ล้งเล้งลูกชิ้นปลา ตำนาน 41 ปีธุรกิจครอบครัวย่านบรรทัดทอง ที่ฝ่าฟันวิกฤตสู่ยอดขายพุ่ง 40%

     ธุรกิจครอบครัวหลายแห่งมักพบกับโจทย์ท้าทาย จะรักษามรดกความสำเร็จของรุ่นก่อนอย่างไร พร้อมกับปรับตัวให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’ ร้านสตรีทฟู้ดในย่านบรรทัดทอง มีอายุกว่า 41 ปี คือกรณีศึกษาที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความยั่งยืนเกิดจากคุณภาพ ความจริงใจ และการปรับตัวอย่างมีกลยุทธ์

ตำนาน 41 ปี ยังไม่คิดจะขายแฟรนไชส์

     'ล้งเล้ง' ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเจ้าเก่าแก่กว่า 40 ปีในย่านบรรทัดทอง สืบทอดสู่ทายาทรุ่นที่ 2 คือ มุก-มุกรวี หวังเพื่อสุข โดยร้านมีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวทางฝั่งคุณแม่ ก่อนจะแยกมาเปิดร้านของตัวเองที่บริเวณตลาดสวนหลวงและได้ย้ายร้านมายังที่ตั้งในปัจจุบัน โดยมีเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ เกี๊ยวปลาจัมโบ้ ที่โดดเด่นด้วยไส้แน่น แป้งบาง ทำสดใหม่ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีเมนูยอดนิยมอื่นๆ เช่น บะหมี่เย็นตาโฟ, เกาเหลาเส้นปลาน้ำใส, หนังปลากรอบสูตรล้งเล้ง และเกี๊ยวทอดไส้หมู

     ต่อมาได้ขยายสาขาที่ 2 ไปยังบริเวณริมถนนพระราม 4 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกัน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขยายพื้นที่ครัวสำหรับการผลิตลูกชิ้น แม้จะได้รับการติดต่ออยู่หลายครั้ง แต่คุณมุกย้ำว่า “ยังไม่คิดจะขายแฟรนไชส์ เพราะต้องการควบคุมคุณภาพให้ได้มากที่สุด เพื่อคงมาตรฐานของร้านในระยะยาว” โดยเลือกต่อยอดธุรกิจไปสู่แพลตฟอร์มเดลิเวอรีและรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่ประทับใจในรสชาติและคุณภาพที่สม่ำเสมอของร้าน

คุณภาพ ความจริงใจ: สูตรลับฝ่าทุกความท้าทาย

     ในวันที่บรรทัดทองกลายเป็นจุดเช็กอินของเหล่านักกินและนักท่องเที่ยว การแข่งขันที่สูงขึ้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในฐานะร้านเก่าแก่ที่อยู่มานาน ร้านล้งเล้งกลับใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอเสน่ห์ของสตรีทฟู้ดแบบโลคอลอย่างแท้จริง ทั้งการตกแต่งและบรรยากาศในร้านที่ยังคงความดั้งเดิมไว้ แต่ปรับปรุงรายละเอียดและประสบการณ์ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าที่หลากหลาย

     สิ่งที่ทำให้ร้านยืนหยัดได้อย่างมั่นคงคือการยึดมั่นในคุณภาพ “เราอยากให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยและสัมผัสกับกลิ่นอายของสตรีทฟู้ดในราคาที่จับต้องได้ทุกวัน เริ่มต้นเพียงชามละ 65 บาท และยังสามารถนั่งได้อย่างสบายในห้องแอร์ สิ่งนี้ทำให้ลูกค้าขาจรที่แวะมากลายเป็นลูกค้าประจำ และเกิดการรีวิวแบบปากต่อปาก จนชื่อร้านไปปรากฏอยู่ในเพจรีวิวอาหารและแพลตฟอร์มของต่างชาติโดยที่ร้านไม่ได้ทำการตลาดเลย”

อัปเกรดอาวุธธุรกิจพร้อมรับมือในทุกความเปลี่ยนแปลง

     ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ร้านล้งเล้งได้พิสูจน์ถึงการเป็นธุรกิจที่ปรับตัวอยู่เสมอ ตั้งแต่การเติบโตของย่านบรรทัดทองที่เปลี่ยนจากชุมชนที่อยู่อาศัยสู่การเป็นสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงการรับมือวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ยอดขายหน้าร้านลดลงอย่างหนัก

     ด้วยวิสัยทัศน์ของมุกที่ผลักดันให้ครอบครัวยอมรับการขยายช่องทางธุรกิจบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 การตัดสินใจครั้งนั้นได้กลายเป็นการเตรียมความพร้อมที่สำคัญ ทำให้ร้านสามารถพึ่งพาช่องทางเดลิเวอรีได้ทันทีเมื่อเกิดการล็อกดาวน์ และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังนำมาสู่การรีแบรนด์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะกับการจัดส่ง ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่บนแอปพลิเคชัน แต่ยังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าประจำรุ่นเก่าที่มาซื้อหน้าร้าน ส่งผลให้ล้งเล้งสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมกันได้

     ขณะเดียวกัน ทางร้านยังเดินหน้าลุยช่องเดลิเวอรีอย่างต่อเนื่อง เช่น เข้าร่วมแคมเปญส่งฟรีกับแกร็บฟู้ด ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาด ยอดขายโตขึ้นถึง 40% และแม้การแข่งขันบนแพลตฟอร์มจะดุเดือด แต่คุณมุกยังมองเห็นโอกาสให้เติบโตได้อีกมาก เธอพร้อมที่จะเรียนรู้และอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการใช้เครื่องมือการตลาดบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี เพื่อนำมาต่อยอดจุดแข็งของร้านต่อไป

     "สิ่งที่ขับเคลื่อนเราคือความสุขที่ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัว และความตั้งใจจะต่อยอดให้ร้านยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน" คุณมุกทิ้งท้ายพร้อมให้กำลังใจผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญความท้าทายว่า ให้มองเป็นเพียงอีกหนึ่งบททดสอบที่เราต้องเจอ "ทุกวงจรของธุรกิจมี Cycle ของมัน และรอบนี้ก็เป็นบททดสอบหนึ่ง ขอให้เราทำให้ดีที่สุด อดทนและอย่าท้อกับอุปสรรค ไม่หยุดที่จะปรับตัวไปกับความเปลี่ยนแปลง เราก็จะผ่านไปได้และเก่งขึ้น"

     เรื่องราวของ ‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คุณภาพที่คงเส้นคงวา ความจริงใจที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาในแบบฉบับของตัวเอง คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่ยังสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเผชิญกับความท้าทายในรูปแบบใดก็ตาม

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

“เบบี้แอนด์มัม”  จาก pain point คนมีลูกยาก  สู่แบรนด์ที่ทำรายได้กว่า 783 ล้านบาท

จากความเจ็บปวดสู่ธุรกิจพันล้าน เมื่อผู้ก่อตั้งเผชิญภาวะมีบุตรยากด้วยตัวเอง กลับพลิก Pain Point ให้เป็นโอกาสด้วย กลยุทธ์ Education-driven จนสร้างรายได้กว่า 783 ล้านบาท นี่คือเรื่องราวของ “เบบี้แอนด์มัม”

สุรกิจ เมธานุกิจ เจ้าของ Elizabeth Hotel รุ่นที่ 2   พลิกโรงแรมจากที่คนไม่รู้จักกว่า 30 ปี ด้วยคลิปไวรัลทะลุล้าน    

อยู่มานานตั้ง 34 ปี แต่ไม่มีคนรู้จัก แต่เมื่อ COVID-19 มาเยือน การอยู่แบบเงียบๆ ไม่ออกสื่อ จึงไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป สุรกิจ เมธานุกิจ จึงต้องหาทางฟื้นคืนชีพกิจการ จนกลายเป็นไวรัลด้วยคลิปราดหน้าเส้นกรอบยอดวิวทะลุล้าน