ส่องโอกาสตลาดหมื่นล้าน อาหารพร้อมทาน Ready to Eat ธุรกิจยังแรงต่อเนื่อง

 

     ในปัจจุบันเรามักจะเห็นอาหารพร้อมทาน (Ready-to-eat) หลากหลายแบรนด์วางไว้ในตู้แช่แข็ง ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทำให้อาหารพร้อมทานในประเทศในปี 2563 มีมูลค่าประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท และก็ยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องได้อีก

     อยากรู้ไหมว่าทำไมอาหารพร้อมทานจึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น วันนี้ทาง SME THAILNAD ONLINE จะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยกันว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร

     แต่ก่อนอื่นเราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักอาหารพร้อมทานกันก่อนว่ามีกี่ประเภท  ซึ่งอาหารพร้อมทานจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

     1. อาหารพร้อมทานแบบแห้งแบบจัดวางบนชั้น (Dried and Shelf Stable Ready-to-eat Food)

     คิดเป็นสัดส่วน 57.1 % ของมูลค่าอาหารพร้อมทานทั้งหมดในประเทศ 

     สัดส่วนอาหารพร้อมทานแบบแห้งคิดเป็น 98.1 %

  • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 7 %
  • อาหารพร้อมทานแบบจัดวางบนชั้น 9 %

     

     2. อาหารพร้อมทานแช่เย็น-แช่แข็ง (Chilled and Frozen Ready-to-eat Food)

     คิดเป็นสัดส่วน 42.9 % ของมูลค่าอาหารพร้อมทานทั้งหมดในประเทศ

  • อาหารพร้อมทานแช่เย็น (Chilled Ready-to-eat Food)  1 %
  • อาหารพร้อมทานแช่แข็ง (Frozen Ready-to-eat Food) 69.9 %

     

สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจอาหาร Ready-to-eat ได้รับความนิยม

     1. รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป Urbanization หรือความเป็นสังคมเมืองของประเทศไทยขยายเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน ประมาณ 50% ของประชากร 70 ล้านคนของประเทศอาศัยอยู่ในเขตเมือง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 72% ภายในปี 2593

     2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนใช้ชีวิตบนความเร่งรีบ ซึ่งต้องการสิ่งที่ช่วยให้เขาใช้ชีวิตง่ายและรวดเร็ว ทำให้อาหารพร้อมทานตอบโจทย์ผู้คนในเมืองเป็นอย่างดี และคนนิยมอยู่คนเดียวหรือครอบครัวเล็กๆ อาหารที่เลือกทานก็เป็นอาหารง่ายๆ

     3. การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ผู้คนออกไปทานอาหารข้างนอกไม่ได้ ทำให้ธุรกิจที่ทำอาหารพร้อมทาน (Ready-to-eat) เติบโตมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19

     ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ธุรกิจอาหารหลายธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

     “เพราะการปรับตัวให้เข้ากับทุกยุคสมัย คือกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการทำธุรกิจ

     ทุกวันนี้เราจึงได้เห็นผู้ประกอบการธุรกิจอาหารหลายๆ รายได้ปรับตัวหันเข้าสู่ตลาดนี้  โดยมีโควิด-19 เป็นตัวเร่ง ให้แตกไลน์สินค้าเป็นอาหารพร้อมทาน หนึ่งในนั้นคือ ร้านอาหาร “สลัดแฟคทอรี่” ที่ได้แตกไลน์สินค้าทำสลัดพร้อมทานวางขายในซุปเปอร์มาเก็ต หรือแม้แต่ตำมั่ว เจ้าของร้านอาหาร เจ้าของร้านอาหารตำมั่ว ก็ได้หันมาผลิตน้ำปลาร้าตำมั่ว เพื่อสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ได้อีกทางหนึ่ง

6 ปัจจัยหนุนตลาด RTE ในประเทศโตต่อเนื่อง

     ไม่แปลกใจที่ธุรกิจหลายๆ รายทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กหันมาจับตลาดนี้เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ในปี 2563 อาหารพร้อมทานมีมูลค่าตลาดในประเทศประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท (แบ่งเป็นอาหารพร้อมทานแบบแห้งและแบบจัดวางบนชั้น 2.5 หมื่นล้านบาทและอาหารพร้อมทานแช่เย็น-แช่แข็งมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยทำให้ตลาดอาหารพร้อมทานเติบโตมาจาก

     1. การขยายตัวของร้านค้าปลีกสมัยใหม่โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีสาขาจำนวนมากและกระจายไปยังแหล่งชุมชน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งจำหน่ายได้ง่าย และสะดวกในการรับประทาน

     2. การขยายตัวของชุมชนเมือง ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีชีวิตของสังคมเมืองที่เร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย

     3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายเมนู และหลากหลายสัญชาติ อาทิ อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารอิตาเลี่ยน

     4. คุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารพร้อมทานแบบแห้งจึงดึงดูดผู้บริโภค

     5. เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านรุ่นใหม่ที่เอื้อให้การซื้ออาหารแช่เย็น-แช่แข็งมาบริโภคสะดวกขึ้น เช่น ตู้เย็นสมัยใหม่มีช่องแช่แข็งขนาดใหญ่ และไมโครเวฟมีราคาถูกลง

     6. การจัดโปรโมชั่น ส่วนลด ของร้านค้าปลีกสมัยใหม่จูงใจผู้บริโภค

อนาคตอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทาน

     อย่างไรก็ตามศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดว่าความต้องการบริโภคอาหารพร้อมทานแช่เย็น-แช่แข็งในประเทศปี 2564 - 2566 จะมีมูลค่าเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 12 - 14 % ต่อปี โดยอาหารพร้อมทานแช่เย็น และอาหารพร้อมทานแช่แข็งจะเติบโตเฉลี่ย 13 - 14 % ต่อปี และ 12 - 13 % ต่อปี ตามลำดับ

     โดยในช่วงปี 2564 - 2566 ปริมาณความต้องการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 3 - 4 % ต่อปี การส่งออกในช่วงปี 2564 - 2566 คาดว่ามูลค่าจะเติบโตเฉลี่ย 9 - 10 % ต่อปี

     อาหารพร้อมทานแช่เย็น - แช่แข็งคาดว่าความต้องการบริโภคในประเทศปี 2564 - 2566 จะมีมูลค่าเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 12 - 14 % ต่อปี โดยอาหารพร้อมทานแช่เย็น และอาหารพร้อมทานแช่แข็งจะเติบโตเฉลี่ย 13 - 14 % ต่อปี และ 12 - 13 % ต่อปี ตามลำดับ ส่วนมูลค่าส่งออกในช่วงปี 2564 - 2566 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 11 - 12 % ต่อปี

     ด้วยตลาดที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน ทำให้ตลาดการแข่งขันกันย่อมสูง การปรับตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของอาหารพร้อมทานประเภทอื่น อาทิ อาหารพร้อมทานแบบจัดวางชั้น และอาหารพร้อมทานปรุงสดใหม่ รวมถึงอาหารทดแทนอื่น อาทิ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ธัญพืชอบกรอบ (ซีเรียล) ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น อาจยังเป็นปัจจัยเสี่ยงกดดันการแข่งขันได้ไม่มากก็น้อย

TEXT : กองบรรณาธิการ

ที่มา : https://www.krungsri.com/th/research/industry/industry-outlook/Food-Beverage/ready-to-eat-food/IO/io-ready-to-eat-food-21

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน