สิ่งดีๆ ที่คุณควรบอกตัวเอง ในวันที่ธุรกิจ..ล่มสลาย

TEXT : ระรินดา เดชากุล





       การเผชิญหน้ากับวิกฤตโควิดทั้งระลอกเก่าและระลอกใหม่ ลากยาวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ที่ยังไม่มีทีท่าว่าทุกอย่างจะกลับมาสดใสเหมือนวันเก่า กระทบกับการคงอยู่ของหลายธุรกิจ จนผู้ประกอบการหลายรายต้องตัดสินใจปิดกิจการลง หยุดการดำเนินธุรกิจ ลบภาพความสำเร็จในอดีตที่คงไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
               

      ในห้วงนาทีที่ธุรกิจต้องถึงคราวล่มสลาย หลายคนจุกเจ็บปวดจนไม่อาจรับกับความจริงได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า การปิดตัวลงของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งนั้นเป็นเพียงเรื่องปกติธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็ล้วนผ่านความล้มเหลวมาทั้งนั้น และไม่สามารถกอดเก็บความสำเร็จนั้นได้อย่างจีรังยั่งยืนเช่นกัน โดยเฉพาะในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในวันนี้    
               

      เพื่อให้ทุกคนได้มีมุมมองใหม่ๆ ในการรับมือกับความล้มเหลว เรามีสิ่งดีๆ ที่คุณควรบอกตัวเองในวันที่ธุรกิจล่มสลายมาฝากกัน



 
 
  • แค่ได้ลงมือทำก็เท่ากับสำเร็จแล้ว


      บางคนอาจมองว่าการปิดตัวลงของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งก็คือความล้มเหลว โดยเอาผลสำเร็จปลายทางมาตัดสิน
สิ่งที่คุณทำ แต่ในโลกความจริง ทุกธุรกิจประสบความสำเร็จตั้งแต่ลงมือทำแล้ว คำว่า “สำเร็จ” ในที่นี้ก็คือการได้เอาชนะความตั้งใจของตัวเอง เอาชนะความขาดกลัว และเสียงทัดทานจากคนรอบข้าง เอาชนะศักยภาพที่ตัวคุณเคยด้อยค่าตัวคุณเอง เอาชนะความเชื่อที่ว่าคนอย่างคุณหรือจะสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาได้ ทั้งหมดนี้เป็นรางวัลแห่งชัยชนะที่คุณได้รับตั้งแต่วันแรกที่ลงมือทำธุรกิจแล้ว ส่วนระหว่างทางที่คุณทำ ไม่ว่าจะการได้ลูกค้ารายแรก การขายสินค้าใหม่ของคุณได้ ทีมงานของคุณสามารถคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ ออกมา และคุณสามารถนำพาธุรกิจให้ผ่านปีที่ยากลำบากไปได้ ทั้งหมดนี้ก็เป็นความสำเร็จระหว่างทางที่คุณได้ทำมาแล้วทั้งนั้น ฉะนั้นแค่ลงมือทำก็เท่ากับประสบความสำเร็จแล้ว อย่าให้คนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรมาตัดสินว่าคุณแพ้หรือชนะเลย 
 
 
  • ทุกความผิดพลาดทิ้งบทเรียนให้เราเสมอ


     สิ่งที่มีค่าและสำคัญไปกว่าความรู้สึกโทษตัวเอง คือทุกความผิดพลาดทิ้งบทเรียนดีๆ ให้เราเสมอ แน่นอนว่าวันที่
เรายังยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จ และหลงใหลไปกับเสียงชื่นชมของคนรอบข้าง เราจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เลยว่าที่จริงแล้วชีวิตเรามีอะไรที่ทำถูกต้องและไม่ควรทำ อะไรกันแน่ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต และอะไรสำคัญกับเราที่สุด งาน เงิน หรือความสุข ระหว่างทางเราได้สูญเสียอะไรไปโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ เช่น การทำแต่งานทำให้เราเผลอหลงลืมครอบครัว เพื่อนฝูง หรือมิตรแท้ไปหรือเปล่า ในวันที่เราล้มพนักงานยังอยู่กับเรา และพร้อมที่จะต่อสู้ไปกับเราหรือเปล่า การทำธุรกิจแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เลยทำให้เราผิดพลาด ฉะนั้นถ้ามีโอกาสเริ่มใหม่ เราก็ต้องไม่ทำแบบเดิม ทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่เราจะได้รู้จากความผิดพลาด และเป็นบทเรียนนอกตำรา ที่คนเล่นเอง เจ็บเองเท่านั้นถึงจะรู้ ไม่มีใครมาบอกคุณได้ ที่สำคัญในวันหนึ่งคุณอาจนำข้อผิดพลาดนี้ไปเป็นวัคซีนในการเริ่มต้นใหม่ หรือแม้แต่แนะนำคนอื่นเพื่อเป็นวิทยาทานได้ ที่สำคัญตำราชีวิตเล่มนี้เป็นของคุณ บทเรียนเหล่านี้คุณสามารถหยิบมาใช้เรียนรู้ได้อีกหลายครั้ง เพราะคุณเขียนและลงมือทำมาด้วยตัวเอง



 
 
  • ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป


      หนึ่งในสัจธรรมที่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวรตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ ความสุข เงิน
ทอง หรือชื่อเสียง เช่นเดียวกับ ความผิดหวัง ความทุกข์ ความพ่ายแพ้หรือล้มเหลว ตามแต่ที่เราจะนิยามให้กับตัวเองในตอนนี้ ก็ล้วนไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ความทุกข์ที่เกิดในใจเราก็เช่นกัน วันหนึ่งก็จะต้องผ่านพ้นไป ฉะนั้นสิ่งที่เราควรบอกกับตัวเองคือ อย่าไปยึดติดกับความสำเร็จหรือล้มเหลว การอยู่กับปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าโทษตัวเองในสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้ว วันหนึ่งที่คุณยอมรับในสิ่งเหล่านี้ได้ คุณจะรู้ว่าในโลกของการทำธุรกิจยังมีอะไรอีกมากให้คุณได้หยิบ จับ และปรับใช้ และการเริ่มต้นใหม่โดยลดความคาดหวังลง เข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น ก็อาจทำให้คุณสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ออกมาได้ และกลับมายืนหยัดในโลกธุรกิจได้อีกครั้ง   



 
 
  • ถ้าไม่มีจุดเปลี่ยนก็คงไม่ได้เริ่มทำในสิ่งใหม่ที่ดีกว่า


      หลายธุรกิจที่อยู่มานานไม่เคยกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือทำอะไรใหม่ๆ บางครั้งการที่ต้องเจอกับความล่ม
สลาย อาจเป็นโอกาสที่เราจะได้เปลี่ยนไปทำอะไรที่น่าสนใจกว่า หรือสอดคล้องเหมาะสมกับตลาดในวันนี้มากกว่าก็เป็นได้ เช่น ธุรกิจที่เคยมีแต่หน้าร้าน รอให้ลูกค้าวิ่งเข้าหา อาศัยลูกค้าเก่าที่ภักดีกันมานาน ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น ลูกค้าเหล่านี้ก็ทยอยล้มหายตายจากไป ขณะที่ลูกค้าใหม่ๆ ก็ไม่รู้จักร้าน เลยเหมือนกับดักทำให้ธุรกิจไปต่อไม่ได้ ทั้งที่ร้านก็มีสูตรเด็ด และดีเด่นไม่เหมือนใคร การที่ได้ปิดร้านก็เป็นเวลาที่ผู้ประกอบการจะกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ ความเชี่ยวชาญหรือต้นทุนที่เรามีจากการทำร้านก็เก็บไว้ แล้วมาเพิ่มเติมตรงเครื่องมือใหม่ๆ วิธีการสื่อสารใหม่ๆ ที่จะทำให้เราเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ได้มากขึ้น เช่น การทำเดลิเวอรีโดยที่ไม่ต้องมีหน้าร้านด้วยซ้ำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดูแลร้านลง และทำเท่าที่ลูกค้าสั่ง วิธีนี้ยังเป็นโอกาสให้ร้านเก่าแก่ได้เข้าถึงลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นด้วย ส่วนในอนาคตถ้ามีกำลัง เห็นโอกาสและลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น การจะกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง ในลุคใหม่ ทำเลใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สายเกินไป


       หรือบางธุรกิจที่อยากจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น นี่ก็เป็นโอกาสของคุณแล้ว ที่จะได้ไปโฟกัสกับธุรกิจใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงกับกิจการเดิมที่มีอยู่ และใช้บทเรียนจากธุรกิจที่ปิดไป ไปเติมเต็มจุดแข็งให้ธุรกิจใหม่ กลายเป็นโอกาสในวิกฤตที่เกิดกับคุณได้เช่นกัน




 
  • แม้จะไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่ระหว่างทางคุณก็ได้ทำเต็มที่แล้ว


     เชื่อว่าก่อนที่ผู้ประกอบการสักรายจะตัดสินใจปิดกิจการลง นั่นหมายความว่าคุณได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่
แล้ว ที่จะจัดการกับปัญหาที่พบเจอ คุณได้ทุ่มเท ไตร่ตรอง ได้ลองแก้ไขปัญหา ได้ใส่ความพยายามลงไปในทุกๆ การทำงาน ฉะนั้นแม้จะยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจเพราะระหว่างทางคุณได้ทำเต็มที่แล้ว ลองย้อนดูผลงานของคุณที่ผ่านมา การที่คุณตื่นนอนทุกเช้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ คิดทบทวนทุกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอน คุณช่วยแก้ปัญหาให้ลูกน้อง ให้กำลังใจทีมงาน คุณดูแลลูกค้าของคุณอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจ คู่ค้าไม่เคยผิดหวังกับการทำงานกับคุณ ผู้ว่าจ้างพึงพอใจกับผลงานของคุณ คำชมเล็กๆ ที่คุณเคยได้รับจากใครบางคนในการทำงาน ทั้งหมดนี้ล้วนบอกว่า ระหว่างทางคุณได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะต้องเสียใจหรือผิดหวังเลย  
 
 
  • ในเวลาที่แพ้คุณไม่ได้โดดเดี่ยว


       หลายคนอาจรู้สึกว่าวันที่คุณล้มคุณโดดเดี่ยวและไม่เหลือใคร ไม่กล้ามองไปรอบข้างเพราะกลัวคำดูถูกหรือเยาะ
เย้ย แต่รู้หรือไม่ว่าระหว่างนั้นยังมีใครบางคนที่พร้อมจะอยู่ข้างคุณ โดยที่คุณอาจหลงลืมเขาไป คนๆ นั้น อาจมาในรูปของครอบครัว  พนักงานที่อยู่กับองค์กรมานาน บางคนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้คุยกันมานาน เป็นอาจารย์ เป็นผู้ใหญ่ที่คุณนับถือ หรือแม้แต่คนที่คุณมีเขาเป็นต้นแบบ คนเหล่านี้ไม่เคยหายไปไหน แต่บางครั้งคุณอาจหลงลืมพวกเขาไปเพราะกำลังตกอยู่ในห้วงความทุกข์ก็เท่านั้น
               

      อีกคนที่สำคัญ และไม่เคยทิ้งให้คุณเจอกับความพ่ายแพ้เพียงลำพัง นั่นคือ “ตัวคุณเอง” คนที่อยู่ในกระจกมีคำพูดมากมายที่อยากปลอบโยนคุณ และคนๆ นั้นก็เป็นคนที่เข้าใจคุณที่สุด ฉะนั้นในวันที่คุณแพ้ คุณไม่ได้โดดเดี่ยว อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีตัวคุณเอง




 
  • คนที่บอกว่าสำเร็จหรือล้มเหลวคือตัวคุณเอง


      อย่าให้คนอื่นมามีอิทธิพลกับความคิดคุณจนทำให้คุณไขว้เขวและเผลอโทษแต่ตัวเอง แม้คนทั้งโลกจะบอกว่า
คุณแพ้ แต่คนที่จะนิยามว่าคุณสำเร็จหรือล้มเหลวก็คือตัวคุณเอง ไม่ใช่คนอื่น บางคนการได้ทำสิ่งเล็กๆ ให้สำเร็จก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว บางเรื่องที่คุณได้ทำแล้วคุณรู้สึกภูมิใจ นั่นก็เรียกได้ว่าสำเร็จ ฉะนั้นจงนิยามความสำเร็จด้วยตัวคุณเอง และในวันที่ธุรกิจล่มสลาย อาจเป็นเพียงช่วงเวลาที่คุณจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง เป็นคุณคนใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่มีอะไรต้องกังวล หรือหวาดกลัว เพราะหลายสิ่งดีๆ คุณได้ทำมันผ่านมาหมดแล้ว
               

       ขอเพียงอย่าท้อและผิดหวัง ชีวิตคุณก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
 
 
 
 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เกือบหลับ แต่กลับมาเป็นธุรกิจร้อยล้าน Plantae - La Glace 2 แบรนด์รุ่นใหม่ใจถึงทำถึง

Plantae และ La Glace สองแบรนด์รุ่นใหม่คือ ตัวอย่างของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่ายเคยตกอยู่ในวิกฤต แต่ด้วยแพชชันและการปรับตัวที่รวดเร็ว พวกเขากลับมาสร้างรายได้ระดับร้อยล้านได้สำเร็จ

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ