TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
ในการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งคือการปรับตัวให้เข้ากับยุคและสถานการณ์ รวมถึงการพัฒนาช่องทางในการนำเสนอสินค้าและบริการ พูดง่ายๆ ก็คือการทำอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด ยกตัวอย่างธุรกิจแอลกอฮอล์ที่โดยมากมักรอให้ลูกค้ามาเลือกซื้อที่ร้านเนื่องจากหลายประเทศบังคับใช้กฏหมายลูกค้าต้องแสดงบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าอายุเข้าเกณฑ์ในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
เซลลาร์เบรชั่น (Cellarbration) บริษัทค้าปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งมีร้านสาขา 7 แห่งทั่วสิงคโปร์เป็นตัวอย่างอันดีในการสรรหาวิธีในการเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด เซลลาร์เบรชั่นเป็นร้านค้าปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีสินค้าให้เลือกมากที่สุดในสิงคโปร์และในเอเชียตะวันออกเฉลียงใต้ สินค้าไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์ และวิสกี้มีให้เลือกหลากหลายที่สุดเรียกว่าเป็นร้านจำหน่ายแอลกอฮอล์แบบครบวงจรก็ว่าได้
ก่อนหน้านั้น เซลลาร์เบรชั่นเป็นร้านแรกในสิงคโปร์ที่พัฒนาช่องทางจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบออนไลน์และจัดส่งถึงที่ ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่ร้าน แค่กดสั่งหน้าจอ สินค้าที่ต้องการจะนำส่งถึงประตูบ้าน ล่าสุด เซลลาร์เบรชั่นได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ นั่นคือผ่านตู้จำหน่ายอัตโนมัติหรือ vending machine ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในสิงคโปร์เช่นกัน
เบื้องต้นได้มีการติดตั้งตู้จำหน่ายแอลกอฮอล์ไปแล้ว 3 จุด โดย 2 ตู้จำหน่ายเบียร์ที่มีทั้งแบบขวดและแบบกระป๋อง ส่วนอีกตู้จำหน่ายแชมเปญ วิสกี้ และเหล้าชนิดต่างๆ ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่นำมาบรรจุในตู้ได้คัดสรรมาแล้วว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม ส่วนราคาจำหน่ายจะเท่ากับราคาที่ร้านหรือราคาที่ขายทางออนไลน์
วิธีการซื้อสินค้าผ่านตู้อัตโนมัติของเซลลาร์เบรชันก็ไม่ต่างจากตู้จำหน่ายสินค้าทั่วไปแต่เพียงแต่ลูกค้าต้องสแกน QR Code จากแอปพลิเคชัน Singpass บนสมาร์ทโฟนเพื่อยืนยันว่ามีอายุว่าเกิน 18 ปีจึงสามารถกดซื้อสินค้าได้ จากนั้นทำการเลือกสินค้า และชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ผ่านแอปพลิเคชัน หรือบัตรเงินสดของทางร้าน เมื่อเสร็จสิ้นการชำระเงิน ลูกค้ารับสินค้าจากตู้ได้ทันที โดยตู้จำหน่ายของเซลลาร์เบรชั่นจะติดตั้งแขนกลที่สามารถจ่ายสินค้าที่มีน้ำหนักในรูปขวดแก้ว ขวดรูปร่างแปลก และขวดแก้วเปราะบางโดยไม่สร้างความแตกหักเสียหาย
แนวคิดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกฮอล์ผ่านตู้อัตโนมัติเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงาน GovTech ของรัฐบาลสิงคโปร์ทำการพัฒนาระบบ SingPass ครั้งล่าสุดและนำเสนอวิธีการใช้งานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Singpass ซึ่งย่อมาจาก ”Singapore Personal Access” เปรียบเสมือนบัตรประชาชนดิจิทัลแต่อยู่ในรูปแอปพลิเคชันที่รัฐบาลสิงคโปร์พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่างๆ
ปัจจุบัน SingPass ถูกนำมาใช้กับธุรกิจและบริการทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 1,400 แห่ง และมีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคน ปีที่ผ่านมา ชาวสิงคโปร์ใช้ SingPass ในการทำธุรกรรมรวม 170 ล้านครั้งและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า SingPass มีบทบาทสำคัญในสกัดการแพร่ระบาดช่วงที่เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 เนื่องจากประชาชนได้เช็คอินตามสถานที่ต่างๆ ผ่าน SingPass ทำให้สามารถติดตามการไหวของผู้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
แรงบันดาลใจจากการใช้ SingPass ที่เพิ่มขึ้น และเนื่องจากสินค้าของบริษัทต้องใช้ระบบการยืนยันตัวตนซึ่ง SingPass สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เซลลาร์เบรชั่นจึงตัดสินใจขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าโดยจับมือกับ Auresys บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กับ Nets ฟินเทคผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์จากยุโรป
ตู้จำหน่ายสินค้าของเซลลาร์เบรชั่นจะถูกติดตั้งตามจุดต่างๆ อาทิ โรงแรม สถานตากอากาศ และตามชุมชนที่พักอาศัยทั่วสิงคโปร์ โฆษกเซลลาร์เบรชั่นกล่าวว่าความสะดวกที่ลูกค้าจะได้ในการซื้อสินค้าผ่านตู้อัตโนมัติคือความสะดวกรวดเร็วและไม่ต้องต่อคิวยาวในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือในร้าน ซึ่งลูกค้าบางคนที่ได้ลองใช้บริการก็ยอมรับว่าสะดวกจริง
ด้านเรย์มอนด์ ยัป กรรมการผู้จัดการบริษัท Auresys ซึ่งเป็นผู้พัฒนาตู้จำหน่ายอัตโนมัติกล่าวว่าเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้พัฒนาไปข้างหน้า กระตุ้นการเติบโตของตลาดและรายได้ขององค์กร นับเป็นก้าวย่างสำคัญของเซลลาร์เบรชันที่ได้นำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้ในการเพิ่มกลุ่มลูกค้า หลังการนำร่องของเซลลาร์เบรชัน มีรายงานราวปลายปีนี้ บริษัท Ascan สตาร์ทอัพฟินเทคอีกแห่งของสิงคโปร์ก็มีแผนจะแนะนำตู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัตโนมัติที่ลูกค้าต้องสแกน SingPass ยืนยันตัวตนเช่นกัน
ที่มา : www.straitstimes.com, vulcanpost.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR
ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้
ทำไมแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่ Hermès,Porsche และ LVMH ถึงเลิกพูดคำว่า Luxury และเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง “ความพิเศษ” ..นี่คือสูตรลับที่แบรนด์ระดับโลกกำลังใช้ กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าดูแพงขึ้น แม้ไม่ต้องพูดคำว่า Luxury
จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว