“คลีน คอฟฟี่” กาแฟวีแกนจากก๊อกพร้อมดื่ม อร่อยได้ในไม่ถึง 10 วินาที

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

Main Idea

  • กลยุทธ์อย่างหนึ่งของการนำเสนอสินค้าหรือบริการเพื่อให้เป็นที่ดึงดูดใจคือ “การสร้างความแตกต่าง”

 

  • แต่บางครั้งความต่างที่ว่าก็ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในทันที สิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำคือเชื่อมั่นในความคิดและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ดังเช่นร้านกาแฟแห่งหนึ่งในฮ่องกงที่ดำเนินธุรกิจแบบสวนทางร้านกาแฟทั่วไป

      ร้านกาแฟที่ว่าชื่อ “คลีน คอฟฟี่” เป็นของสองพี่น้อง ไบรอัน และซินเธีย ล็อคที่มองว่ากระแสอาหารจากพืช หรือ plant-based กำลังมาแรงและนี่จะกลายเป็นอาหารในอนาคต ประกอบกับช่วง 2-3 ปีก่อน เริ่มมีการโปรโมทนมข้าวโอ้ต ไบรอัน และซินเธียจึงตัดสินใจเปิดคาเฟ่ที่เจาะกลุ่มวีแกนและมังสวิรัติ

      ปี 2021 “คลีน คอฟฟี่” สาขาแรกเปิดบริการในย่านไซ่เหย่งผูน ทางตะวันตกของเกาะฮ่องกง เป็นร้านกาแฟที่ผนวกบริการร้านสะดวกซัก มีบาริสต้าคอยชงกาแฟเสิร์ฟลูกค้า ในขณะที่ร้านกาฟทั่วไปนำเสนอกาแฟผสมนมสดเป็นหลัก และมีนมจากพืช เช่นนมโอ้ตและนมจากถั่วต่าง ๆ เป็นทางเลือก โดยที่ลูกค้าต้องจ่ายเพิ่ม 2-5 ดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 8-20 บาทแล้วแต่ชนิดของนมทางเลือก

      แต่ที่คลีน คอฟฟี่จะกลับกัน เครื่องดื่มที่ร้านผสมนมจากพืชเป็นหลัก เว้นเสียแต่ลูกค้าต้องการนมวัว จึงจะจ่ายเพิ่ม ในช่วงเปิดบริการแรก ๆ บริการของร้านไม่เป็นที่ถูกใจลูกค้านัก เรียกว่าแทบไม่เป็นที่ยอมรับเนื่องจากผู้บริโภคยังมีมุมมองผิด ๆ เกี่ยวกับนมพืชอยู่ บ้างก็ไม่อยากลองของใหม่ จนทำให้ซินเธียรู้สึกทดท้อ “เป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายให้ผู้คนเข้าใจว่าทำไมเราถึงเปิดร้านที่ไม่เหมือนร้านอื่น บางครั้งก็คิดนะว่าหรือว่าฉันเปิดร้านเพื่อให้ลูกค้าไม่เข้าร้านกันแน่”        

      แต่สุดท้าย ซินเธียก็บอกกับตัวเองว่า “ไม่สิ ฉันทำแบบนี้เพราะฉันอยากให้มันแตกต่างไง ไม่งั้นก็ไม่ต้องเปิดร้านแล้วทำงานออฟฟิศต่อไป แรก ๆ ก็มีอุปสรรค แต่อาศัยความอดทนเชิญชวนให้ลูกค้าเปิดใจลองชิมนมโอ้ต หลังลิ้มรสความอร่อย ลูกค้าก็ค่อย ๆ บอกต่อกันปากต่อปาก” ซินเธียเล่าถึงคลีน คอฟฟี่สาขาแรก หลังจากนั้นไม่ถึง 2 ปี เธอและพี่ชายก็ขยายสาขาที่ 2 ที่เฮลธ์ อันเป็นช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ใต้ดินแห่งใหม่ในย่านจิมซาจุ่ย

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคที่คนเร่งรีบ

      สำหรับสาขาที่ 2 นั้นถือเป็นมิติใหม่ของร้านกาแฟเลยทีเดียวเนื่องจากไม่มีบาริสต้าบริการ แต่เป็นร้านที่ใช้โมเดล tap-and-go ที่ลูกค้าสามารถกดเครื่องดื่มชา หรือกาแฟผสมนมโอ้ตผ่านก๊อกสแตนเลสที่เรียงรายในร้านได้เลย ลูกค้าสามารถเลือกเมนูเครื่องดื่มร้อนและเย็นได้จากจอทัชสกรีนที่แสดงทั้งภาพสินค้าและราคา เช่น กาแฟดำ กาแฟลาเต้นมโอ้ต ลาเต้นมโอ้ตมัทฉะ ลาเต้นมโอ้ตงาดำ เป็นต้น

      นอกจากนั้นทางร้านยังมีแก้วให้เลือกเป็นแก้วกระดาษแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และแก้วผลิตจากเยื่อไผ่ใช้ซ้ำได้ รวมถึงมีบริการเบเกอรี่และขนมอบปลอดผลิตภัณฑ์จากสัตว์สำหรับทานกับเครื่องดื่ม ในส่วนของการชำระค่าสินค้านั้น ลูกค้าสามารถจ่ายผ่าน Octopus card ซึ่งเป็นบัตรชำระเงินล่วงหน้าที่ชาวฮ่องกงนิยมใช้ในการช้อปปิ้งและชำระค่าโดยสาร

 

      ร้านคลีน คอฟฟี่สาขาสองนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเร่งรีบของคนฮ่องกงได้เป็นอย่างดีเนื่องจากลูกค้าไม่ต้องรอนาน สามารถกดเครื่องดื่มที่พร้อมดื่มได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ซินเธียกล่าวว่าเธอพยายามทำให้กาแฟของคลีน คอฟฟี่ราคาสมเหตุสมผลเพื่อจะได้เข้าถึงลูกค้าอย่างยั่งยืน

      เนื่องจากเมล็ดกาแฟสเปเชียลตี้มีราคาสูงและผันผวน ทั้งยังแพงกว่ากาแฟเชิงพาณิชย์ถึง 3 เท่า ขั้นตอนการคั่วและคัดทำให้เสียเมล็กาแฟไปส่วนหนึ่งซึ่งถือเป็นต้นทุน เพื่อใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าสุด ทางร้านจึงใช้วิธี batch brewed หรือการสกัดกาแฟทีละหม้อใหญ่ พอขายหมด บาริสต้าก็จะสกัดใหม่เพื่อเติมในเครื่องกด ทำให้สามารถเสิร์ฟกาแฟพรีเมี่ยมในราคาย่อมเยา  

      แม้สาขาที่ 2 จะแลดูเหมือนใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมด แต่หลังร้านจะมีพนักงานประจำเพื่อคอยเช็คอุณหภูมิเครื่องดื่มและหัวก็อกที่จ่ายเครื่องดื่ม รวมถึงคอยเติมให้เต็มเมื่อสินค้าพร่องลง พนักงานในเครือคลีน คอฟฟี่แม้จะเป็นทีมเล็ก ๆ แต่ก็มีคุณภาพ และผู้บริหารพยายามจ้างงานผู้ต้องการโอกาสในสังคมโดยคัดเลือกจากหน่วยงานสงเคราะห์ต่าง ๆ ล่าสุด ได้จ้างพนักงานชายฝาแฝดที่มีภาวะออทิสติกมาทำงานและพบว่าพวกเขามีศักยภาพในการทำงานได้ดี  

      ซินเธียกล่าวว่าการได้จ้างงานผู้ด้อยโอกาสเป็นการตอกย้ำถึงจุดประสงค์ในการลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อทำธุรกิจ และธุรกิจของเธอไม่ได้ดำเนินเพื่อกำไรเป็นหลัก แต่เธอมีเป้าหมายบางอย่างที่เธอต้องการในชีวิตนั่นคือการให้กลับคืนสู่ชุมชนนั่นเอง

ที่มา https://www.scmp.com/lifestyle/food-drink/article/3207242/we-charge-more-dairy-hong-kong-coffee-shop-cleans-co-founder-why-oat-milk-lattes-are-future-and-her?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article&campaign=3207242

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน

SME ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไรท่ามกลางสงครามการค้า

การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้น SME ไทยจึงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ...แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไร