FOODOTEL สูตรผสมธุรกิจที่ลงตัว เมื่อ ‘โรงแรม’ กับ ‘ข้าวแกง’ เดินทางมาพบกัน

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

 



Main Idea


 
  • “ข้าวแกง” หนึ่งในอาหารที่คุ้นเคยกันดีของคนไทย เคยมีใครคิดบ้างไหมว่าวันดีคืนดีอาหารหลักประจำชาติที่บริโภคกันเป็นประจำอยู่ทุกวันนี้ จะกลายมาเป็นคอนเซปต์เพื่อสร้างโรงแรมแห่งหนึ่งขึ้นมาได้
 
  • “FOODOTEL” คือ โรงแรมคอนเซปต์ข้าวแกงแห่งแรกของไทย ที่นำธุรกิจโรงแรม (Hotel) และร้านข้าวแกง (Food) มาบวกผสมรวมกัน เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
 
 


     กรุงเทพมหานคร หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก โดยนอกจากศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของโบราณสถานหลายแห่งแล้ว กรุงเทพฯ ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองแห่งสตรีทฟู้ดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินมากมาย ซึ่งจากจุดนี้เองที่ทำให้ ณัฐพล พงศ์พลาญชัย หนุ่มสถาปนิกได้คิดนำมาสร้างเป็นแนวทางในการทำธุรกิจโรงแรมของครอบครัว จนกลายเป็นโรงแรมคอนเซปต์ข้าวแกงแห่งแรกของไทยขึ้นมา ภายใต้ชื่อว่า “FOODOTEL” (ฟูโดเทล) การรวมกันที่ลงตัวของธุรกิจโรงแรมและร้านข้าวแกงนั่นเอง
               




     “ธุรกิจนี้เริ่มต้นขึ้นจากการที่ครอบครัวมีตึกแถวและไม่ได้ใช้งาน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของเรา เลยลองมาคิดกันว่าหากจะปรับปรุงรีโนเวทขึ้นมาให้เกิดประโยชน์ เราจะทำเป็นอะไรขึ้นมาดี สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าทุกคนอยากทำธุรกิจโรงแรม ตอนแรกคอนเซปต์ไม่ได้มาลงตัวที่ข้าวแกงเลยซะทีเดียว เราพยายามมองบริบทของกรุงเทพฯ ก่อนว่ามีจุดเด่นอะไรบ้าง ซึ่งเราค้นพบว่าอาหารหรือสตรีทฟู้ดก็เป็นหนึ่งในเรื่องเด่นของกรุงเทพฯ


     “กระทั่งเมื่อมีไอคอนสยามเข้ามาทำให้ความเป็นอยู่ของชุมชนเราเปลี่ยนแปลงไป จากย่านพักอาศัยก็กลายเป็นพื้นที่ธุรกิจมีพนักงานออฟฟิศเข้ามาทำงานมากมาย ก็เลยมองกันว่าถ้าทำเป็นธุรกิจโรงแรม+อาหารด้วยก็น่าจะดี จากนั้นจึงมาคิดต่อว่าจะเลือกอาหารแบบใดดีที่เอื้อทั้งต่อตัวโรงแรมเอง และตอบโจทย์คนทำงานแถวนี้ให้สามารถเข้ามารับประทานได้สะดวก ซึ่งเราพบว่าข้าวแกง คือ คำตอบ เพราะเป็นอาหารที่กินได้ง่ายและใช้เวลาไม่มาก ขณะเดียวกันเราก็ได้สื่อสารให้แขกต่างชาติได้รู้จักกับอาหารไทยมากยิ่งขึ้นด้วย” ณัฐพลเล่าถึงที่มาให้ฟัง
 



 
  • โรงแรมรสชาติข้าวแกง

     โดยชื่อของ FOODOTEL เกิดจากการผสมรวมกันของคำว่า Food + Hotel รวมกัน ซึ่งนอกจากจะแปลกแตกต่างไม่เหมือนใครแล้ว ยังทำให้  FOODOTEL กลายเป็นโรงแรมคอนเซปต์ข้าวแกงแห่งแรกของเมืองไทยขึ้นมาด้วย ซึ่งการนำข้าวแกงมาใช้เป็นไอเดียสร้างจุดเด่นให้กับโรงแรม หากไม่นับรวมชื่อสุดครีเอทแล้ว สิ่งที่แขกผู้เข้าพักจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การเสิร์ฟข้าวแกงเป็น Breakfast ให้กับลูกค้า การประดับตกแต่งและดัดแปลงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จากอุปกรณ์ในครัว ไปจนถึงสบู่ แชมพู ก็ยังนำคอนเซปต์ข้าวแกงมาใช้ด้วย





     “หลักสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจที่เราต้องการมอบให้แขกผู้เข้าพัก คือการบริการที่เป็นกันเอง มีความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันเราอยากสร้างประสบการณ์เข้าพักที่แตกต่างให้กับเขาด้วย เพราะแขกที่เข้าพักกับเรากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเรามองว่าข้าวแกงเป็นเหมือนหัวใจของธุรกิจ และโรงแรมเป็นเหมือนแขนขาที่คอยทำหน้าที่ซัพพอตสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น


     โดยนอกจากจะเสิร์ฟข้าวแกงเป็นอาหารเช้าแล้วให้เขาแล้ว การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่งต่างๆ เราก็พยายามทำให้เข้ากับคอนเซปต์ด้วย คือ Stay Local – Eat Local โดยนำมาจากวัสดุอุปกรณ์ที่เห็นอยู่ในครัวไทย อาทิ ครกหินจากอ่างศิลาเราก็ดัดแปลงนำมาทำเป็นอ่างล้างหน้า สากหินก็ทำเป็นที่แขวนผ้า ตะหลิวไม้เอาไปยิงเลเซอร์ใช้เป็นป้ายหน้าห้อง ครกไม้ก็นำไปผ่าครึ่งติดผนังทำเป็นที่ใส่รีโมต ไปจนถึงครีมอาบน้ำเราก็ทำเป็นกลิ่นต้มยำด้วย ซึ่งจากเสียงตอบรับส่วนใหญ่ เขาค่อนข้างสนุกกับสิ่งต่างๆ ที่เราซ่อนเป็นกิมมิกเอาไว้ มันคือ การสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้เขารู้จักเมืองไทยมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านคำพูด แต่ผ่านสิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้แทน ในส่วนของโครงสร้างของตึกแถวเราไม่เปลี่ยนอะไรมาก แค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เพราะเราต้องการให้เขาสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยแบบจริงๆ ด้วย”
 



 
  • ข้าวแกงบรรยากาศโรงแรม

     จากในส่วนของโรงแรมแล้ว มาดูในส่วนของร้านข้าวแกงธุรกิจที่สองกันบ้าง โดยณัฐพลเล่าให้ฟังว่า แม้วัตถุประสงค์ของร้านข้าวแกงจะทำมาเพื่อซัพพอตลูกค้าของโรงแรมเป็นหลัก แต่ลูกค้าตัวจริงที่เข้ามาใช้บริการปริมาณมาก คือ ลูกค้าจากภายนอกด้วย ทั้งกลุ่มครอบครัวที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานและไปเรียน และพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ในละแวกใกล้เคียงนี้





     โดยเอกลักษณ์ความโดดเด่นของข้าวแกง FOODOTEL นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกเริ่มตั้งแต่สถานที่ตั้งเอง ซึ่งตั้งอยู่ในด้านหน้าของโรงแรมที่มีการออกแบบตกแต่งไว้อย่างสวยงามผิดกับบรรยากาศร้านข้าวแกงทั่วไปที่เราเคยเห็นมา อย่างที่สอง คือ คุณภาพของอาหาร ซึ่งมีการนำระบบและมาตรฐานระดับโรงแรมมาใช้ เพราะลงมือปรุงโดยเซฟที่จบหลักสูตรจากโรงแรมระดับ 5 ดาว


     และอย่างที่สาม ก็คือ ราคาที่ย่อมเยา แม้จะใช้วัตถุดิบคุณภาพดี บรรยากาศที่นั่งก็สบาย ถ่ายรูปสวย แต่ราคาที่จำหน่าย คือ 40 – 60 บาทเท่านั้น โดยหากเป็นข้าว+กับข้าว 1 จะอยู่ที่ราคา 40 บาท หากเพิ่มกับข้าวก็จะบวกเข้าไปอีกเมนูละ 10 บาท เรียกว่าราคาริมทาง แต่บรรยากาศระดับโรงแรมทีเดียว เมนูขายดี คือ ไข่พะโล้ ต้มข่าไก่ ไก่ต้มขมิ้น บัวลอยเผือก





     “จากฟีดแบ็กกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับ คือ แขกค่อนข้างสนุก และรู้สึกตื่นเต้นว่าในแต่ละวันเขาจะได้กินอะไร โดยถึงจะเป็นร้านข้าวแกง แต่เราก็นำระบบและมาตรฐานของโรงแรมเข้ามาใช้ ซึ่งพี่สาวที่เรียนด้านอาหารมาจากโรงแรมโอเรียนเต็ลจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ โดยในส่วนของรสชาติข้าวแกงนั้นของเราจะออกไปทางกลมกล่อม ไม่ได้เผ็ดโดด ต่างชาติกินได้ คนไทยก็กินอร่อย สำหรับลูกค้าบางคนที่ยังไม่กล้าลอง เราก็มี Breakfast แบบปกติไว้สำรองให้ ในอนาคตหลังผ่านช่วงวิกฤตไวรัสนี้ไปแล้ว เราอาจจะเพิ่มเติมเมนูที่คนไทยชื่นชอบเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากของร้านข้าวแกงเรา คือ คนไทย”
               




     และนี่คือ เรื่องราวของโรงแรมคอนเซปต์ร้านข้าวแกงแห่งแรกของไทย สูตรผสมที่ลงตัวของธุรกิจจากการนำ 2 สิ่งมาผสานรวมกัน จนเกิดเป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน สร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจขึ้นมาได้
 
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ละเลียดวิธีคิด สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator ไทย ผู้ยืนหนึ่งเวทีโลก

ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้

Top Table บาร์ปิงปอง มิติใหม่การแฮงค์เอาท์ เมื่อโค้ชกีฬาผันตัวมาทำธุรกิจ ฮอต! จนคืนทุนได้ใน 2 เดือน

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว

BaanRung จากโรงเก็บของสู่คาเฟ่ตัวท็อป สูตรลับธุรกิจที่เริ่มได้แม้ไม่มีทุนมหาศาล

หลายธุรกิจไม่ได้เริ่มต้นจากทุนมหาศาลหรือทำเลทอง แต่เริ่มจาก พื้นที่เล็กๆ หน้าบ้าน ดังเช่น “บ้านรุ่ง” ที่เปลี่ยนพื้นที่เล็กๆหน้าบ้านที่ถูกมองข้ามให้กลายเป็นคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายของความโฮมมี่