รวมเทรนด์ต้องรู้ ก่อนบุกตลาดเครื่องสำอางโกยเงินหยวนในจีน

             

     ถึงแม้ว่าหน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าขายดีและของต้องมีของคนยุคนี้ ทำให้หลายคนคิดว่ากระทบกับสินค้าเครื่องสำอาง แต่หาได้กระทบกับตลาดเครื่องสำอางในประเทศจีน

     จากรายงานของ Deloitte พบว่า ยอดขายของเครื่องสำอางบน Tmall ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 2020 มีมูลค่าอยู่ที่ 45,875 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ที่มียอดขาย 22,695 ล้านบาท

     ในขณะที่ข้อมูลสถิติการนำเข้าจาก Global Trade Atlas พบว่าในปี 2019 จีนนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง (HS code: 3301-3307,3401-3404 ) เป็นมูลค่า 20,503 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21.21% จากปีก่อนหน้า โดยนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมากสุดเป็นอันดับหนึ่งด้วยมูลค่า 4,808,196,110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันดับสองคือ เกาหลีใต้ 3,625,920,418 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่จีนเครื่องสำอางจากไทยเป็นลำดับที่ 13 ด้วยมูลค่า 259.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

     ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงแนวโน้มสำคัญที่จะมีผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางของจีน และโอกาสทางการค้า การส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยเข้าสู่ตลาดจีน

     ทั้งนี้ เว็บไซต์ CBN Data ได้เปิดเผย 11 แนวโน้มสำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางจีน ได้แก่

     1.ความปลอดภัยในเครื่องสำอางเด็ก ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 คณะกรรมการอาหารและยาของจีนได้ออกข้อกำหนดในการจัดการคุณภาพการผลิตเครื่องสำอางเด็กอย่างเข้มงวด หากมีการกระทำผิด จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง และตั้งแต่ 1 พ.ค.2565 เครื่องสำอางเด็กที่ขอขึ้นทะเบียน จะได้รับโลโก้พิเศษ Xiaojindun เพื่อการันตีคุณภาพและความปลอดภัย

     2.วัตถุดิบที่นำมาผลิตเครื่องสำอางทุกชนิดต้องขึ้นทะเบียน เพื่อให้สามารถติดตามที่มาของวัตถุดิบและติดตามตัวผู้ผลิต

     3. การแข่งขันด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่หลายแบรนด์หันมาลงทุนมากขึ้น

     4. สินค้าเครื่องสำอางประเภทชะลอวัย (Anti-aging) มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และมีการขึ้นทะเบียนมากที่สุดในปี 2563 เกือบ 5,000 รายการ

     5. น้ำหอม เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก มีแนวโน้มเติบโต คาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 5.4 แสนล้านหยวน

     6. การแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในตลาดจีนสูงขึ้น แบรนด์ขนาดกลางและเล็กปิดตัวลงถึง 26 กิจการในปี 2564 และปี 2565 คาดว่าจะปิดตัวน้อยลง และมีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น

     7. การระดมทุนของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     8.การใช้ Virtual Influencer ในการทำกิจกรรมโปรโมตสินค้า

     9. การขายออนไลน์และออฟไลน์เริ่มชะลอตัว

     10. Douyin ยังคงเป็นช่องทางการทำการตลาดหลักของเครื่องสำอาง และในปัจจุบันแพลตฟอร์ม Douyin มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 600 ล้านร้านค้า

     11. แบรนด์หันมาจัดไลฟ์สดเอง แทนการจ้าง KOL

     ศุภรา เสกาจารย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว กล่าวว่า ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในจีนมีแนวโน้มผันผวน เนื่องจากการควบคุมคุณภาพของสินค้าที่เข้มงวดขึ้น แต่ความต้องการสินค้าเครื่องสำอางในจีนยังมีช่องว่างที่สามารถเติบโตได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอางประเภทชะลอวัย เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย สินค้าน้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เป็นต้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่จะศึกษา 11 แนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางนี้ เพื่อพัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจีน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า อีกทั้งยังต้องศึกษาขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้าเครื่องสำอางในจีนอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อลดอุปสรรคในการนำเข้าสินค้าสู่ประเทศจีน

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ละเลียดวิธีคิด สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator ไทย ผู้ยืนหนึ่งเวทีโลก

ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้

Top Table บาร์ปิงปอง มิติใหม่การแฮงค์เอาท์ เมื่อโค้ชกีฬาผันตัวมาทำธุรกิจ ฮอต! จนคืนทุนได้ใน 2 เดือน

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว

BaanRung จากโรงเก็บของสู่คาเฟ่ตัวท็อป สูตรลับธุรกิจที่เริ่มได้แม้ไม่มีทุนมหาศาล

หลายธุรกิจไม่ได้เริ่มต้นจากทุนมหาศาลหรือทำเลทอง แต่เริ่มจาก พื้นที่เล็กๆ หน้าบ้าน ดังเช่น “บ้านรุ่ง” ที่เปลี่ยนพื้นที่เล็กๆหน้าบ้านที่ถูกมองข้ามให้กลายเป็นคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายของความโฮมมี่