วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

TEXT : วันวิสา งามแสงชัยกิจ


     “ทำไปเพื่อ!” “อิหยังวะ!” และ “แบบนี้ก็ได้หรอ!” คือความคิดของใครหลายคนที่มาพร้อมกับการขมวดคิ้วหรือมองบน หลังจากที่ได้เห็นสิ่งประดิษฐ์สุดปั่นของ Matty Benedetto เจ้าของผลงานแสนกวนกว่า 350 ชิ้น ที่เรียกได้ว่าเป็น “Unnecessary Inventions” หรือ “สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่จำเป็น” ที่กำลังโลดแล่นอย่างร้อนแรงอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะนี้

     แต่เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” นั้น ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของชายผู้ที่เรียกตัวเองว่า “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” คนนี้ จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน แล้วจะรู้ว่า “บางทีความเจ๋งนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำตามขนบและ(คิด)อยู่ในกรอบเสมอไป”

ผลงานโลกตะลึงของ Benedetto

     ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักผลงานของ Benedetto กันสักหน่อยว่าเป็นแบบไหน ทำไมคนถึงชอบบอกว่า แสนจะเพี้ยน หรือทำไปเพื่ออะไร? ก็คงต้องย้อนกลับไปในปี 2019 ณ ช่วงเวลาที่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกถือกำเนิดและกลายเป็นไวรัลแค่ชั่วข้ามคืน นั่นคือ “The AirStick™️” หรือตะเกียบที่สามารถเสียบเข้ากับหูฟังไร้สายหรือ AirPods ได้ ทำให้ได้อาวุธคีบซูชิคู่ใจแบบพกพาและฟังเพลงได้ระหว่างเดินทาง หรือจะเป็นผลงานอย่าง “JiffyCuts™️” กรรไกรตัดเล็บที่เห็นแล้วต้องร้องหือพร้อมกับเสียวนิ้วไปด้วย เพราะตัดได้ทีเดียวพร้อมกันไปเลย 4 นิ้ว เท่านี้น่าจะพอลองเดากันได้ว่าผลงานที่เหลือ พี่แกจะไปได้สุดและหลุดโลกมากแค่ไหน

Crack Idea 5 วิธีคิด...ถึงจะแปลกก็ปังได้!

1. ไอเดียผุดปุ๊บ จดปั๊บ

     อย่างแรกเลย เวลาที่มีไอเดียผุดขึ้นมาในหัว อย่าปล่อยให้มันล่องลอยไปในอากาศ ต้องหาอะไรมารีบจด เหมือนที่ Benedetto ทำเป็นประจำคือ จดทุกความคิดของเขาลงไปในแอปพลิเคชันจดบันทึกในโทรศัพท์เสมอ จะได้ไม่เผลอลืมไอเดียคูลๆ ที่คิดได้ไป ที่สำคัญ เขาไม่ใช่แค่วาดฝัน แต่ยังลงมือทำ โดยในแต่ละวันเขาจะก้าวเท้าเข้าสตูดิโอ ณ เมืองเบอร์ลิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพื่อนั่งคิดไอเดีย ซึ่งในแต่ละสัปดาห์เขาสามารถทำชิ้นงานได้ถึง 1 – 3 ชิ้นเลยทีเดียว

2. มองให้ลึก เล่นให้ใหญ่

     สำคัญไม่แพ้กันและกลายเป็นนิสัยที่นักประดิษฐ์ผู้นี้ทำเป็นประจำคือ การเป็นคนช่างสังเกตและรู้จักหาประเด็นเล็กๆ ที่ผู้คนสามารถเชื่อมโยงได้มาทำเป็นชิ้นงาน ซึ่งอาจจะไม่ได้ต้องการนวัตกรรมหรือโซลูชั่นมากมาย เพื่อมาแก้ไข Pain Point นั้นๆ แต่ทำให้แหวกแนวและแตกต่างได้ด้วยการเล่นใหญ่หรือใช้วิธีแก้ปัญหาที่เกินความจำเป็นสุดๆ เข้าไป เช่น การทำให้เส้นสปาเก็ตตี้กินได้แบบพอดีคำ โดยไม่ต้องหมุนส้อมให้เมื่อยมือ ด้วย The Noodle Nipper™️ หรือเครื่องช่วยตัดเส้น ที่แค่ตักเส้นขึ้นมาแล้วเอาไปสอดไว้ตรงใบกรรไกร เครื่องก็จะตัดฉับให้กินได้แบบสวยๆ หรือจะเป็น The Sunblock Buffer™️ มือยักษ์ช่วยทาครีมกันแดดที่หลัง อารมณ์เหมือนไม้เกาหลังบ้านเรา แต่ของ Benedetto นั้น จะเป็นฝ่ามือบิ๊กเบิ้ม ที่เข้ามาแก้ปัญหาทาครีมที่แผ่นหลังไม่ถึง หรือไม่มีใครมาช่วยทาให้ ที่แค่บีบครีมลงบนมือ กดปุ่มที่ด้าม มืออัศจรรย์นี้ก็จะหมุนและทาครีมให้ทั่วหลังโดยไม่ต้องง้อใครได้เลย

3. ไปต่อให้สุด อย่าหยุดคิด

     แม้หลายคนจะมองว่าผลงานของ Benedetto นั้นช่างพิลึก แต่เขาก็โนสน โนแคร์ ยังคงเดินหน้าประดิษฐ์ของจากไอเดียด้วยสองมือ พร้อมมีลูกมืออัจฉริยะคอยเคียงข้าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เครื่องตัดเลเซอร์ แม่พิมพ์ต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเย็บและงานไม้ จนได้ผลงานหลายชิ้นที่น่าทึ่งและมีคนที่อยากได้มันไปใช้จริงๆ เช่น The Lego Suck It!™️ หรือเครื่องดูดฝุ่นที่ทำมาเพื่อดูดตัวต่อเลโก้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจบรรดาพ่อแม่ที่ต้องเหนื่อยทุกครั้ง ที่ต้องเก็บตัวต่อชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นหลังลูกเลิกเล่น ซึ่งทำได้ Wow! สุดๆ เพราะแค่ดูด ตัวต่อจะถูกลำเลียงเข้าไปในกล่อง ซึ่งมีอยู่ 4 ชั้น และจะถูกจัดเรียงตามขนาดจากชิ้นใหญ่ไปเล็กในแต่ละชั้นให้เลย จึ้งขนาดที่ Simon Cowell กรรมการฝีปากกล้าจากรายการ The X Factor และ Britain’s Got Talent ยังบอกว่าโดนและอยากได้มาครอบครอง

4. เลือกที่เจ๋ง เอามาขาย

     ท่ามกลางผลงานนับร้อยๆ ชิ้น ที่เปลี่ยนจากสิ่งที่อยู่ในหัวมาเป็นของที่จับต้องได้นั้น มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ที่ Benedetto ทำออกมาขายจริง โดยเฉพาะกับผลงานขึ้นแท่น ที่ชื่อว่า The Game™️ หรือเกมที่เป็นการ์ดจำลองสถานการณ์หรือปัญหาสุดกวนต่างๆ ที่มีถึง 74 สถานการณ์ เช่น จะทำอย่างไร? ให้ใช้ที่โกยผงกวาดพื้นแล้วไม่มีรอยฝุ่นตามมา หรือให้คิดสิ่งประดิษฐ์ป้องกันคนนั่งข้างๆ หลับแล้วชอบซบไหล่บนเครื่องบิน หรือคิดวิธีกันคนไม่ให้ลูบน้องหมาตอนพาออกไปเดินเล่น ทั้งนี้ ผู้เล่นต้องทำการคิดค้นโปรดักต์ใหม่ๆ พร้อมตั้งชื่อให้คูลๆ และเขียนลงบนกระดานเล็กๆ ที่ให้มาเพื่อแก้ปัญหานั้นๆ ก่อนที่เวลาในนาฬิกาทรายที่ให้มาอีกเช่นกันจะหมด จากนั้นจึงทำการ Pitching ให้เพื่อนๆ ฟัง และไอเดียใครเจ๋งสุดก็จะได้เป็น The Winner ไป ซึ่งความดีงามของเกมนี้อยู่ที่สามารถช่วยปลุกไฟและกระตุ้นไอเดียให้โลดแล่นได้ ไม่ว่าจะแปลกหรือเพี้ยนแค่ไหนก็ตาม  

5. อยากแจ้งเกิด ต้องเปิดเอง

     สุดท้าย ไม่ใช่แค่ประดิษฐ์ของไปวันๆ แต่กุญแจสำคัญคือการรู้จักสร้างโอกาสให้ตัวเอง ซึ่งหากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว Benedetto ไม่ได้โพสต์ผลงานชิ้นแรกของเขาลงบน Reddit จนกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน และไม่ขยันโพสต์และสร้างคอนเทนต์ลงบนโซเชียลมีเดียเรื่อยมา เขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสไปร่วม Collaboration กับแบรนด์ดังๆ เช่น แบรนด์เครื่องดื่มอย่าง Bud Light ในการทำเคสมือถือที่สามารถวางกระป๋องเบียร์ไว้ข้างหลังได้ หรือร่วมกับเกมชื่อดังอย่าง “Call of Duty” ในการทำจอยสติ๊ก 9-in-1 ที่รวมของทุกอย่างที่เหล่าเกมเมอร์ต้องการแบบไม่ต้องลุกไปไหนได้ทั้งวัน! เหมือนอย่างวันนี้ ซึ่งการคอยอัปเดตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่จะทำให้คนทั่วไปหรือแฟนๆ ได้เห็นผลงานของเขา แต่ยังเปิดประตูแห่งโอกาสให้ลูกค้าได้เจอชิ้นงานที่ตอบโจทย์โดนใจ จนต้องขอร่วมงานกันสักครั้งก็เป็นได้   

     รู้แบบนี้แล้ว ผู้ประกอบการคนไหนที่อยากลองคิดไอเดียใหม่ๆ หรืออยากปลุกความสร้างสรรค์ในตัวเอง อย่าลืมหยิบสิ่งที่ได้จาก Creator สุดแหวกแนวผู้นี้ไปประยุกต์ใช้กัน และมาเปลี่ยน “ความแปลกให้โลกจำ” ไปด้วยกัน....     

อ้างอิง:

https://unnecessaryinventions.com/

https://thehustle.co/the-man-who-has-created-100-pointless-inventions?hs_amp=true

https://www.shopify.com/blog/unnecessary-inventions

https://coolhunting.com/design/matty-benedetto-design-tangents-episode-eight/

https://www.fastcompany.com/90661310/the-twisted-genius-behind-airpods-chopsticks-crocs-underwear-and-more-unnecessary-inventions

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน