Egg Shield ครีมกันแดดจากเปลือกไข่ เจ้าแรกของโลก ต่อยอดวัสดุเหลือใช้ ดีต่อสิ่งแวดล้อม

Text : Nitta Su.


     รู้ไหม? ว่าเปลือกไข่ที่เหลือทิ้งจากการเอาไปทอดไข่ดาว ทำไข่เจียว เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหาร และขนมต่างๆ มากมายจะมีคุณสมบัติสุดพิเศษ สามารถช่วยปกป้องแสงแดดได้ ล่าสุดทำเป็นครีมกันแดดออกมาจำหน่ายแล้ว จากฝีมือผู้ประกอบการไทยคนรุ่นใหม่ ภายใต้แบรนด์ “Egg Shield” ที่แปลว่า เกราะป้องกันจากเปลือกไข่ เป็นเจ้าแรกของโลก ทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด แถมยังไม่มีสารเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมส่งออกตลาดต่างประเทศเร็วๆ นี้

จากข้าวไข่เจียว สู่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าเปลือกไข่เหลือทิ้ง

     สุธีกานต์ จอประเสริฐกุล, นพเก้า แซ่เขา และ อิสริยาภรณ์ ศรสุวรรณ 3 ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เล่าจุดเริ่มต้นไอเดียการนำเปลือกไข่มาผลิตเป็นครีมกันแดดให้ฟังว่า เกิดจากการที่ สุธีกานต์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งได้ร่ำเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จึงอยากใช้วิชาความรู้ที่มีต่อยอดทำธุรกิจ ด้วยความที่เป็นคนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและเป็นสายรักษ์โลกอยู่แล้วทั้งทีม จึงพยายามมองหาวัสดุเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นมา โดยตั้งธงไว้ว่าต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำร้ายโลก

     “มันเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญมาก ที่วันนั้นเราไปคาเฟ่และก็สั่งข้าวไข่เจียวมากิน นั่งคุยกันไปมา อยู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นเปลือกไข่ที่ถูกทิ้งไปเปล่าๆ เลยเกิดไอเดียว่าเราน่าจะสามารถเอามาต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ด้วยความที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว เลยทำให้รู้ว่าในเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มเอ็มบริโอ (Embryo) หรือตัวอ่อนอยู่ สามารถช่วยปกป้องแสงยูวีได้ เพื่อ รักษาอุณหภูมิของตัวอ่อนให้เหมาะสม เลยคิดกันว่าถ้าอย่างนั้นน่าจะช่วยปกป้องผิวเราได้เช่นกัน ก็เลยลองไปค้นงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเช็คดูว่าใช่อย่างที่คิดไว้ไหม ปรากฏว่ามีงานวิจัยรองรับอยู่บ้าง

     “จากนั้นก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมของครีมกันแดดที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งเราพบปัญหาหนึ่งว่าในครีมกันแดดส่วนใหญ่มีสารที่ชื่อว่า “ไทเทเนียมไดออกไซด์” มีคุณสมบัติสะท้อนรังสียูวีได้ดี แต่หากถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำปริมาณมากๆ อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้ ในขณะที่เปลือกไข่มี “แคลเซียมคาร์บอนเนต” อยู่ถึง 95% มีประสิทธิภาพการสะท้อนแสงยูวีได้เช่นกัน ที่สำคัญสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เลยเป็นที่มาของการทดลองทำครีมกันแดดจากสารสกัดในเปลือกไข่ ซึ่งลองเช็คข้อมูลดูแล้ว ยังไม่เคยมีใครทำขึ้นมาก่อน” ทั้งสามเล่าที่มาให้ฟัง

คาเฟ่ ร้านเบเกอรี แหล่งวัตถุดิบชั้นดี ช่วยแก้ปัญหาขยะ

     นพเก้า หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเล่ากระบวนการนำเปลือกไข่มาผลิตเป็นครีมกันแดดให้ฟังว่า เบื้องต้นจะรับเปลือกไข่มาจากร้านเบเกอรี, คาเฟ่ ที่เข้าไปติดต่อขอให้เก็บไว้ให้ จากนั้นจะนำมาล้างทำความสะอาด และฆ่าเชื้อ ผึ่งให้แห้ง เสร็จแล้วจึงลอกเอาเฉพาะเยื่อบางๆ ที่อยู่ในเปลือกไข่ออกมา ผ่านกรรมวิธีบดละเอียด เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในเนื้อครีมกันแดด โดยใช้โรงงานผลิตของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งกว่าจะได้สูตรที่ลงตัว ผ่านการคิดค้นขึ้นมามากกว่า 7-8 สูตร

     “ถึงจะรู้ว่าในเปลือกไข่จะมีสารที่ช่วยป้องกันรังสียูวีได้ แต่กว่าจะได้ส่วนผสมที่ลงตัว ไม่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป สามารถป้องกันแดดได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเหมาะกับการใช้งานจริง โดยเราใส่เป็นส่วนผสมลงไปเพียงแค่ 2% เท่านั้น เพื่อให้เนื้อสัมผัสโอเค ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว สำหรับประสิทธิภาพในการกันแดด จากผลทดลองห้องแลปจริงๆ แล้วเราสามารถพัฒนาขึ้นมาจนได้ถึง SPF 107 เลย แต่ด้วยกฎหมาย ทำให้สามารถใส่ได้สูงสุดแค่ SPF 50+”

ครีมกันแดดที่แคร์โลก

     นอกจากจะผลิตขึ้นมาจากวัสดุเหลือทิ้งอย่างเปลือกไข่ ช่วยลดขยะ นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้แล้ว เจ้าของแบรนด์ Egg Shield ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ด้วย โดยนอกจากในเปลือกไข่จะมีสารช่วยทดแทนไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยปกป้องรังสียูวี แต่อาจทิ้งสารตกค้างในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ ทางแบรนด์ยังศึกษาระเบียบของอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ได้ออกกฎข้อห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีต้องห้ามชนิดต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำด้วย เรียกว่าคิดมาเพื่อโลกจริงๆ

     “เราให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยศึกษาไปถึงกฎข้อห้ามต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติเลย เขาห้ามอะไรบ้าง เราก็หลีกเลี่ยงไม่ใช้ ซึ่งของไทยจะมีประมาณ 4 ตัว แต่เราเลือกอิงจากอุทยานแห่งชาติของต่างประเทศด้วยเลย มีทั้งหมดประมาณ 12-13 ตัว เพื่อป้องกันแบบสูงสุดไปเลย ปลอดภัยทั้งคนใช้ สัตว์น้ำ และสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญถ้าวันหนึ่งจะขยายไปตลาดต่างประเทศ ก็สามารถทำได้เลย เพราะเราเลือกทำแบบสูงสุดไปแล้ว 

     “และถ้าเป็นไปได้ในอนาคตเราก็อยากเป็นแบรนด์ที่รักษ์โลกอย่างแท้จริง ทุกอย่างกระบวนการผลิต ทุกผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องแพ็กเกจจิ้ง ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ยังเป็นธุรกิจเล็กๆ เราก็ใช้แบบที่มีอยู่ทั่วไป แต่วันหนึ่งถ้าธุรกิจดีขึ้น ก็อยากปรับให้เป็นแบบที่ย่อยสลายได้ทั้งหมด”

     ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Egg Shield จะมี 2 ด้วยกัน ได้แก่ สูตรสำหรับผิวกาย และผิวหน้า เป็นครีมกันแดดแนวสปอร์ต เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดัง อาทิ Shopee, Lazada ราคาอยู่ที่ประมาณ 600-900 บาท เรตเดียวกับเครื่องสำอางรักษ์โลก

     โดยนอกจากทำผลิตภัณฑ์สารสกัดจากเปลือกไข่ อนาคตหุ้นส่วนทั้งสามคนยังมองไปถึงการนำวัสดุเหลือใช้อื่นๆ ในท้องที่ของจังหวัดเชียงรายมาทำให้เกิดประโยชน์เช่นกัน อาทิ สัปปะรดภูแล เป็นต้น

     “เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเราจดทะเบียนในนาม บริษัท บลูมาร์เบิล โซลูชั่น จำกัด อนาคตถ้ามีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยากแตกไลน์ขยาย ก็สามารถทำได้ เพราะเราพยายามคิดกันตลอดเวลาว่า มีวัตถุดิบท้องถิ่นที่อยู่รอบตัวอะไรอีกบ้าง ที่เป็นวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ และสามารถนำมาต่อยอดได้ เราไม่ได้อยากอยู่แค่ในประเทศ แต่อยากกระจายไปได้ทั่วโลก เพราะถ้ายิ่งมีคนใช้กันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งช่วยโลกได้มากขึ้นเท่านั้น” เจ้าของแบรนด์ Egg Shield ทั้งสามเกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

     ข้อมูลติดต่อ

     FB : https://www.facebook.com/bluemarbleearthfriendly

     โทร. 096-416-1652

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

เมื่อคำว่า “Luxury” สิ้นมนต์ขลัง สูตรลับใหม่แบรนด์ระดับโลก ทำให้สินค้าดูแพงโดยไม่ต้องพูดว่าหรู

ทำไมแบรนด์หรูระดับโลก ตั้งแต่ Hermès,Porsche และ LVMH ถึงเลิกพูดคำว่า Luxury และเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง “ความพิเศษ” ..นี่คือสูตรลับที่แบรนด์ระดับโลกกำลังใช้  กลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าดูแพงขึ้น แม้ไม่ต้องพูดคำว่า Luxury

Top Table บาร์ปิงปอง มิติใหม่การแฮงค์เอาท์ เมื่อโค้ชกีฬาผันตัวมาทำธุรกิจ ฮอต! จนคืนทุนได้ใน 2 เดือน

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถดื่มแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้ออกกำลังกาย มีเกมสนุกๆ ให้เล่นได้ด้วย “Top Table” บาร์ปิงปองแห่งแรกของสิงคโปร์ ที่ผสมผสานระหว่างกีฬา การดื่ม และพบปะสังสรรค์ได้อย่างลงตัว

BaanRung จากโรงเก็บของสู่คาเฟ่ตัวท็อป สูตรลับธุรกิจที่เริ่มได้แม้ไม่มีทุนมหาศาล

หลายธุรกิจไม่ได้เริ่มต้นจากทุนมหาศาลหรือทำเลทอง แต่เริ่มจาก พื้นที่เล็กๆ หน้าบ้าน ดังเช่น “บ้านรุ่ง” ที่เปลี่ยนพื้นที่เล็กๆหน้าบ้านที่ถูกมองข้ามให้กลายเป็นคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายของความโฮมมี่