สัญญาณเตือน! ธุรกิจกาแฟ ยิ่งโลกร้อน ยิ่งใกล้จุดจบกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

  • มีผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2°C ประเทศที่ปลูกอาราบิก้า 1 ใน 4 ของโลกจะประสบปัญหาผลผลิตลดลงอย่างมาก

 

  • หากโลกยังร้อนขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจถึงจุดจบของอาราบิก้า และได้เวลากำเนิด liberica เมล็ดกาแฟพันธุ์ใหม่

 


   อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ไม่เพียงกระตุ้นให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น แต่อาจเปลี่ยนโฉมการทำธุรกิจด้วยโดยเฉพาะธุรกิจกาแฟ เมื่อกาแฟสายพันธุ์ยอดฮิตอย่างอาราบิก้าอาจมีคนปลูกน้อยลงเพราะไม่ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ

     จากข้อมูลเชิงลึกของผู้ที่ทำไร่กาแฟในเคนยา ได้เปิดเผยเกี่ยวกับอันตรายของอุตสาหกรรมกาแฟที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ว่า อาราบิก้า สายพันธุ์ที่พวกเขาปลูกซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของเมล็ดกาแฟส่วนใหญ่ที่ซื้อขายกันทั่วโลก ประมาณ 70% ซึ่งกาแฟสายพันธุ์นี้มีความไวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งอุณหภูมิและความชื้น โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผลผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้

     อีกทั้งด้วยฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้น ในขณะที่ฤดูฝนก็น้อยลงและยากจะคาดเดาได้ว่าจะมาช่วงไหน เป็นเหตุผลตให้เกษตรกรทำไร่กาแฟบางคนตัดสินใจไม่เพาะปลูกต้นกล้าอาราบิก้าใหม่เพราะกลัวว่าต้นกล้าเหล่านี้จะตายในความร้อนและเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

โลกยิ่งร้อนอาราบิก้ายิ่งแย่

     จากการศึกษาของ ดร. แอรอน เดวิส เมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2°C ประเทศที่จัดหาอาราบิก้าหนึ่งในสี่ของโลกจะประสบปัญหาผลผลิตลดลงอย่างมาก

     จากผลการศึกษานี้ ดร. เดวิสย้ำว่า "เราต้องการพันธุ์กาแฟที่สามารถเติบโตได้ภายใต้สภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป"สำหรับคำถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากตลาดกาแฟไม่ปรับตัว ดร. เดวิสกล่าวอย่างสุขุมว่า: "เราจะมีกาแฟน้อยลงและราคาจะสูงขึ้น แต่ผลกระทบที่แท้จริงและอันตรายที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นกับชาวไร่"

อออออท้ายที่สุดผลลัพธ์ของทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ในถ้วยกาแฟของเราเปลี่ยนไป

ได้เวลา liberica เมล็ดกาแฟพันธุ์ใหม่

     ภายใต้เรื่องเศร้านี้ก็ยังพอมีเรื่องให้คลายกังวลได้ โดย ดร. เดวิส กล่าวเพิ่มว่า "สิ่งที่เราเห็นก็คือ กาแฟ liberica นั้นมีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้มากกว่าอาราบิก้า"

     liberica มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง การเพาะปลูกเชิงพาณิชย์มีศูนย์กลางอยู่ที่ฟิลิปปินส์ และปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟทั่วโลก

     ปัจจุบันนี้ liberica กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในหลายๆ แห่ง

ทิศทางของ Liberica?

     แม้ liberica จะเป็นสายพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง แต่ในอดีต Liberica ถูกมองว่าด้อยกว่าอาราบิก้า เนื่องจากนำมาแปรรูปได้ยากกว่าเนื่องจากมีผิวและเนื้อหนา ในขณะที่รสชาติเป็นที่รับรู้กันว่ามีรสขมมากกว่า

     แต่ Liberica กำลังได้รับการยอมรับจากองค์การกาแฟระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลหลักสำหรับกาแฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมนี้

     อย่างไรก็ตาม ดร.เดวิสและเพื่อนร่วมงานในยูกันดาและซูดานใต้ กำลังมุ่งเน้นไปที่ Liberica ชนิดหนึ่งที่มีเมล็ดเล็กกว่าเรียกว่า excelsa ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามีรสชาติที่ดีกว่า

     โดยปกติแล้ว ต้นกาแฟจะใช้เวลาสี่ปีกว่าจะให้ผลที่เก็บเกี่ยวได้ สิ่งนี้แสดงถึงการลงทุนระยะยาวสำหรับเกษตรกร อีกทั้งรสชาติที่จะถูกใจคอกาแฟหรือไม่

     ถ้าอุณหภูมิโลกยังร้อนขึ้นทุกปี นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนวงการธุรกิจกาแฟที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง

ที่มา : https://www.bbc.com/news/business-65189695

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​