“ทิฟฟี่” แบรนด์ยาสามัญประจำบ้าน ที่เป็นธุรกิจพันล้าน เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

TEXT : กองบรรณาธิการ





     ขึ้นชื่อว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยมักไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล มักเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นที่ใครก็สามารถเป็นได้อยู่บ่อยๆ และหนึ่งในยี่ห้อยาที่ทำให้นึกถึงและซื้อหามารับประทานได้ง่ายเพื่อใช้บรรเทาอาการดังกล่าวขึ้น ก็คือ “ทิฟฟี่” ยาแผงสีเขียวที่อยู่คู่เมืองไทยมานานกว่า 41 ปีนั่นเอง
               

     เห็นชื่อคล้ายฝรั่ง! แต่จริงๆ แล้ว ทิฟฟี่ คือ ยาบรรเทาอาการแก้ไข้ แก้ปวด และเป็นหวัดที่ผลิตขึ้นมาโดยคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์นะ ซึ่งผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมา ก็คือ “วินัย วีระภุชงค์” เจ้าของบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด โดยที่มาของชื่อ ทิฟฟี่ นั้นมาจากเสียงของคนเวลาเป็นหวัด ซึ่งมักจะส่งเสียงอู้อี้พูดไม่ชัด เวลาสั่งน้ำมูกก็จะมีเสียงลมดังฟู่ฟี่ๆ ออกมา จึงนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ดังกล่าว



               

     ไทยนครพัฒนาไม่ได้ผลิตแค่ทิฟฟี่ออกมาเพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น แต่ยังถือเป็นผู้ผลิตยาสัญชาติไทยรายใหญ่อันดับๆ ของประเทศด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเน้นไปที่กลุ่มยาสามัญประจำบ้าน ตัวอย่างยาแบรนด์อื่น ได้แก่ ซาร่า – ลดไข้ บรรเทาปวด, แอนตาซิล - ลดกรด เคลือบแผลในกระเพาะ, นีโอติก้าบาล์ม – ทาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ, เบนด้า 500 – ถ่ายพยาธิ


     แรงบันดาลใจที่ทำให้วินัยสนใจมาทำธุรกิจเกี่ยวกับยาสามัญประจำบ้าน น่าจะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1. พ่อของเขาที่ต้องเสียชีวิตลงด้วยไข้มาเลเรียตั้งแต่เขายังเล็กๆ อายุได้แค่ 8 ขวบ ทำให้ต้องออกมาช่วยแม่ค้าขายดูแลกิจการขายปุ๋ยและสินค้าเกษตรของครอบครัว 2. เมื่อโตขึ้นได้ทำงานเป็นเซลล์ขายยาให้บริษัทอังกฤษตรางู ทำให้เขาได้พบเห็นการเจ็บป่วยของผู้คนและความยากลำบากในการเข้าถึงยาในแต่ละพื้นที่ จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากสร้างโรงงานผลิตยาของตัวเองขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ ในช่วงแรกนั้นเขาได้ร่วมทุนทำกับญาติ ต่อมาภายหลังจึงได้แยกตัวออกมาและก่อตั้งธุรกิจของตัวเองขึ้นมาในชื่อ “ไทยนครพัฒนา” ในปี 2522 ซึ่งแบรนด์ที่ติดตลาดเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวไทยดี ก็คือ ทิฟฟี่ นั่นเอง





     ในส่วนผสมของทิฟฟี่ 1 เม็ดนั้น ไม่ได้เป็นเพียงยาแก้ไข้ หรือลดปวดจากตัวยาพาราเซตามอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทิฟฟี่ถือเป็นยาพาราเซตามอลแบบผสม ที่มีการผสมตัวยาแก้แพ้อย่างคลอร์เฟนิรามีน และลดอาการคัดแน่นจมูกอย่างฟีนิลเอฟฟริน ไฮโดรคอลไรด์ เข้าไปด้วยใน 1 เม็ดจึงสามารถบรรเทาลดไข้และเป็นหวัดคัดจมูกไปพร้อมกันได้ เหมือนเช่นเดียวกับดีคอลเจนแบรนด์ยานำเข้าจากต่างประเทศ  ซึ่งต่อมาภายหลังมีการแข่งขันกันเฉพาะตัวยาพาราเซตามอลในท้องตลาด เช่น ไทลินอล ทิฟฟี่ จึงสร้างแบรนด์ซาร่าแยกออกมาเฉพาะเพื่อลงแข่งขันด้วย
               

     จากที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงในตลาด ทิฟฟี่เองจึงมีการใช้กลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น เป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้นด้วยตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่เริ่มต้นทำแบรนด์แล้ว ตัวอย่างง่ายๆ ที่เราจะเห็นได้ชัด คือ การสร้างสโลแกนประจำแบรนด์อย่าง “เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” ที่หากพูดไปใครก็ต้องนึกถึงทิฟฟี่ หรือการเลือกใช้โทนสี เพื่อสร้างภาพจำ ทิฟฟี่สีเขียว ดีคอลเจนสีแดง และสุดท้าย คือ การนำดาราบุคคลมีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์อยู่เรื่อยๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทันสมัย อย่างใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่ เป็นต้น





     นอกจากนี้ในการเติบโตของทิฟฟี่และแบรนด์ยาในเครือไทยนครพัฒนาเอง ยังเน้นเจาะกลุ่มตลาดไปที่ CLMV ประเทศเพื่อนบ้านของเราเป็นหลักด้วย ซึ่งทำจริงจังไม่ต่างจากในเมืองไทย ตั้งแต่การตั้งโรงงานผลิต การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค กฎหมาย ฯลฯ เรียกว่ากินส่วนแบ่งยาลดไข้แก้หวัดทั้งในประเทศ และ CLMV เป็นเบอร์ต้นๆ ทีเดียว


     ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่เอง จึงอาจเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดการขายยาสามัญประจำบ้านอย่างทิฟฟี่ จึงสามารถสร้างรายได้มากกว่าหลักหลายพันล้านบาทขึ้นมาได้ โดยมีข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า ในปี 2559  นั้นบริษัทไทยนครพัฒนามีรายได้รวมอยู่ที่ 2,254 บาท กำไร 285 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2560 มีรายได้อยู่ที่ 2,636 ล้านบาท กำไร 414 ล้านบาท
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ละเลียดวิธีคิด สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator ไทย ผู้ยืนหนึ่งเวทีโลก

ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้

เมื่อคำว่า “Luxury” สิ้นมนต์ขลัง สูตรลับใหม่แบรนด์ระดับโลก ทำให้สินค้าดูแพงโดยไม่ต้องพูดว่าหรู

ทำไมแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่ Hermès,Porsche และ LVMH ถึงเลิกพูดคำว่า Luxury และเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง “ความพิเศษ” ..นี่คือสูตรลับที่แบรนด์ระดับโลกกำลังใช้  กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าดูแพงขึ้น แม้ไม่ต้องพูดคำว่า Luxury

Top Table บาร์ปิงปอง มิติใหม่การแฮงค์เอาท์ เมื่อโค้ชกีฬาผันตัวมาทำธุรกิจ ฮอต! จนคืนทุนได้ใน 2 เดือน

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว