โกปี๊ฮับ ความสำเร็จที่ไม่ได้เริ่มจาก Passion เพียงอย่างเดียว

Text : Ratchanee P.


      ทุกการเติบโตของธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่คือการมองหาโอกาสที่สามารถตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแท้จริง 

     นี่คือจุดเริ่มต้นของ "โกปี๊ฮับ" ร้านติ่มซำในสไตล์คาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของ คุณออมสิน -ณิชา จารุกิตต์ธนา ซึ่งมีความตั้งใจแต่แรกในการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง 

     วันนี้ เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับเส้นทางการเติบโตของโกปี๊ฮับ ที่ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าในการทำสิ่งที่แตกต่าง และการปรับตัวที่รวดเร็วในโลกธุรกิจที่ไม่เคยหยุดหมุน พร้อมมุมมองความคิดการทำธุรกิจดีๆ จากคุณออมสิน -ณิชา จารุกิตต์ธนา

ไม่รอโอกาสแต่สร้างโอกาสให้ตัวเอง  

      คุณออม เล่าว่าเธอเป็นคนมีหัวการค้าตั้งแต่เด็กและไม่เคยรอให้โอกาสวิ่งเข้าหา แต่เป็นฝ่ายสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง จากเด็กมัธยมปลายเริ่มต้นหารายได้ด้วยการไปเข้าคอร์สติวเข้ามหาวิทยาลัยฟรี แล้วซีร็อกเอกสารมาขายให้เพื่อนๆ ครั้นเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย เป็นติวเตอร์สอนพิเศษตั้งแต่ปีเรียนอยู่ 1 และเริ่มขยายสร้างทีมติวเตอร์ รับสอน แล้วหักค่าคอมมิชชั่น ซึ่งผลของการทำงานตั้งแต่สมัยเรียนนี้ทำให้เธอมีเงินเก็บมากพอจนสามารถซื้อบ้านได้ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 2  

     หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแม้จะเริ่มต้นทำงานในบริษัทมหาชนที่งานมั่นคงและมีรายได้ดี แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบทำธุรกิจ มีความฝันว่าอยากจะเปิดธุรกิจของตัวเอง จึงทำให้มองหาช่องทางการทำธุรกิจตลอดเวลา 

     “ออมทำงานที่กรุงเทพฯ วันจันทร์ถึงศุกร์ ทุกวันศุกร์ตอนเย็นก็จะขับรถกลับไปหาคุณแม่ที่ชลบุรี ทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 ปี เรารู้สึกว่าการขับรถมันเหนื่อยจังเลย ในเมื่อต้องกลับทุกอาทิตย์อยู่แล้ว น่าจะหาอะไรทำที่ชลบุรีไปด้วยดีกว่า  ตอนนั้นกระแสชาบูกำลังมา ก็เลยไปซื้อแฟรนไชส์ชาบู แต่พอจะทำจริงๆ ขับรถไปทั่วจังหวัดก็เห็นอย่างหนึ่งว่าธุรกิจร้านอาหารในชลบุรีสมัยนั้นมีแต่คนมีฐานะมาลงมือทำ คือเป็นร้านใหญ่ตกแต่งสวยงาม แต่เราเองไม่ได้มีทุนสูงจะเปิดอะไรอย่างนั้น”

     ด้วยเหตุนี้ คุณออมจึงเริ่มมองหาสิ่งที่แตกต่างออกไป ซึ่งด้วยมีพื้นฐานการทำงานในสายการตลาด เธอจึงพยายามมองหาช่องว่างทางธุรกิจ ซึ่งในตอนนั้นคาเฟ่สไตล์มินิมอลกำลังเป็นกระแส แต่ยังไม่มีร้านไหนที่มีคอนเซ็ปต์ "สภากาแฟโบราณ" ที่ให้บรรยากาศสไตล์วินเทจ  

     “จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของออมไม่เหมือนคนอื่น คือคนส่วนใหญ่จะบอกว่าจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจมาจากความรัก มาจาก Passion  แต่มุมมองของออมไม่ได้ดูสวยงามแบบนั้น จริงอยู่เราเริ่มต้นจากสิ่งที่เราคิดว่าดี คือมั่นใจว่าอาหารของคุณยายอร่อย ขายได้ แต่การที่เราจะลงทุนอะไรสักอย่างนั้น ไม่ใช่แค่ชอบ หรือมั่นใจ ต้องหาช่องว่างทางธุรกิจจริงๆ มองว่าตลาดต้องการอะไร เปิดธุรกิจอะไรแล้วจะรอด ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจริงๆ เพราะใช้งบก็ไม่เยอะ ซึ่งพอออมได้ Mood and Tone ว่าอยากได้ร้านแนวสภากาแฟ จึงค่อยคิดถึงว่าแล้วจะเป็นอาหารประเภทไหน ซึ่งพอดีว่าคุณยายซึ่งเป็นคนหาดใหญ่ทำอาหารอร่อยมาก ออมจึงคิดถึงติ่มซำของภาคใต้ ซึ่งที่ชลบุรียังไม่มีใครทำในแนวนี้ จากนั้นใช้เวลาร่วมปีในการทดลองสูตรติ่มซำกับคุณแม่และคุณยายกว่าจะได้เมนูติ่มซำที่ลงตัว และเปิดโกปี๊ฮับขึ้นมา”

     ซึ่งปรากฏว่าหลังจากเปิดร้านโกปี๊ฮับในช่วงแรกกระแสตอบรับดีมาก มีลูกค้าเข้าร้านอย่างคึกคักตลอดเวลา แต่เพียง 2-3 เดือนหลังจากนั้นความคึกคักก็เริ่มค่อยๆ หายไป โดยออมกลับพบว่ากลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในคือนักศึกษา ม.บูราพา อาจไม่ใช่คำตอบ เพราะสำหรับเด็กมหาวิทยาลัยแล้ว ราคาติ่มซำอาจสูงไปเมื่อเทียบกับข้าวไข่เจียวหรือข้าวกะเพราไข่ดาว ที่น้องๆสามารถหาทานได้ง่ายๆหลังม. ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนวัยทำงานแทน และโฟกัสการตลาดที่กลุ่มเป้าหมายใหม่ทันที ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือคนแน่นร้านทุกวัน โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เปิดร้านมาคิวไม่เคยต่ำกว่า 100 คิว

จาก 1 ร้านสู่การขยายสาขาทั่วประเทศ

     โกปี๊ฮับเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่ปีที่ 5 เมื่อออมเริ่มมองเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น เธอไม่ได้ต้องการเป็นแค่เจ้าของร้านอาหาร แต่ต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาลุยทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัวด้วยการขยายสาขาทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์และการลงทุนเปิดสาขาเอง 

     “ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าจะโตไปอีกขั้น เราจะไม่มากรุงเทพฯ คงไม่ได้”  

ด้วยความคิดนี้เธอจึงเลือกทำเลเปิดสาขาที่อารีย์ย่านที่ประชากรหนาแน่น อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจมายังกรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมของคนกรุงเทพฯ แตกต่างไปจากชลบุรี   

     “เชื่อไหมก่อนจะเปิดโกปี๊ฮับ สาขาอารีย์  2 สัปดาห์ ออมไปเดินกับน้องพนักงานที่ซอย 1 แล้วสั่งฟองเต้าหู้ที่ทอดขายอยู่ข้างทาง เขาขายราคา 100 บาท แต่ในตอนนั้นเราขายฟองเต้าหู้แค่ 49 บาท ก็คิดว่าเราจะขายราคานี้ที่นี่ไม่ได้ เพราะว่าค่าเช่าตรงนี้ก็แพงมาก เลยตัดสินใจปรับแบรนด์ภายใน 2 สัปดาห์นั้น เปลี่ยนเมนู ยกระดับวัตถุดิบให้พรีเมียมขึ้น แล้วกำหนดราคาที่เหมาะสมกับตลาด เป็นโกปี๊ฮับ Prime ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่เมนูติ่มซำพรีเมียม และวัตถุดิบที่สาขาอื่นไม่มี”

     ปัจจุบัน โกปี๊ฮับมีทั้งหมด 6 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาที่ลงทุนและบริหารเอง 3 สาขา และแฟรนไชส์อีก 3 สาขา โดยแม้จะมีผู้สนใจสมัครแฟรนไชส์มากกว่า 2,000 ราย แต่การคัดเลือกเป็นไปอย่างเข้มงวด เพราะให้ความสำคัญกับคุณภาพและแนวคิดของผู้ลงทุน โดยออมเชื่อว่าธุรกิจแฟรนไชส์ที่ดี  ไม่ใช่แค่การขยายสาขา แต่ต้องเติบโตไปด้วยกัน  

สูตรความสำเร็จของโกปี๊ฮับ

     ยากที่จะปฏิเสธว่าธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่มีการแข่งขันสูง มีร้านใหม่ๆ เปิดขึ้นทุกวัน และหลายร้านก็ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่โกปี๊ฮับสามารถเติบโตและขยายสาขาได้อย่างแข็งแกร่ง ออมมองว่าความสำเร็จของโกปี๊ฮับ ไม่ได้มาจากสูตรลับอะไร แต่เกิดจากการผสมผสานหลายปัจจัยที่ทำให้แบรนด์นี้แตกต่างและยั่งยืน

     "ถ้าถามว่าอะไรคือ Key Success ของโกปี๊ฮับ มันไม่ใช่แค่กาแฟอร่อยหรือติ่มซำดีอย่างเดียว แต่คือความคุ้มค่า อาหารอร่อย คุณภาพดี บริการดี บรรยากาศดี ไปจนถึงการบริหารจัดการหลังบ้าน คือเป็นทั้งหมดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า” 

     ทั้งนี้ สามารถสรุปสูตรสำเร็จของโกปี๊ฮับ ได้ดังนี้

     - มีเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน โกปี๊ฮับไม่ใช่แค่ร้านติ่มซำธรรมดาๆ แต่เป็นติ่มซำในสไตล์คาเฟ่ ที่มีบรรยากาศสภากาแฟโบราณ ซึ่งมีเสน่ห์เฉพาะตัว  

     - เข้าใจตลาดและกลุ่มลูกค้า จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ 

     - ปรับตัวเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เช่น การวางกลุ่มเป้าหมายผิดในตอนแรก แต่สามารถปรับตัวได้เร็วและเรียนรู้จากลูกค้าทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น

     - การบริหารระบบหลังบ้านอย่างมืออาชีพ เบื้องหลังความสำเร็จของโกปี๊ฮับคือระบบที่มีมาตรฐาน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การควบคุมคุณภาพอาหาร ไปจนถึงการจัดการพนักงาน

     - การคัดเลือกแฟรนไชส์ที่มีคุณภาพ แม้จะมีคนสมัครแฟรนไชส์มากกว่า 2,000 ราย แต่เลือกพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดและทัศนคติที่ตรงกับแบรนด์เท่านั้น

3 สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องมี

     การเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ใช่แค่มีไอเดียดีหรือมีเงินลงทุน แต่ต้องมีทักษะและวิธีคิดที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต ออมเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากประสบการณ์ตรง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่ทุกอย่างยังไม่เข้าที่ จนถึงวันที่โกปี๊ฮับกลายเป็นธุรกิจที่มั่นคง ซึ่งออมได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจว่า 

     1.ต้องมีความเข้มแข็ง 

     “คือเราต้องให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าเจอปัญหาอะไรเราก็ต้องสู้”

    2. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ต้องเปิดกว้าง และเติมเต็มในสิ่งที่ขาด 

     “เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อย่างออมไม่มีความรู้ด้านการเงิน บัญชี  ก็ต้องไปเรียนเพิ่ม หรือล่าสุดก็ไปเรียนเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานเพื่อบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"

     3. บริหารการเงินอย่างเป็นระบบ

     "หลายคนเอาเงินธุรกิจมาปะปนกับเงินส่วนตัว ซึ่งอันตรายมาก เราแยกบัญชีชัดเจนตั้งแต่วันแรก ทำให้รู้ว่าต้นทุนอยู่ตรงไหน กำไรอยู่ตรงไหน"

ก้าวต่อไปสร้างรากฐานที่มั่นคง

     หลังจากขยายสาขาอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ออมตระหนักว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่จำนวนสาขาเพียงอย่างเดียว แต่คือการมีระบบที่มั่นคงและทีมงานที่แข็งแกร่ง ปีนี้เธอจึงตัดสินใจชะลอการขยายสาขาใหม่เพื่อกลับมาโฟกัสที่การพัฒนาคน และสร้างระบบภายในให้แข็งแรงขึ้น 

     “ออมอยากทำธุรกิจแบบให้มั่นคงจริงๆ ไม่ฉาบฉวย ไม่อยากเป็นนักบู๊ที่ลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว เลยจะหยุดการขยายสาขาแล้วมาเซตทีมงานให้มั่นคง จากนั้นค่อยกลับไปขยายสาขาต่อ ซึ่งคิดว่าจะไปจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ให้ครบ เช่นขอนแก่น เชียงใหม่ หรือจะเป็น Landmark ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น”

     นอกจากนี้ ล่าสุดออมยังได้เปิดธุรกิจใหม่เป็นร้านอาหารใต้ชื่อเอมอันดาที่จ.ชลบุรี เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ยังไม่มีร้านอาหารใต้ดีๆ ในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จเธอมีแนวคิดที่จะขยายร้านอาหารใต้มายังกรุงเทพฯ ในเร็วๆ นี้ ...และนี่อาจเป็นอีกก้าวสำคัญในอนาคต

     ข้อมูลติดต่อ :

     https://www.facebook.com/kopihub

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน