แชร์เคล็ดลับ ‘สุดยอดคุณแม่นักธุรกิจ’ จาก 3 ผู้ประกอบการสาวแกร่งที่สตรองสุดในยุคนี้




Main Idea
 
 
  • การเป็นผู้ประกอบการว่ายากแล้ว แต่การต้องเป็นทั้งผู้ประกอบการและคุณแม่ Full Time นั้นโหดหินยิ่งกว่าหลายเท่า เพราะนอกจากที่พวกเธอจะต้องโฟกัสกับการทำธุรกิจให้สำเร็จ ต้องทุ่มเทใส่ใจลูกค้า เวลาเดียวกันก็ยังต้องมีเวลาให้กับลูกๆ อีกด้วย
 
  • บางครั้งการรับหลายบทบาทในเวลาเดียวกันก็เกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเอาอยู่ แต่ด้วยพลังแห่งความรักที่มีต่อลูกๆ ก็ทำให้พวกเธอเลือกกัดฟันสู้ อดทน ฟันฝ่าความยากลำบากเพื่อที่จะปูทางชีวิตและสร้างทุกอย่างไว้ให้พร้อมสำหรับลูกๆ นี่แหละคือหญิงแกร่งตัวจริงที่เราทุกคนเรียกว่า..‘แม่’
 

 
 
     การเป็นผู้ประกอบการว่ายากแล้ว แต่การต้องเป็นทั้งผู้ประกอบการควบคู่ตำแหน่งคุณแม่แบบ Full Time นั้นโหดหินยิ่งกว่ากันหลายเท่า เพราะนอกจากที่พวกเธอต้องโฟกัสกับการทำธุรกิจ ต้องดูแลเอาใจใส่ลูกค้า ขณะเดียวกันก็ยังต้องมีเวลาให้ลูกๆ ของพวกเธออีกด้วย บางครั้งเหนื่อยจากงานแค่ไหนก็ยังต้องยิ้มแย้มเล่นกับลูกๆ ต้องคอยกักเก็บความเครียดเอาไว้ภายในใจไม่ให้แสดงออกมาให้ลูกเห็น นี่แหละคือหัวใจของการเป็น “คุณแม่นักธุรกิจสาวแกร่ง”





     Nahathai (ณ หทัย) สกินแคร์แบรนด์ไทยสายเขียวที่ก่อตั้งโดย 3 คุณแม่สุดแกร่งอย่าง ณหทัย แก้วสนิท, ดาวใจ ศรลัมพ์และดวงกมล ศรลัมพ์ จุดเริ่มต้นของแบรนด์คือ พวกเธอต้องการสกินแคร์ที่ปลอดภัย ไร้สารเคมีมาใช้ในการบำรุงผิวจนได้ก่อเกิดเป็นสกินแคร์ที่สกัดจากเปลือกกาแฟปลอดสารพิษ ซึ่งเต็มไปด้วยคุณประโยชน์จากกาแฟ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิวพรรณ นอกจากนี้สกินแคร์จาก Nahathai ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้ในการขายเปลือกกาแฟเพิ่มขึ้นด้วย
               

     ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทในการทำธุรกิจของพวกเธอทั้ง 3 คนจึงกลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ยอดฮิตขวัญใจคนรักผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่เบื้องหลังธุรกิจที่กำลังก่อร่างสร้างตัวอย่างงดงามคือความเหนื่อยไม่น้อยของการควบตำแหน่งคุณแม่แบบเต็มเวลา โดยพวกเธอจะมาแชร์เคล็ดลับการบริหารเวลาแบบคุณแม่นักธุรกิจที่ต้องทำทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน
 


 
  • บริหารเวลาให้ดี
     เริ่มต้นที่คุณแม่ดวงกมล นอกจากการรับหน้าที่ในการดูแลลูกค้า ตอบไลน์ของ Nahathai แล้วเธอยังมีอีกหนึ่งธุรกิจนั่นคือร้านขายเครปที่ La Villa Ari โดยเธอเล่าว่าทุกวันเธอจะต้องไปรับส่งลูกด้วยตัวเอง จากนั้นกลับมาทำงานบ้าน ตอบไลน์ ดูแลลูกค้า ช่วงบ่ายโมงจะต้องเตรียมตัวไปรับลูก ช่วงเย็นต้องดูแลลูก หากว่าลูกนอนก็จะมีเวลาทำงานบ้าน ชีวิตของดวงกมลจะเป็น Routine แบบนี้ ซึ่งเธอบอกว่ามันคือความโชคดีอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจออนไลน์เพราะไม่ต้องเข้าออฟฟิศตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่สิ่งสำคัญคือการบริหารเวลาให้ดี หากทำได้ก็จะสามารถมีความสุขทั้งคุณแม่และลูก


      “เราอยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก พ่อแม่ลูก หน้าที่เราคือรับส่งลูก และเราต้องเป็นแอดมินตอบไลน์ด้วย ชีวิตจะติดมือถือมาก บางทีลูกเรียกเราก็จะไม่ค่อยได้ยิน มันอาจจะไม่ดีแต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด โชคดีที่การขายออนไลน์ยังมีเวลาทำให้เราได้อยู่กับลูก ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แม้จะอยู่กับมือถือบ้างแต่ตัวก็ยังอยู่กับลูก ได้ดูแล ใกล้ชิด ยังไม่ต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง เป็นงานที่ค่อนข้างโชคดีในการแบ่งเวลา หากบริหารเวลาดีก็จะมีความสุขกับลูก ลูกก็จะมีความสุขที่อยู่กับเรา”
 


 
  • กดดันตัวเองไม่ช่วยอะไร ต้องปรับที่ใจก่อน

      ทางด้านดาวใจ ผู้ดูแลด้านการวิจัยของแบรนด์ Nahathai ได้แชร์ว่าสิ่งที่คุณแม่ต้องทำให้มุมมองของเธอคือการปรับที่ใจ เพราะบางครั้งการเป็นคุณแม่นั้นอาจไม่ได้เพอร์เฟ็ค บางทีต้องมีเรื่องผิดพลาด การกดดันตัวเองและโทษตัวเองไม่ช่วยอะไร สภาพครอบครัวแต่ละครอบครัวนั้นแตกต่างกัน ความยืดหยุ่นจึงสำคัญมาก


     “จากเดิมที่เรามีเวลาให้ลูก 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงวันที่เรามาดูแลธุรกิจ เวลาส่วนใหญ่จะมาอยู่กับงาน เพราะธุรกิจพึ่งโต หากคุณปรับที่ใจไม่ได้ มันก็จะพัง ลูกก็จะแย่ เราก็แย่ เช่น บางทีเรารู้สึกว่าวันนี้ไม่ได้เล่นกับลูกเลย แย่ละ เราจะรู้สึกผิด ถ้าพูดถึงเทคนิกคือการเริ่มปรับที่ใจ ทุกครอบครัวไม่เหมือนกัน ความพร้อมในการมีคนมาซัพพอร์ตไม่เหมือนกัน เรา 3 คนไม่มีใครมาซัพพอร์ตเลย ต้องยอมรับก่อนว่าบางทีเราไม่ได้พาลูกไปเที่ยวเหมือนคนอื่น บางทีเราเผลอดุลูกตอนงานเร่งว่ารอก่อนได้มั้ย ไม่ใช่ความผิด เราจะบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เริ่มใหม่ในวันพรุ่งนี้ เด็กเขาต้องเรียนรู้ไปกับเรา บางทีเราไปอ่านเพจนั้นเพจนี้ มันเครียด ต้องมองสภาพครอบครัวว่าไม่เหมือนกัน เราทำไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของเรา แต่เราต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าวันนี้เรารู้ตัวแล้วว่าทำได้ไม่ดี พรุ่งนี้เริ่มใหม่ พอคิดแบบนี้ ทุกวัน เราจะใจเย็นลง”
 


 
  • เพราะชีวิตคือความยืดหยุ่น

     ปิดท้ายที่ ณหทัย ผู้ที่ดูแลการทำคอนเทนต์ในช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ สำหรับณหทัย เธอคือคุณแม่ลูก 2 ที่ต้องดูแลทั้งการทำคอนเทนต์บนณหัยและยังต้องดูแลร้านกาแฟที่จังหวัดลำพูนไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่เธออยากแนะนำให้แก่คุณแม่คือความยืดหยุ่น เพราะการทำธุรกิจร้านกาแฟนั้นกะเวลาค่อนข้างยาก


     “เราต้องทำทั้งร้านกาแฟและ Nahathai แต่ตอนเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ต้องไปส่งลูก จากนั้นกลับมาทำร้านกาแฟต่อ พอตอนเย็นจะขอให้คุณยายเป็นคนไปรับ เราต้องมีความยืดหยุ่นตลอดเวลา เพราะเราจะกะไม่ได้เลยว่าร้านกาแฟจะเสร็จประมาณกี่โมง ขึ้นอยู่กับการบริหารเวลาด้วย พอลูกกลับมาบ้านตอนเย็น เราอาจจะไม่ได้มีเวลาให้ลูกมากแต่เวลาที่เราให้ลูกทุกครั้งคือเวลาคุณภาพ เราจะให้เต็มที่เลย ณ ตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้บริหารเวลาดีเท่าไหร่ แต่ก็ต้องปรับหลายอย่าง เพราะร่างกายเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน ต้องทำหลายอย่างมาก สิ่งที่อยากบอกพ่อแม่หลายคนที่เครีดยเรื่องเวลาคือการให้เวลาคุณภาพกับลูกเยอะๆ”

            
     บางครั้งการรับหลายบทบาทในเวลาเดียวกันก็เกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว แต่ด้วยพลังรักที่มีให้ลูกจึงทำให้พวกเธอต้องสู้ อดทน ฝ่าฟันกับความยากลำบากในวันนี้เพื่อที่ในอนาคตจะได้มีทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมสำหรับลูกๆ ของพวกเธอ นี่แหละคือหญิงแกร่งตัวจริงที่เราทุกคนเรียกว่า ‘แม่’
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​