ถอดบทเรียน สามเป็นไปไม่ได้ ของ Manner จากร้านข้างทางมีพื้นที่ 2 ตารางเมตร สู่เชนคาเฟ่แสนล้าน

 

     ต้องยอมรับว่าธุรกิจกาแฟเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน ดังจะเห็นว่านอกจากแบรนด์กาแฟข้ามชาติรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาด ยังมีแบรนด์เล็ก แบรนด์ท้องถิ่นผุดขึ้นมากมาย แต่จะมีแบรนด์ใดน่าทึ่งเกินกว่า “Manner” คงไม่มี แมนเนอร์ซึ่งได้รับฉายา “ม้ามืดแห่งวงการกาแฟจีน” กำเนิดเมื่อปี 2015 ในฐานะร้านกาแฟข้างทางเล็ก ๆ มีพื้นที่จำกัดเพียง 2 ตารางเมตร ไม่สามารถตั้งโต๊ะเก้าอี้แบบบริการนั่งดื่มได้ จึงต้องขายแบบ to go เท่านั้น

     เจ้าของแมนเนอร์เป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ฮั่น อู่หลง ผู้เป็นสามีเคยขายเครื่องทำกาแฟมาก่อน และตัดสินใจเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองโดยไม่คาดคิดว่าร้านกาแฟเล็กจิ๋วที่ตั้งอยู่ในซอกตึกบนถนนนันยางของมหานครเซี่ยงไฮ้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดในเวลาไม่กี่ปี กลายเป็นเชนร้านกาแฟที่มีสาขากว่า 300 แห่งทั่วจีน และขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่มีมูลค่าในตลาดสูงถึง 4,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบแตะ 1.5 แสนล้านบาท

     ปฏิเสธไม่ได้ว่าอานิสงส์ของเงินทุนจาก V (Venture capital) ที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้แมนเนอร์สามารถต่อยอดธุรกิจและเตรียมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แต่อีกปัจจัยที่สำคัญก็มาจากการดำเนินกลยุทธ์ของทางร้านเอง มาดูกันว่าแมนเนอร์ใช้วิธีการอย่างไรจึงทำให้นักลงทุนเชื่อใจตบเท้าเข้าร่วมสนับสนุนธุรกิจจำนวนมาก โดยช่วงเวลาเพียงครึ่งปีมีเงินทุนเข้ามา 3 รอบรวมมูลค่า 8,000 ล้านหยวน  

สามกลยุทธ์พากาแฟข้างทางสู่ธุรกิจแสนล้าน

     กลยุทธ์แรกคือ กำหนดปรัชญาในการดำเนินธุรกิจว่า “กาแฟควรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน” และต้องทำให้ทุกคนเข้าถึงกาแฟได้ในราคาที่สบายกระเป๋า แน่นอนว่าเชนร้านกาแฟท้องถิ่นแบรนด์อื่น ๆ ก็มีแนวคิด “Starbucks but cheaper” หรือจำหน่ายกาแฟคุณภาพเทียบเท่าสตาร์บัคส์ในราคาที่ถูกกว่าเป็นไม้ตายในการสู้กับแบรนด์ข้ามชาติ หากสำรวจราคาจะพบว่า กาแฟร้านคาเฟ่แบรนด์จีนจะมีราคาถูกกว่ากาแฟแบรนด์นอกเฉลี่ย 30-40 เปอร์เซ็นต์

     แมนเนอร์อาจจะขายกาแฟในราคาพอ ๆ กับแบรนด์จีนอื่น แต่มันมีอะไรนอกเหนือไปจากเรื่องราคาอย่างเดียว สิ่งนั้นคือการวางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็น “Lifestyle brand” หรือแบรนด์ที่เน้นไปที่รูปแบบการดำเนินชีวิตและมุ่งตอบสนองด้านอารมณ์ รวมถึงการแสดงออกตัวตนของผู้บริโภค โดยคอนเซปต์ของแมนเนอร์จะมีความละม้ายคล้าย “% Arabica“ เชนร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดจีนเช่นกันในแง่ของการขายความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความปราณีต ด้วยเหตุนี้ แมนเนอร์จึงเลือกเปิดร้านในทำเลทองย่านธุรกิจและห้างสรรพสินค้าหรูเพื่อดึงดูดคนวัยทำงานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่

     อีกวิธีการหนึ่งที่แมนเนอร์ใช้คือการสร้างกระแสด้วยการร่วมงานหรือ X (collaboration) กับแบรนด์หรือองค์กรอื่น ที่ผ่านมาก็ได้ร่วมงานกับหลายองค์กร อาทิ การ X กับศูนย์ศิลปะร่วมสมัยอัลเลนส์ (UCCA) ซึ่งแมนเนอร์รังสรรค์เครื่องดื่มเมนูพิเศษ “ลาเต้กล้วยหอม” เพื่อช่วยโปรโมทงานนิทรรศการ Becoming Andy Warhol ของ UCCA ซึ่งเป็นการรวมผลงานของแอนดี้ วอร์ฮอลที่ใหญ่สุดในจีน หรือการ X กับ THE BEAST แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ของจีนโดยการแนะนำเครื่องดื่ม “แพนด้าลาเต้” เพื่อโปรโมทน้ำหอมธีมแพนด้าของ  THE BEAST            

     นอกเหนือจากการทำอีเวนต์แนะนำเครื่องดื่มที่จำหน่ายแบบจำกัดเวลา แมนเนอร์ยังทำการตลาดที่อิงกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อเจาะกลุ่มมิลเลนเนี่ยล และกลุ่ม Gen Z ที่ใส่ใจด้านการบริโภคแบบยั่งยืน อาทิ การทำแคมเปญลดขยะจากแก้วที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วยการมอบส่วนลดให้ลูกค้าที่นำแก้วมาใส่เครื่องดื่มเอง เป็นการจับจุดคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองตัวแบรนด์อย่างฉาบฉวยหากยังมองลึกไปถึงบุคคลิกของแบรนด์อีกด้วย

     นักวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดของบริษัทเอสเซนเซียมองว่าแบรนด์อย่างแมนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงไม่ได้เกิดจากกลยุทธ์การตลาดแบบเดิม ๆ เช่น การโปรโมทร้านว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปเช็คอิน หรือการแค่แนะนำเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ๆ แต่เพราะแมนเนอร์ได้รังสรรค์นวัตกรรมทางการตลาด และการแนะนำบริการที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์แบบครบทุกประสาทสัมผัสจากการซื้อสินค้า

     ว่ากันว่าแมนเนอร์ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์กาแฟที่เติบโตเร็วและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน หากยังถูกคาดหวังจะให้เป็นแบรนด์ที่รอโค่นสตาร์บัคส์อีกด้วย มีเสียงประเมินในวงการกาแฟจีนว่าหากแมนเนอร์เปิดร้านตรงข้ามกับสตาร์บัคส์ เป็นไปได้ที่ “ทราฟฟิก” หรือจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้านสตาร์บัคส์จะลดลง 30 เปอร์เซนต์

     ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาเป็นเพียงการตลาดที่ต่อยอดมาจากปัจจัยแท้จริงที่นำไปสู่ความสำเร็จของแมนเนอร์ ปัจจัยที่ว่าคือการสามารถคว่ำทฤษฎี “สามเป็นไปไม่ได้” (Impossible Triangle หรือ Trilemma) ดั้งเดิมเป็นทฤษีทางการเงินระหว่างประเทศหมายถึง 3 สิ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันไม่ได้ แต่ช่วงหลังมีการนำไปปรับใช้กับธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งแต่ละธุรกิจก็จะกำหนด Impossible Triangle ที่แตกต่างกันไป สำหรับธุรกิจร้านกาแฟ “สามเป็นไปไม่ได้” ประกอบด้วย 1. ราคาถูก 2. รสชาติดี และ 3. เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ (สาขาเยอะ) แบรนด์ต่าง ๆ โดยมากมักขาดข้อใดข้อหนึ่ง แต่แมนเนอร์มีครบทั้ง 3 ข้อ มาดูกันว่าแมนเนอร์ทำได้อย่างไร    

     กาแฟนั้นถือเป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างอิสระ และระดับของความละเมียดละไมหรือความปราณีตนั้นขึ้นอยู่กับการทำงานของบาริสต้า และเมล็ดกาแฟก็มีส่วนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการคั่ว อุณหภูมิที่ใช้ เวลา ค่าความชื้น ความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ และอื่น ๆ ล้วนมีผลต่อรสชาติของกาแฟแต่ละถ้วย เพื่อให้กาแฟออกมาได้มาตรฐานเดียวกัน ช่วงแรก ๆ ฮั่น อู่หลง ผู้ก่อตั้งแมนเนอร์ลงทุนคั่วเมล็ดกาแฟเอง กระทั่งธุรกิจขยับขยายจนสามารถสร้างโรงคั่วเอง ฮั่นก็ยังเน้นที่การควบคุมคุณภาพ ซึ่งโรงคั่วของแมนเนอร์นั้นมีขนาดใหญ่พอที่จะส่งกาแฟป้อนร้านในเครือ 1,000-1,500 สาขาโดยที่ยังคงคุณภาพของรสชาติ   

     จากคุณภาพกาแฟ ผู้บริหารแมนเนอร์ยังเน้นการคัดสรรบาริสต้าที่มีคุณสมบัติพร้อมในการรังสรรค์กาแฟให้ลูกค้าโดยยอมจ่ายค่าแรงสูงลิ่วในการว่าจ้างบาริสต้า ต่างจากเชนร้านกาแฟหลายแห่งที่ลดต้นทุนด้วยการใช้โรบอทหรือเครื่องชงอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ แมนเนอร์จึงสามารถอ้างได้ว่ากาแฟของทางร้านเป็นแบรนด์สเปเชียลตี้แต่จำหน่ายในราคาย่อมเยา เช่น ลาเต้ร้อน 1 แก้วราคาเพียง 20 หยวน หากลูกค้านำแก้วมาเองจะลดเหลือ 15 หยวนเท่านั้น ส่วนเอสเพรสโซ่ก็จะเหลือแค่ 5 หยวน

     แต่อันที่จริงแล้ว กาแฟของแทนเนอร์ทุกขนาดจะมีปริมาณน้อยกว่าร้านอื่น ยกตัวอย่างกาแฟแก้วใหญ่ของแมนเนอร์จะมีปริมาณ 360 มล.เทียบกับร้านอื่นที่มีปริมาณ 400 มล. นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แมนเนอร์สามารถขายกาแฟในราคาถูก จากกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาทำให้กาแฟแมนเนอร์มีรสชาติดี ราคาถูก เมื่อบวกกับสาขาที่ทะยานเพิ่มเรื่อย ๆ จึงเท่ากับทำลายทฤษฎี “สามเป็นไปไม่ได้” อย่างหมดจดจนขึ้นแท่น “ม้ามืดแห่งวงการกาแฟจีน”   

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

 

ข้อมูล

www.bnext.com.tw/article/63229/manner-coffee

https://pandayoo.com/2021/07/05/manner-coffee-another-miracle-of-chinas-coffee-industry-after-luckin

https://daxueconsulting.com/manner-coffee-china

www.thebambooworks.com/mild-manner-coffee-takes-on-starbucks-in-china-with-street-coffee

https://chinamktginsights.com/how-manner-coffee-broke-through-chinas-crowded-beverage-industry

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จากธุรกิจน้ำผึ้งของครอบครัว สู่ Gisou แบรนด์ Hair Care สุดพรีเมี่ยม ที่ใช้กลยุทธ์ Storytelling จนเป็นไวรัลในโลกออนไลน์

Gisou แบรนด์ Hair Care ที่เกิดจากการนำ “น้ำผึ้ง” วัตถุดิบธรรมชาติจากสวนผึ้งของครอบครัว มาสร้างมูลค่าใหม่ในรูปแบบความงามระดับพรีเมียม ด้วยการเล่าเรื่องและความใส่ใจในรายละเอียด

The Rubik Theory ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว ฉบับ After Yum  

“The Rubik Theory” ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว คือกลยุทธ์ที่ After Yum นำมาใช้ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ การคิดแบบหลายมิติ รวมถึงการฝึกความอดทนและทดลองทำสิ่งใหม่ๆ จนวันนี้ไม่มีใคร ไม่รู้จักแบรนด์ที่คงความแซ่บได้แบบยืนหนึ่งแบรนด์นี้

บุญช่วยมัทฉะ คาเฟ่ในร้านขายของชำ คอนเซปต์สุดแปลก ที่เปลี่ยนจุดด้อย ให้กลายเป็นเสน่ห์

ตามไปดู "บุญช่วยมัทฉะ" คาเฟ่มัทฉะลับๆ ที่กำลังถูกพูดถึงใน TikTok เพราะไอเดียสุดแปลกเสิร์ฟมัทฉะคุณภาพระดับพรีเมียมจากครัวหลังร้านของชำของแม่ชื่อว่า “บุญช่วยพานิช” จนกลายเป็นเสน่ห์ กิมมิก ที่ทำให้ใครๆ ก็จดจำได้