Shared bookstore โมเดลธุรกิจฮิตในญี่ปุ่น ให้เช่าพื้นที่ฟุตเดียวทำร้านหนังสือจิ๋ว

TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

Main Idea

  • แม้ญี่ปุ่นจะเป็นสังคมอุดมด้วยนักอ่าน แต่การเข้าสู่ยุคดิจิทัลทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านหนังสือพอสมควรเนื่องจากจำนวนร้านหนังสือเริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ

 

  • อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์อันอ่อนไหวทางธุรกิจ การผุดขึ้นของร้านหนังสือโมเดลใหม่กลับกำลังเป็นที่น่าสนใจและกลายเป็นเทรนด์ที่ร้านหนังสือหลายแห่งเจริญรอยตามกัน

 

     โมเดลดังกล่าวเรียก “Shared bookstore” ที่เจ้าของร้านหนังสือจะแบ่งพื้นที่ภายในร้านทำเป็นชั้นติดผนังและกั้นเป็นช่องขนาดประมาณ 30 x 30 ซม. แต่ละช่องจะปล่อยให้ผู้สนใจนำหนังสือมือสอง หรือหนังสือที่ไม่ต้องการแล้วมาวางขาย ช่องเล็กๆ บนชั้นข้างผนังของร้านจะกลายเป็นร้านหนังสือขนาดจิ๋วที่ซ้อนในร้านหนังสือใหญ่อีกที่โดยที่ผู้เช่าไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าสินค้าแต่อย่างใด ทางร้านจะเป็นผู้ดำเนินการขายให้หากมีลูกค้าสนใจ

     เรียกว่าเป็นการฝากขายก็ว่าได้ ทั้งนี้ ราคาค่าเช่าพื้นที่ต่อช่องดังกล่าวเริ่มต้นที่ 1,500 เยนหรือราว 390 บาทต่อเดือน และทางร้านยังได้คอมมิสชั่นหรือค่าธรรมเนียมการขายจากผู้เช่าอีกทางหนึ่ง อัตราค่าคอมมิสชั่นขึ้นอยู่กับเงื่อนไข บางร้านคิดแค่ 50 เยนหรือประมาณ 13 บาทก็มี

     ร้านหนังสือสไตล์ Shared bookstore นี้เปิดบริการหลายแห่งแล้ว และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาเช่าพื้นที่เพื่อระบายหนังสือเก่า หนึ่งในผู้บุกเบิกโมเดลนี้ชื่อมาซายูกิ วากิ เจ้าของร้าน “บุ๊คช้อป ทราเวลเลอร์” (Bookshop Traveler) ที่เปิดบริการในโตเกียวเมื่อปี 2018 จุดประสงค์เพื่อชิมลางธุรกิจร้านหนังสือ วากิกล่าวว่าสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านหนังสือแต่ไม่มั่นใจว่าธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ สามารถเริ่มต้นด้วยการเปิดเป็นร้านขนาดจิ๋วเพื่อขายทีละน้อยก่อน

     ตัววากิเองเคยเป็นพนักงานบริษัทและมีความฝันอยากเป็นเจ้าของร้านหนังสือ แต่เขาพบว่าการบริหารจัดการร้านหนังสือโดยไม่มีความรู้หรือประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องยาก เขาจึงนึกถึงโมเดล Shared bookstore ที่เจ้าของร้านเป็นคนกลางจัดสรรพื้นที่ให้คนที่ต้องการปล่อยหนังสือ รับค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการขายจากเจ้าของหนังสือโดยที่เจ้าของพื้นที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการสต็อกหนังสือ หรือกลัวว่าหนังสือที่สั่งเข้าร้านจะขายไม่ออก จากที่เปิดบริการ 8 ช่องให้เช่า ปัจจุบัน บุ๊คช้อป ทราเวลเลอร์มีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเป็น 73 ช่องและกำลังจะขยายเป็น 100 ช่อง ลูกค้าที่เช่ามีหลากหลาย รวมถึง คนทั่วไป นักเขียน และสื่อต่างๆ

     อีกร้านหนึ่งที่ได้รับความนิยม คือ “บุ๊ค แมนชั่น” (Book Mansion) ในโตเกียว โค นากานิชิ เจ้าของร้านเล่าว่าเขาทำงานที่ราคูเท็น หนึ่งในผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซแถวหน้าของญี่ปุ่น และได้ชักชวนน้องชายที่เป็นสถาปนิกมาลองทำร้านหนังสือมือสองแบบ unmanned store ที่เจ้าของสินค้าไม่ต้องมานั่งขายเอง

     ช่วงแรกของการทำธุรกิจ นากานิชิสามารถระดมทุนจากผู้สนใจได้ 5.75 ล้านเยน ทำให้สามารถลงทุนเช่าอาคารในย่านคิชิโจจิในโตเกียวเพื่อทำร้านหนังสือโมเดล shared bookstore กระทั่ง “บุ๊ค แมนชั่น” เปิดบริการครั้งแรกในเดือนกค. 2019 บนผนังพื้นที่ 30 ตารางเมตรถูกซอยเป็นช่องขนาดเล็กเพื่อให้ผู้สนใจเช่าพื้นที่เพื่อวางขายหนังสือ

     ผลตอบรับถือว่าดีทีเดียว มีผู้เช่ารวมแล้วราว 70 ราย หนึ่งในนั้นคือโซตะ ยามาอูชิ นักเรียนชั้นประถม 5 ผู้รักการอ่าน โซตะจ่ายค่าเช่าเพื่อเปิดร้านหนังสือขนาดจิ๋วชื่อ “มารุ:โซ” โดยเขาจะนำหนังสือที่เขาอ่านจบแล้วมาวางขาย นอกจากนั้น เขายังแปะรายชื่อหนังสือที่กำลังทะยอยอ่านให้จบเพื่อให้ลูกค้าทราบว่าหนังสือล้อตต่อไปที่จะวางขายมีเล่มไหนบ้าง          

     นอกจากเช่าแบบรายบุคคล ผู้เช่ายังสามารถเช่าแบบกลุ่มได้ด้วย เช่น ร้านที่ใช้ชื่อ “โกโตะ โชโบะ” ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 6 คน ชาย 3 หญิง 3 ที่ชมชอบหนังสือแนวฟิกชั่นหรือเรื่องเล่าเรื่องแต่งประเภทบันเทิงคดี สมาชิกกลุ่มโกโตะแต่ละคนจะคัดลือกหนังสือเล่มที่ตนในใจมาวางขายรวมกัน

     หลังให้บริการได้ 5 เดือน ก็มีร้านหนังสือโมเดลเดียวกับบุ๊ค แมนชั่นเปิดบริการหน้าสถานีรถไฟเจอาร์นิชิ-นิปโปริ โดยโซอิชิ ทาซากะ พนักงานบริษัทสถาปัตย์ฮาจิ สตูดิโอได้ขอร้องให้นากานิชิขยายบริการในย่านนี้ แต่นากานิชิแนะว่าให้ทำเองเลยเพราะการเปิดร้านหนังสือแบบนี้ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ ร้านหนังสือ Nishi-Nippori Book Apartment จึงเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของบริษัทฮาจิ สตูดิโอ

     อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เช่าชั้นหนังสือในร้าน Nishi-Nippori Book Apartment นอกจากคนทั่วไปยังประกอบด้วยกลุ่มนักเขียน นักประพันธ์ที่มีมากถึง 78 รายด้วยกัน นักเขียนเหล่านี้จะนำผลงานของตัวเองมานำเสนอบนชั้นของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าหรือสำนักพิมพ์ได้เห็น

     ไม่เฉพาะในเมืองหลวงโตเกียว ร้านหนังสือรูปแบบ shared bookstore ยังได้รับความนิยมในต่างจังหวัดด้วย เช่นร้าน Itoshima no Kao ga Mieru Honya-san ในจังหวัดฟูกุโอกะที่เปิดบริการเมื่อเดือนกย.2021 มีพื้นที่ชั้นหนังสือให้เช่า 100 ช่อง ผู้เช่ามีทุกเพศทุกวัยตั้งแต่นักเรียน นักศึกษาไปจนถึงผู้สูงวัยอายุเกิน 70 ปี

     มากิ นากามูระ อดีตผู้บริการบริษัทโลจิสติกส์วัย 57 ปี และเรียวตะ โอโดะ อดีตพนักงานบริษัทเทรดดิ้งได้จับมือกันระดมทุนและเปิดร้านดังกล่าวขึ้นหลังจากที่นากามูระย้ายจากโตเกียวมาอยู่ฟูกุโอกะ โดยเธอได้แรงบันดาลใจจากร้านบุ๊ค แมนชั่น ด้านฮารุกิ อิโตะ อาจารย์มหาวิทยาลัยวัย 53 ปีก็เปิดร้านหนังสือรูปแบบนี้ชื่อ Honya-Ra Do ที่จังหวัดยามากูจิ เป็นร้านเล็ก ๆ ไม่กี่ตารางเมตรและมีชั้นให้เช่า 30 ช่องเท่านั้น 

     ผลสำรวจของบริษัทวิจัยอัลมีเดีย แอนด์ บังก้า นิวส์ระบุในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนร้านหนังสือในญี่ปุ่นลดลงต่อเนื่อง จนถึงเดือนพค. 2020 ลดเกือบครึ่งเหลือประมาณ 11,000 แห่งทั่วประเทศ สวนทางกับโมเดลร้านหนังสือ shared bookstore ที่จำนวนร้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาอยู่ที่ 40 ร้านแล้ว

ที่มาhttps://mainichi.jp/english/articles/20220409/p2a/00m/0li/019000c

https://www.asahi.com/ajw/articles/14003407

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ละเลียดวิธีคิด สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator ไทย ผู้ยืนหนึ่งเวทีโลก

ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้

เมื่อคำว่า “Luxury” สิ้นมนต์ขลัง สูตรลับใหม่แบรนด์ระดับโลก ทำให้สินค้าดูแพงโดยไม่ต้องพูดว่าหรู

ทำไมแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่ Hermès,Porsche และ LVMH ถึงเลิกพูดคำว่า Luxury และเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง “ความพิเศษ” ..นี่คือสูตรลับที่แบรนด์ระดับโลกกำลังใช้  กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าดูแพงขึ้น แม้ไม่ต้องพูดคำว่า Luxury

Top Table บาร์ปิงปอง มิติใหม่การแฮงค์เอาท์ เมื่อโค้ชกีฬาผันตัวมาทำธุรกิจ ฮอต! จนคืนทุนได้ใน 2 เดือน

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว