึกไม่ออก แต่ถ้าเอ่ยถึงแบรนด์ McPlus เจ้าของสินค้าไฟเบอร์มะนาว ไฟเบอร์มะขามที่มีสโลแกนฮาหลุดโลกอย่าง “ขี้ทุกขวด เจ็บปวดทุกซอง” ความขำทำให้แม้แต่คุณสรยุทธ์ยังต้องนำไปแชร์ในรายการเล่าข่าว คงทำให้หลายคนร้องอ๋อกันขึ้นมาทันที 

      นอกจากเป็นการฉีกกฎการโฆษณาของอาหารเสริมในประเทศไทยแล้ว บริษัท พอช เมดิก้า ไลฟ์เทค มีแนวคิดการทำตลาดอย่างไรยอดขายถึงได้พุ่งไว SME Thailand Online จะพาไปล้วงความลับกับ CEO คุณวโรดม โง้วศิริ 

จากคลินิกความงามสู่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง

      คุณวโรดม เล่าให้ฟังว่า บริษัท พอช เมดิก้า ไลฟ์เทค นั้นก่อตั้งโดยน้องสาว แพทย์หญิงวิวรรณ เดชสุนทรวัฒน์ ที่เริ่มต้นจากการเปิดคลินิกความงามเมื่อปี พ.ศ.2547 แต่ด้วยเหตุบังเอิญหรือฟ้าลิขิตก็สุดแล้วแต่ เมื่อยารักษาโรคอ้วนช่วงสิบปีที่แล้วที่มีเพียงตัวเดียวได้ถูกระงับใช้และถูกปลดออกจากบัญชียาทั่วโลก แต่แพทย์หญิงวิวรรณได้ไปเจอสูตรอาหารเสริม ออกฤทธิ์ได้ใกล้เคียงยาเหมือนกันแต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า จึงเกิดจุดประกายชวนน้องชายให้หันมาทำธุรกิจอาหารเสริม

      “อาหารเสริมมันตอบโจทย์การทำธุรกิจ 3 ประการ ประการแรก เป็นธุรกิจที่มีอัตราผลกำไรสูงกว่าอุตสาหกรรมทั่วๆ ไป สองคุ้มค่าการลงทุน สามเป็นสินค้าที่สามารถขายได้ทั่วโลกและเติบโตได้พัฒนาเป็นสินค้าตั้งแต่เส้นผมจรดเล็บเท้า”

      เมื่อคุณหมอจับมือกับนักการตลาดสินค้าตัวแรกภายใต้แบรนด์ McPlus Activ ได้เริ่มเปิดตัวจำหน่ายที่ Watson ประมาณปี 2558 และเริ่มทยอยผลิตสินค้าตัวอื่นๆ ตามมาด้วยตระหนักดีว่าบริษัทไม่ควรพึ่งสินค้าเพียงตัวเดียว จะทำให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจเกินไป 

ก่อนทำต้องคิด ก่อนผลิตต้องวิจัย

      ในทุกครั้งที่บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นั้นจะเริ่มจากการทำวิจัย เพราะการ Research มันคือข้อมูลความจริงที่จะช่วยตอบคำถามเบื้องต้นได้หลายอย่าง เช่น ในเบื้องต้นก่อนที่จะผลิตอาหารเสริมช่วยนอนหลับ บริษัทก็ค้นคว้าและได้พบข้อมูลที่น่าสนใจจากกระทรวงสาธารณสุขคือ ประเทศไทยคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมากถึง 19 ล้านคน และก็เป็นตัวเลขจำนวนเดียวกันคนไทยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ 

      “เราก็ปักธงว่าทำสินค้าช่วยการนอนหลับ ช่วยขับถ่าย มีดีมานต์ถึง 19 ล้านคนซึ่งเป็นข้อมูลเมื่อสามปีที่แล้วก่อนเกิดโควิด ปัจจุบันตัวเลขคนนอนไม่หลับอาจจะเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้ แต่ถ้ามีคนนอนไม่หลับเพียงหลักแสนเราก็คงไม่ทำอาหารเสริมตัวนี้”

ดีมานต์มี สินค้าต้องต่าง วิธีขายต้องเด่น

     ด้วยมาตรฐานการผลิตของบริษัทที่คิดค้นสูตรโดยทีมแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ บริษัทฯ จึงได้รับการทาบทามจากทางเซเว่น ให้นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย และกลายเป็นสินค้า Best Seller ทั้งอาหารเสริมช่วยนอนหลับ Leep และไฟเบอร์มะนาว ไฟเบอร์มะขาม คุณวโรดมชี้แจงว่า การที่สินค้าขายดีได้นั้นจะต้องประกอบด้วยปัจจัยดังนี้

     อย่างแรก สินค้าต้องมีคุณภาพ อาทิ อาหารเสริมช่วยนอนหลับที่ใช้วิธีไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง เมลาโทนิน (Melatonin) ที่มีบทบาทช่วยในการนอนหลับให้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

      สอง สินค้าต้องมีความต่าง เช่น ก่อนจะผลิตอาหารเสริมช่วยขับถ่ายบริษัทได้ทำการวิจัยและค้นพบว่าในประเทศไทยมีสินค้าไฟเบอร์ในท้องตลาดหลายพันแบรนด์เฉพาะที่จำหน่ายในเซเว่นก็มีถึง 11 แบรนด์ แต่ประเด็นคือ ไฟเบอร์ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยมีรสมะนาวที่เป็น lemon คือ มะนาวเปลือกเหลือง ทว่าข้อมูลที่ทางบริษัทค้นคว้าพบว่าในความเป็นจริงแล้วเวลาขับถ่ายผู้บริโภคจะนึกถึง lime มะนาว เปลือกเขียวมากกว่า จุดนี้เองทำให้กำเนิดไฟเบอร์มะนาวเปลือกเขียวแบรนด์แรกของไทย พร้อมความแตกต่างด้วยแพ็กเกจจิ้งที่ต้องโดดเด่นเมื่อวางอยู่บนชั้นวางของ

    สาม วิธีการเล่าเรื่อง บริษัทจะเน้นขายความฮา 

      “ที่เลือกใช้ความตลก ส่วนตัวเป็นคนชอบดูคาเฟ่ตั้งแต่เด็ก แล้วรู้สึกว่าความตลกมันเข้าถึงคนง่าย ดังนั้นในการโฆษณาไม่เน้นคำสวยๆ เช่น ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี แต่จะหันมาใช้คำที่สนุกๆ เช่น หมดไส้หมดพุง ปู๊ดป๊าด รวมไปถึงการใช้ KOL ให้ขายความฮา รู้สึกว่าผู้บริโภคชอบเหมือนเห็นภาพมันสนุก ซึ่งตัวไฟเบอร์มะนาวเราเข้าไปขายในเซเว่นเดือนเมษายนปีที่แล้ว ภายในเดือนเดียวเรากลายเป็น Best Seller แล้วก็เป็นมาตลอดจนถึงทุกวันนี้”

      สี่ ต้องทำการตลาดออนไลน์แบบมืออาชีพ

       “เมื่อจำนวนสินค้ามากขึ้น รวมทั้งเกิดโควิด ช่วงโควิดเป็นช่วงที่คนอยู่บ้าน ตลาดออฟไลน์เป็นศูนย์ ถ้าจะอยู่รอดต้องออนไลน์ที่ทุกแบรนด์ก็มุ่งสู่ถนนออนไลน์เช่นเดียวกัน เราจึงต้องมีที่ปรึกษาช่วย เป็นที่มาได้ร่วมมือกับคุณภัทร เถื่อนศิริ บริษัท เซลสุกิ เข้ามาร่วมงานกับบริษัท โชคดีได้เซลสุกิวางแผนธุรกิจ วางแผน positioning สินค้า เอาสินค้าทำการโฆษณาออนไลน์ในงบน้อยแต่ได้ผลเยอะ ยังคิดอยู่ว่าถ้าไม่มีที่ปรึกษาดีขนาดนี้เราจะไปได้ขนาดไหน”

 

      แม้วันนี้บริษัทจะทำรายได้ปีละ 9 หลัก แต่วโรดม บอกว่าสำหรับเขาแล้วถือว่ายังห่างไกลจากคำว่าสำเร็จอีกไกล เพราะยังมีเป้าหมายที่ต้องทำอีกมาก ที่เร็วสุดภายในปีนี้คือ การสร้างโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และสามารถผลิตได้หลากหลายขึ้น อาทิ แบบเยลลี่, soft jell รวมถึงเป้าหมายที่จะทำตลาดต่างประเทศ และการก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชน

      “ที่บริษัทสามารถยืนหยัดมาได้เป็นสิบปีเพราะความอึด ถ้าชาวบ้านเขาทำงานกันได้ 10 ชั่วโมง พวกเราสามารถทำได้ 15 ชั่วโมง และไม่ได้ยึดติดกับวิธีเดิมๆ เพราะทางที่พาเรามาในวันนั้นอาจจะไม่ใช่ทางที่พาเราไปในอนาคตก็ได้ ต้องหมั่นหาไอเดียใหม่ๆ ที่สำคัญคือสินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน”


      การทำธุรกิจต้องปรับตัวอยู่เสมอ แค่วันนี้ถ้าคุณไม่มีจุดต่างเท่ากับรอวันตายอย่างเงียบๆ

 

Text: Neung Cch.

Photo: เจษฏา ยอดสุรางค์

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​