Oggy เปิดตลาดสติกเกอร์กันยุง สบช่องเจาะกลุ่มเด็กเล็ก







     หลังจากที่ใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตในการทำงานเป็นพนักงานบริษัท สุดท้ายแล้วผู้ชายคนหนึ่งก็ได้ตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อทำธุรกิจของตัวเอง ชัยสิทธิ์ สมิตชัยจุฬารักษ์ โตโต้ ผู้ที่คุ้นเคยกับการซื้อแผ่นติดกันยุงให้ลูกของเขาใช้ หลังจากที่เขาเริ่มคิดว่าทำไมในประเทศไทยจึงยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ทำ เขาจึงได้ไอเดียที่จะทำธุรกิจนี้ขึ้นด้วยเงินเก็บที่มีจากการทำงาน หลังจากนั้นเขาก็ลาออกจากการเป็นพนักงานเพื่อทำธุรกิจเต็มตัว   


     “ที่ผมสนใจทำแผ่นติดกันยุง เริ่มมาจากการที่ผมซื้อสินค้าแบบนี้มาใช้เป็นปีเลย ให้ลูกใช้ แล้วเราก็ดูว่ามีใครบ้างที่ทำในไทย ปรากฏว่าดูแล้วไม่มีเลย มีนำเข้าจากจีนบ้าง เกาหลีบ้าง เลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการทำขึ้น ทีนี้พอมีไอเดียมา เราก็เริ่มมองหาโรงงานที่จะผลิตภัณฑ์แผ่นสติ๊กเกอร์ได้ ใช้เวลาอยู่พอสมควรสุดท้ายก็เจอ Supplier ที่จะผลิตให้เรา”





     แผ่นติดกันยุงของโตโต้ชื่อแบรนด์ว่า Oggy ซึ่งเป็นสติกเกอร์ที่ลอกติดตามวัสดุต่างๆ รอบๆ ตัวเด็กเพื่อใช้ในการป้องกันยุงและแมลงต่างๆ ความโดดเด่นของ Oggy คือธรรมชาติ 100% จากตะไคร้หอม ปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่จะทำให้ระคายเคืองผิวของเด็กน้อย นอกจากนี้ยังเป็นลายการ์ตูน 12 ราศีเพื่อให้เข้ากับความชื่นชอบของเด็กๆ อีกด้วย


     “แผ่นติดกันยุงของ Oggy ที่ขายอยู่ในปัจจุบันเป็นสินค้ารุ่นที่ 2 แล้ว เพราะว่ารุ่นแรก มันเป็นแค่สติกเกอร์ เหลืองๆ กลมๆ ไม่ดึงดูดลูกค้า เด็กๆ ก็ไม่ชอบ ผู้ปกครองก็ไม่ชอบ ทีนี้ก็มีเสียงตอบรับของผู้บริโภคบอกเราว่าลองทำแบบนี้ดูสิ เราก็เอาเสียงนั้นมาพัฒนาจนกลายเป็นรูปการ์ตูนที่มีความน่ารักขึ้น ดูภาพลักษณ์มีความเป็นสินค้าเด็กมาขึ้น”




     สำหรับใน 1 ซองของ Oggy จะมีสติกเกอร์กันยุง 12 ชิ้น 12 ราศีด้วยกัน ราคาขายอยู่ที่ 69 บาทต่อ 1 ซอง ตกชิ้นละประมาณ 5 บาท โดยโตโต้บอกว่าเขาได้ตั้งกลุ่ม Target ผู้ใช้คือกลุ่มเด็กเล็กโดยเฉพาะ เนื่องจากสินค้าประเภทนี้เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่ยังไม่สามารถป้องกันตัวเองจากยุงได้ เมื่อเขาโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ถูกจุดก็ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น


     “ในส่วนของตัวสินค้าผมมอง Target ไว้เป็นกลุ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดเลย เพราะว่าสติกเกอร์นี้คุณไม่ต้องติดไว้ที่ตัวเด็กก็ได้ ติดไว้รอบๆ เด็ก ความจริงสินค้าเราก็ใช้ได้หมดทุกเพศทุกวัย แต่ที่โฟกัสเด็กโดยเฉพาะเพราะว่าผู้ใหญ่หรือเด็กโตขึ้นมาหน่อย เขาเริ่มป้องกันตัวเองจากยุงได้ ตบได้ ไล่ได้ แต่เด็กเล็กยังทำไม่ได้ ทีนี้เรามองว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสอีกมาก ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่ามีผลิตภัณฑ์แบบนี้อยู่ด้วย เวลาที่เราไปออกงานต่างๆ ก็จะมีคนเข้ามาให้ความสนใจว่ามันคืออะไร”


     ช่องทางในการขายสำหรับแบรนด์ Oggy มีอยู่ 2 ช่องทางด้วยกันคือออนไลน์ อาทิ Shopee, Lazada, 11Street ส่วนออฟไลน์ก็มีการออกงานแฟร์ต่างๆ เพื่อที่จะได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง นอกจากนี้ในอนาคตโตโต้ยังได้มองถึงการขยับขยายเข้าสู่ร้านค้าสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า เช่น โลตัสมากยิ่งขึ้น


     โดยโตโต้ได้พูดปิดท้ายถึงแนวคิดของการเป็นพนักงานเงินเดือนก่อนที่จะออกมาเพื่อตามความฝันในการทำธุรกิจว่าต้องเริ่มจากการมีเป้าหมายของตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มองภาพในอนาคตของตัวเองให้ออก


     “คนส่วนใหญ่มองเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรหรือไม่รู้ว่าจะขายอะไร ผมมองว่าถ้าเขาอยากเริ่มต้นที่จะขายอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มจากที่เขาต้องรู้ว่าลูกค้าเป็นใคร จะ Target คนกลุ่มไหน แล้วสโคปมันจะเล็กลงมา หลังจากที่คุณมีเป้าหมายแน่ชัดแล้วสิ่งที่ตามมาคือความอดทนที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น คือชีวิตที่เป็นลูกจ้างมา 10 ปี 20 ปี กว่าจะก้าวออกมาได้มันยากนะ ประสบการณ์ในการทำธุรกิจไม่มีเลย เราต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ อดทนจนกว่าที่จะถึงเป้าหมาย”
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เกือบหลับ แต่กลับมาเป็นธุรกิจร้อยล้าน Plantae - La Glace 2 แบรนด์รุ่นใหม่ใจถึงทำถึง

Plantae และ La Glace สองแบรนด์รุ่นใหม่คือ ตัวอย่างของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่ายเคยตกอยู่ในวิกฤต แต่ด้วยแพชชันและการปรับตัวที่รวดเร็ว พวกเขากลับมาสร้างรายได้ระดับร้อยล้านได้สำเร็จ

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ