Photo : Pae Yodsurang

Main Idea
- หนึ่งในปัญหาที่มักเป็นอุปสรรคต่อการเลือกซื้อผ้าและอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยเวลาไปเดินย่านสำเพ็งและพาหุรัด ก็คือ อากาศที่ร้อนอบอ้าว ต้องเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมาก ไปจนถึงกองผ้ามหึมาที่วางสุ่มทับซ้อนกันจนแทบจะหยิบจับมาดูไม่ได้
- เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว “J Fabric” ร้านขายผ้านำเข้าจากต่างประเทศ จึงได้แรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านใหม่ ติดแอร์ จัดตกแต่งร้านให้ดูสวยงามน่าเข้า จัดเรียงผ้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น เปลี่ยนนิยามจากร้านขายผ้าสำเพ็งแบบเดิมๆ ให้เป็นร้านผ้าสุดชิคเหมือนเดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ยังไงยังนั้น

ใครๆ ก็รู้ว่าหากอยากหาซื้อผ้า ซื้ออุปกรณ์เย็บปักถักร้อยต้องมาที่สำเพ็งและพาหุรัด แหล่งค้าผ้าขนาดใหญ่ของเมืองไทย แต่ใครที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนคงรู้ดีว่ากว่าจะได้ผ้าถูกใจมาสักชิ้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตั้งแต่ต้องทนกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว เบียดเสียดกับผู้คนมากมาย ไปจนถึงการต้องค้นหาผ้าที่วางซ้อนกันเป็นกองพะเนิน จะดีกว่าไหมหากมีร้านผ้าที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง และแก้ปัญหาที่ชวนให้น่าเบื่อหน่ายเหล่านี้ได้

บนถนนจักรวรรดิ เยื้องกับสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ มองเห็นตึกแถวสองห้องโบราณสีขาวตกแต่งด้วยประตูบานพับสีน้ำเงินเจาะเป็นช่องกระจกใส เพื่อให้แสงลอดผ่านเข้าไปในตัวร้านได้ ดูจากภายนอกคล้ายกับร้านกาแฟมากกว่าที่จะเป็นร้านขายผ้าไปได้
นี่คือ ที่ตั้งของ J Fabric ร้านขายผ้านำเข้าจากต่างประเทศที่ต่อยอดธุรกิจมาจากร้านขายส่งผ้า วันหนึ่งเมื่อปัจจัยทางธุรกิจเปลี่ยน จึงต้องเสาะแสวงหาช่องทางใหม่ๆ ให้กับตัวเอง

“เดิมครอบครัวเราทำธุรกิจขายส่งผ้าให้กับเสื้อผ้าแบรนด์ไทยต่างๆ มาก่อน จนวันหนึ่งเมื่อผู้คนหันไปซื้อของผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ลูกค้าที่เป็นร้านขายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ยอดขายลดลง ยอดการสั่งซื้อผ้าของเราจึงลดลงตามไปด้วย ทำให้ต้องแสวงหาช่องทางใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ จนได้มีโอกาสไปรู้จักกับตลาดผ้าต่างประเทศ เห็นว่ามีความน่าสนใจ จึงนำเข้ามาขายในเมืองไทย” พรฤดี เจนเจษฎา และ ธนกร เจนเจษฎา สองพี่น้องเจ้าของร้านเล่าที่มาให้เราฟัง

โดยหลังจากต้องเปลี่ยนช่องทางการทำธุรกิจใหม่ ทั้งคู่พยายามมองหาจุดเด่นให้กับตัวเอง ซึ่งการตกแต่งรูปแบบร้านใหม่ก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ว่านั้น
“ตอนแรกเราเปิดเป็นโชว์รูมอยู่บนชั้น 2 ที่ร้านเก่า ด้านล่างเป็นโกดังเก็บผ้า พอลูกค้าอยากเข้ามาขอดูผ้าจริงที่ร้าน เนื่องจากผ้าของเราราคาค่อนข้างสูง ก็ไม่ค่อยสะดวก เพราะเราเริ่มจากขายผ่านออนไลน์ก่อน ภายหลังจึงย้ายร้านออกมาอยู่ข้างนอกติดถนน ลูกค้าจึงสามารถไปมาได้สะดวกขึ้น และเป็นที่มาให้เราอยากทำร้านขายผ้ารูปแบบใหม่ที่สามารถเข้ามาเดินเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นในบรรยากาศสบายๆ เพราะคนสมัยนี้ไม่ได้ต้องการเข้ามาซื้อของอย่างเดียว เขาต้องการได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไปด้วย”

จากไอเดียร้านขายผ้ารูปแบบใหม่ ทั้งคู่เล่าให้ฟังว่า ผ้าที่ขายอยู่ใน J Fabric ส่วนใหญ่เป็นผ้าพิมพ์ลาย ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา และฝรั่งเศส ความพิเศษอีกอย่างของผ้าต่างประเทศที่จำหน่ายอยู่ที่นี่คือ มีการบอกแหล่งที่มาไว้อย่างชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าจะได้ของแท้และของดีที่สุดกลับไปเท่านั้น

“เราเลือกที่ผ้าพิมพ์ลายก่อน เพราะเป็นอะไรที่เข้าถึงได้ง่าย แค่เห็นลูกค้าก็สามารถตัดสินใจซื้อได้ทันที เนื่องจากเราเริ่มขายผ่านออนไลน์ก่อน และมองว่าเป็นผ้าที่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม มีความหลากหลาย สามารถใช้ได้ตั้งแต่กลุ่มแม่และเด็ก กลุ่มทำงานฝีมือ ไปจนถึงตัดเย็บใส่เองหรือผลิตขาย โดยผ้าทุกชิ้นของเราจะมีการบอกถึงแหล่งที่มาชัดเจน ตั้งแต่โรงงานผลิต แบรนด์ผู้ผลิต ไปจนถึงศิลปินที่ออกแบบลายผ้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ถึงจะมาจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพ ก่อนนำเข้ามาขายเรามีการคัดเลือกให้ถูกกับรสนิยมและการใช้งานที่เหมาะกับลูกค้าคนไทยด้วย” ธนกรกล่าว
ไม่เพียงเป็นร้านขายผ้ารูปแบบใหม่ที่สามารถเดินเลือกซื้อผ้าได้อย่างสบายใจ J Fabric ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนคอมมูนิตี้เล็กๆ มีพื้นที่ให้คนรักผ้าได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดกัน รวมถึงจัดเวิร์กช็อปต่างๆ สำหรับคนรักผ้าด้วย่

“เราตั้งใจอยากให้ที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนรักผ้า ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้ ทำกิจกรรมรวมกัน เรามองว่าผ้าไม่ใช่แค่เครื่องนุ่งห่ม แต่สามารถสร้างความสุขและเป็นอะไรได้อีกมากมายในชีวิตประจำวัน อย่างล่าสุดมีลูกค้าคนหนึ่งนำผ้ามาทำเคลือบบีแวกซ์หรือไขผึ้ง เพื่อไว้สำหรับห่อ (Wrap) อาหาร หน้าที่ของเราคือ การบอกต่อเรื่องราวตรงนี้ นี่คือ ความยากที่แตกต่างจากการขายผ้าแบบเดิม มันอาจไม่ได้ส่งผลกลับมาในตอนนี้ทันที แต่จะค่อยๆ ต่อยอดไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมดแน่นอน” สองพี่น้องแห่งร้าน J Fabric สรุปจบท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี