ในยุคที่หลายแบรนด์แข่งขันด้วยพรีเซนเตอร์ชื่อดังและงบโฆษณาก้อนโต มีแบรนด์หนึ่งเลือกเดินสวนทาง แต่กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนสร้างรายได้กว่า 783 ล้านบาท
นี่คือเรื่องราวของ “เบบี้แอนด์มัมฯ” แบรนด์ที่ผู้ก่อตั้งเคยเผชิญวิกฤติภาวะมีบุตรยากด้วยตัวเอง แต่เปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็น Education-driven Strategy เติมเต็มช่องว่างในตลาดที่ยังไม่มีใครเคยมองเห็น และสร้างคุณค่าเหนือกว่าตัวเงินด้วยพลังของการเป็น “ผู้ให้” และการบอกต่อ
เบื้องหลังความสำเร็จ่ของแบรนด์นี้คืออะไร และเราจะเปลี่ยน Pain Point ของผู้คนให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างไรไปเรียนรู้กัน
เปลี่ยน Pain Point ให้เป็นโอกาส
เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าจุดเริ่มต้นของ “เบบี้แอนด์มัมฯ” มาจาก “ครูก้อย - นัชชา ลอยชูศักดิ์” ที่เคยเผชิญภาวะมีบุตรยากด้วยตัวเอง และผ่านประสบการณ์การรักษาหลายวิธี จึงทำให้เข้าใจ Pain point ของผู้มีบุตรยากเป็นอย่างดี ปัญหาท้องยากเป็นความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจของผู้หญิงหลายคน เมื่อหันไปมองรอบตัว เห็นเพื่อนหรือพี่น้องต่างก็มีลูกกันหมด การที่ยังไม่มีลูกแม้จะพร้อมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเงินหรือความมั่นคงในชีวิต อาจก่อให้เกิดความรู้สึกตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งหลายครอบครัวที่เผชิญภาวะมีบุตรยากต่างเข้าใจดี
ด้าน ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ กรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า หลังจากเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติแล้วเกิดการแท้ง และผ่านการรักษาทางการแพทย์หลายวิธี เช่น การทำ IUI และ ICSI ซึ่งไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ด้วยความเป็นครูวิทยาศาสตร์ ครูก้อยจึงศึกษางานวิจัยระดับนานาชาติเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์และโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ ทำให้ครูก้อยเห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ และนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับการดูแลตัวเอง
โดยครูก้อยระบุว่า “ผู้มีบุตรยากจำนวนมากยังขาดความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ โดยมีหลักการสำคัญ 2 ข้อ คือ 1. การดูแลตัวเอง 2. โภชนาการ การเข้าใจและปฏิบัติตามหลักเหล่านี้ช่วยให้สามารถวางแผนและดูแลร่างกายได้อย่างเหมาะสมให้พร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อความรู้และประสบการณ์จริง กลายเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจพันล้าน
ปัญหาภาวะมีบุตรยากในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างชัดเจน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทั้งความเครียด การแข่งขันสูงขึ้น การแต่งงานช้า รวมถึงโภชนาการที่ไม่สมดุล ทำให้อัตราการมีบุตรยากเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลายครอบครัวต้องเข้าสู่กระบวนการแพทย์ แม้ว่าเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์จะก้าวหน้าเพียงใด ก็ยังไม่มีแพทย์หรือเครื่องมือใดรับประกันความสำเร็จได้ 100%
ด้วยความตั้งใจที่จะส่งต่อความรู้เตรียมตั้งครรภ์ให้กับผู้มีบุตรยาก ครูก้อย นัชชา จึงสร้างเพจ BabyAndMom.co.th ขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการแชร์ประสบการณ์จริงของครูก้อยกับภาวะมีบุตรยากที่ต้องเผชิญและกระบวนการรักษาทุกขั้นตอน พร้อมให้ความรู้ในการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ทั้งการบำรุง และดูแลสุขภาพในองค์รวม
“จริงๆ แล้วในช่วงนั้นแทบไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย อาจเรียกได้ว่าเพจของเราคือหนึ่งในผู้จุดกระแสการสนทนาเกี่ยวกับภาวะผู้มีบุตรยากแรกๆ บนโลกออนไลน์ เพราะยังไม่มีคลังความรู้ที่ชัดเจนในไทย เบบี้แอนด์มัมฯ จึงกลายเป็นผู้บุกเบิกเจ้าแรกที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์”
สิ่งที่ทำให้เบบี้แอนด์มัมฯ แตกต่างคือ การใช้วิทยาศาสตร์และงานวิจัยเป็นแกนกลาง แทนความเชื่อดั้งเดิมที่อิงโชคลางหรือไสยศาสตร์ ผู้ติดตามนำความรู้ไปปฏิบัติจริงและเห็นผลลัพธ์ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง นี่คือแรงยืนยันว่าทิศทางที่ครูก้อยศึกษาและถ่ายทอดต่อสังคมถูกต้องและเหมาะสม
เพื่อต่อยอดจากความเชื่อมั่นนี้ บริษัทจึงก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ด้วยเป้าหมายเป็น ศูนย์กลางความรู้เตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเพื่อการเจริญพันธุ์ เพราะในขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้มีบุตรยาก ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง
เบบี้แอนด์มัมฯ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งโปรตีน วิตามิน และสมุนไพรเพื่อการเจริญพันธุ์ พร้อมยึดแนวคิด Education Marketing เป็นหัวใจหลัก เพื่อช่วยเตรียมร่างกาย เสริมโภชนาการ และดูแลสุขภาพของทั้งฝ่ายชายและหญิงให้พร้อมที่สุด ก่อนเข้าสู่กระบวนการแพทย์ เพราะเมื่อแพทย์ได้รับวัตถุดิบตั้งต้นที่ดี โอกาสความสำเร็จก็ย่อมสูงตามมา” เจมส์ กล่าว
จุดเริ่มต้นของโปรตีน Ferty
จุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ตัวแรก “โปรตีนเฟอร์ตี้ (Ferty)” เกิดจาก Pain Point ของผู้ติดตามเพจ BabyAndMom ที่สะท้อนว่าผู้มีบุตรยากในไทยแทบไม่มีทางเลือกด้านวิตามินและอาหารเสริมที่คิดค้นและพัฒนามาเพื่อคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ “เรามองว่าเค้กก้อนนี้ยังไม่มีใครทำมาก่อน” เรียกตลาดนี้ว่า “ตลาดวิตามินอาหารเสริมเตรียมตัวก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์” โดยที่ผ่านมา ผู้มีบุตรยากมีเพียงสองทางเลือก คือดูแลสุขภาพด้วยยาจีนและสมุนไพรตามความเชื่อโบราณ หรือเข้าสู่การรักษาทางการแพทย์โดยตรง “แต่ยังไม่มีตลาดที่แท้จริงสำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์”
สิ่งที่ทำให้ตลาดนี้แตกต่างคือ “ผู้ที่ประสบปัญหามีบุตรยากมักมีความมุ่งมั่นและวินัยสูงในการดูแลสุขภาพของตนเอง” เมื่อมั่นใจว่ากำลังเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขาจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของเบบี้แอนด์มัมฯ สามารถตอบโจทย์ดีมานด์ที่ยังไม่มีใครเข้าถึงได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ “เบบี้แอนด์มัมเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดอาหารเสริมเพื่อผู้มีบุตรยากเจ้าแรกในประเทศไทย” และยังส่งเสริมให้เบบี้แอนด์มัมฯ เติบโตแบบก้าวกระโดดมีรายได้รวมกว่า 783 ล้านบาท (จากข้อมูลงบการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี พ.ศ. 2562–2567)
จาก Education Marketing สู่แบรนด์ที่ผู้มีบุตรยากไว้วางใจ
เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าวว่าคุณค่าที่เบบี้แอนด์มัมฯ ได้รับกลับมานั้นอยู่เหนือกว่ายอดขาย คือความภาคภูมิใจในการเป็น “ผู้ให้” และความสุขจากการมีส่วนช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้ครอบครัวที่รอคอยบุตร ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตามทั่วไปหรือคนดัง เช่น คุณตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ และคุณจุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ซึ่งแม้เคยผิดหวังหลายครั้งก็สามารถตั้งครรภ์สำเร็จภายใต้คำแนะนำของครูก้อย การให้ความรู้และการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์นี้ ครอบคลุมทั้งผู้มีบุตรยากจากหลากหลายสาขาอาชีพ รวมถึงวงการแพทย์ ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและเชื่อถือได้ ทำให้เบบี้แอนด์มัมฯ ได้รับความไว้วางใจสูง และเกิดพลังการบอกต่อผ่านรายการ “สักวันฉันจะเป็นแม่” โดยไม่ต้องใช้งบพรีเซนเตอร์ใด ๆ ทุกเคสเป็นเรื่องจริงและเล่าด้วยตัวเอง
จุดแข็งของเบบี้แอนด์มัมฯ คือการนำวิทยาศาสตร์มาเป็นแกนกลางของผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มีวิตามินหรืออาหารเสริมที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้มีบุตรยาก การเป็น Trend Setter ในตลาดนี้จึงถือเป็น Blue Ocean โดยยึด Core Value ด้านการให้ความรู้ (Education) เป็นหัวใจสำคัญ เมื่อผู้ใช้เข้าใจเหตุผลทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ พวกเขาจะปฏิบัติตามด้วยความรู้และความเข้าใจ แตกต่างจากแรงจูงใจเชิงการตลาดทั่วไป กลยุทธ์ Education-driven นี้ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ครูก้อย นัชชา เน้นย้ำว่าเป้าหมายหลักของเบบี้แอนด์มัมฯ คือขจัดความไม่รู้เกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากในสังคมไทย ให้ผู้หญิงและครอบครัวเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่เพียงเพื่อสร้างความเข้าใจ แต่เพื่อส่งต่อแนวทางการดูแลสุขภาพที่ดีให้ทั้งแม่และลูกน้อย“
“ก้าวต่อไปของเบบี้แอนด์มัมฯ คือการเข้าถึงผู้หญิงตั้งแต่เริ่มวางแผนมีบุตร การเตรียมตัวจนถึงช่วงตั้งครรภ์ คลอดบุตร และต่อยอดไปสู่การให้ความรู้และบริการที่ครอบคลุมตลอดจนถึงช่วงวัยทอง” เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าวสรุป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี