หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการโครงการ “จับคู่กู้เงิน” มาตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ถึง 7 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีร้านอาหารและ SME ส่งออก ได้รับสินเชื่อผ่อนปรนไปถึง 3,055 ราย วงเงินอนุมัติ 3,610 ล้านบาท พอผลออกมาแบบนี้ จึงประกาศต่อโครงการเฟส 2 ในทันที คือตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน – 7 พฤศจิกายน 2564
SME ที่พลาดโครงการจับคู่กู้เงินในเฟสแรกไป มาทำความรู้จักกับโครงการนี้กันก่อน
โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ โครงการที่ 1 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร และโครงการที่ 2 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ เงื่อนไขผ่อนปรน ดอกเบี้ยต่ำ ปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี
ซึ่งโครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับร้านอาหาร มี 5 สถาบันการเงินเข้าร่วม ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้มีการอนุมัติเงินกู้เพื่อต่อลมหายใจให้แก่ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานั้นกำลังประสบปัญหา เพราะสถานการณ์โควิด-19 และต้องการเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือต่อลมหายใจ
สำหรับร้านอาหารที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ สามารถประสานงานผ่านสมาคมต่างๆ เช่น สมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวรายย่อย สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร
ส่วนโครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SME ส่งออก โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับ บสย. เพื่อช่วยให้ SMEs ที่ประกอบธุรกิจส่งออกหรืออยู่ใน Value Chain ของธุรกิจส่งออกเข้าถึงเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขพิเศษ ผู้ประกอบการส่งออกสามารถเดินเข้าไปปรึกษากับ EXIM Bank ได้โดยตรง
โครงการจับคู่กู้เงินจะดำเนินการต่อไปในเฟสที่ 2 โดยจะต่ออายุโครงการออกไปอีก 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน-7 พฤศจิกายน 2564 คาดว่าช่วงเฟสที่ 2 นี้จะสามารถอนุมัติวงเงินต่อลมหายใจให้ SME ส่งออกได้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะช่วยปล่อยวงเงินสินเชื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนให้กับธุรกิจร้านอาหารและ SME ส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR
Plantae และ La Glace สองแบรนด์รุ่นใหม่คือ ตัวอย่างของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่ายเคยตกอยู่ในวิกฤต แต่ด้วยแพชชันและการปรับตัวที่รวดเร็ว พวกเขากลับมาสร้างรายได้ระดับร้อยล้านได้สำเร็จ
“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร
Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ