ส่อง 5 ข้อคิดการทำธุรกิจจากแบรนด์โฟร์โมสต์ ก่อนประกาศเลิกผลิต – จำหน่ายนมพาสเจอร์ไรซ์ในไทย

TEXT : กองบรรณาธิการ

     เรียกว่าเป็นกระแสฮอต สร้างความตกใจและเสียดายให้กับผู้บริโภคคนไทยใน 1 – 2 วันนี้เลยก็ว่าได้กับข่าวการปิดตัวเลิกผลิต – เลิกจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรซ์ของแบรนด์โฟร์โมสต์ ถึงจะเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า แต่ด้วยคุณภาพสินค้าของแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในไทยมากว่า 65 ปี วันนี้เราจึงอยากชวนมาดูตัวอย่างแง่คิดการทำธุรกิจของแบรนด์โฟร์โมสต์ที่น่าสนใจ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ ให้ลองนำไปปรับใช้กันด้วย

Cr ภาพ : foremostthailand

เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้

     รู้ไหมว่าก่อนหน้าที่จะผลิตนมประเภทต่างๆ ออกมามากมายอย่างทุกวันนี้ โฟร์โมต์เคยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตไอศกรีมขายมาก่อนด้วย โดยก่อตั้งบริษัท โฟร์โมสต์อาหารนม (กรุงเทพฯ) จำกัดขึ้นมาในปี 2499 (ปัจจุบัน คือ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในชื่อการค้า “ไอศกรีมโฟรโมสต์” นอกจากจะผลิตสินค้าออกมาเป็นชิ้นๆ เพื่อจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว ยังมีการจัดตั้งเป็นร้านขายไอศกรีมขึ้นมาด้วยชื่อว่า “ศาลาโฟร์โมสต์” เปิดสาขาอยู่ในโรงภาพยนตร์ชื่อดังแห่งยุคนั้น อาทิ ศาลาเฉลิมไทย, โรงภาพยนตร์สยาม ว่าไปก็คล้ายกับอารมณ์ร้านคาเฟ่ยุคนี้นั่นเอง

     โดยในยุคแรกนั้นโฟร์โมสต์สามารถทำกำไรจากการผลิตไอศกรีมได้มากทีเดียว เรียกว่าเป็นผู้นำต้นๆ ของตลาดไอศกรีมเมืองไทยก็ว่าได้ โดยมีส่วนแบ่งในตลาดมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากที่แบรนด์ไอศกรีมวอลล์เริ่มเข้ามาทำตลาด จึงทำให้ยอดขายไอศกรีมโฟร์โมสต์เริ่มขยับลดลง จนในที่สุดปี 2535 โฟร์โมสต์จึงตัดสินใจขายกิจการไอศกรีมให้กับบริษัท ยูนิลิเวอร์ ซึ่งก็คือ ผู้ผลิตไอศกรีมวอลล์ และกลับมาโฟกัสกับธุรกิจหลัก คือ การผลิตนมให้ดียิ่งขึ้น

คุณภาพนมจะดี ต้องดีมาตั้งแต่ยอดหญ้า

     ในการส่งป้อนนมคุณภาพออกสู่ตลาด โฟร์โมสต์ไม่ได้ใส่ใจเพียงแค่ในกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญไปถึงต้นตอแหล่งอาหารที่ดีอย่าง “ยอดหญ้า” ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของแม่วัวให้ดีด้วย ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ด้วยการสร้างแหล่งปลูกหญ้าที่สมบูรณ์ตามแนวทางบริษัทแม่อย่าง Nourishing by Nature เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีจากธรรมชาติสู่คุณภาพการผลิตน้ำนมโคที่ดี เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีมายังผู้บริโภคอีกต่อหนึ่งในนมทุกกล่อง                                         

ส่งต่อความรู้จาก Farmers to Farmers

     ในการส่งเสริมดูแลบริษัทเครือข่ายผู้ผลิตในแต่ละประเทศต่างๆ แบรนด์โฟร์โมสต์ไม่เพียงแต่คิดค้นเทคโนโลยีสร้างกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลิตนมคุณภาพดีด้วยตัวเองออกมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการทำะประเทิ่ฟาร์มเมอร์งต่ยังให้ความสำคัโครงการ Farmers to Farmers เพื่อส่งต่อความรู้จากเกษตรกรเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่กำเนิดแบรนด์ สู่เกษตรกรเครือข่ายในประเทศต่างๆ รวมถึงเกษตรกรชาวไทยแบบโดยตรงด้วย เพื่อให้ได้เกิดการเรียนรู้จริงจากเกษตรกรผู้ลงมือทำจริง พัฒนาคุณภาพการผลิตนมโคสู่ระดับสากลได้ในที่สุด โดยปัจจุบันนั้นมีเกษตรกรไทยที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการแล้วกว่า 4,000 ครอบครัวทีเดียว

Cr ภาพ : foremostthailand

มีหลายแบรนด์ ตอบทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

     โดยถึงแม้จะมีแบรนด์หลักอย่างโฟร์โมสต์แล้ว แต่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ทางบริษัทจึงได้มีการแตกแบรนด์น้องใหม่ขึ้นมา เพื่อให้เกิดการสื่อสารอย่างชัดเจนด้วย โดยปัจจุบันนั้นกลุ่มลูกค้าของบริษัทจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปโดยเฉพาะแม่และเด็กที่ต้องการสารอาหารจากนมโค สินค้าที่ทำขึ้นมาตอบโจทย์ เช่น โฟร์โมสต์ โอเมก้า, โฟร์โมสต์ มัลติเกรน เป็นต้น 2. กลุ่มผู้ประกอบการเบเกอรี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร โรงแรมที่อยากได้นมโคคุณภาพดีไปผลิตเป็นเครื่องดื่มและอาหารเพื่อจำหน่าย ได้มีการแตกแบรนด์ “Falcon” หรือ นกเหยี่ยว ขึ้นมาในการผลิตนมข้นหวาน นมข้นจืด นมตีฟอง หรืออย่างวิปปิ้งครึมคุณภาพ ก็มีแบรนด์ “เดบิค” ออกมารองรับ

Cr ภาพ : foremostthailand

ใส่ใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง                       

     ในการผลิตน้ำนมโคคุณภาพของแบรนด์โฟร์โมสต์ออกมา มีการเจาะลึกลงไปในรายละเอียดต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ขั้นตอนกระบวนการผลิต ไปจนถึงสารอาหารที่เหมาะสมกับผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่งผู้บริหารแบรนด์อย่าง “วิภาส ปวโรจน์กิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ไว้ใน Forbs เมื่อปี 2016 ว่าโฟร์โมสต์จะพลิกโฉมการผลิตนมพร้อมดื่ม โดยวางกฎเหล็กไว้ว่าตั้งแต่มีการรีดน้ำนมออกมาจากแม่วัวแล้ว จะต้องมีการส่งต่อไปยังศูนย์รับน้ำนมดิบสู่โรงงานผลิตไม่เกินภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง เป็นต้น

     หรืออย่างการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ว่าในสังคมการแข่งขันสูง แต่ละครอบครัวอยากให้ลูกเติบโตมาแข็งแรง และมีไหวพริบดี มีความฉลาดทางอารมณ์ แบรนด์จึงพยายามทำผลิตภัณฑ์นมวัวที่มีทั้งสารอาหารที่จะพัฒนา IQ และ EQ ให้กับเด็กๆ พร้อมกันไปได้ด้วย เช่น มีการเสริมสารอาหารอย่าง โอเมก้า 3, 6 และ 9 วิตามิน B12 ใส่ลงไป จนเป็นผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์โอเมก้า 3, 6, 9 ออกมา เป็นต้น

     สิ่งเหล่านี้ คือ เรื่องราวดีๆ ที่มีแฝงเอาไว้อยู่ในนมโฟร์โมสต์ทุกกล่อง ซึ่งหากผู้ประกอบการ SME จะลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจบ้าง ก็น่าสนใจไม่น้อย

ที่มา : https://www.foremostthailand.com/standard/

https://readthecloud.co/foremost/

https://th.wikipedia.org/wiki

https://www.longtunman.com/18375

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จากธุรกิจน้ำผึ้งของครอบครัว สู่ Gisou แบรนด์ Hair Care สุดพรีเมี่ยม ที่ใช้กลยุทธ์ Storytelling จนเป็นไวรัลในโลกออนไลน์

Gisou แบรนด์ Hair Care ที่เกิดจากการนำ “น้ำผึ้ง” วัตถุดิบธรรมชาติจากสวนผึ้งของครอบครัว มาสร้างมูลค่าใหม่ในรูปแบบความงามระดับพรีเมียม ด้วยการเล่าเรื่องและความใส่ใจในรายละเอียด

The Rubik Theory ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว ฉบับ After Yum  

“The Rubik Theory” ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว คือกลยุทธ์ที่ After Yum นำมาใช้ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ การคิดแบบหลายมิติ รวมถึงการฝึกความอดทนและทดลองทำสิ่งใหม่ๆ จนวันนี้ไม่มีใคร ไม่รู้จักแบรนด์ที่คงความแซ่บได้แบบยืนหนึ่งแบรนด์นี้

บุญช่วยมัทฉะ คาเฟ่ในร้านขายของชำ คอนเซปต์สุดแปลก ที่เปลี่ยนจุดด้อย ให้กลายเป็นเสน่ห์

ตามไปดู "บุญช่วยมัทฉะ" คาเฟ่มัทฉะลับๆ ที่กำลังถูกพูดถึงใน TikTok เพราะไอเดียสุดแปลกเสิร์ฟมัทฉะคุณภาพระดับพรีเมียมจากครัวหลังร้านของชำของแม่ชื่อว่า “บุญช่วยพานิช” จนกลายเป็นเสน่ห์ กิมมิก ที่ทำให้ใครๆ ก็จดจำได้