ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) ประจำปี 2568 ซึ่งจัดทำร่วมกับบริษัท Boston Consulting Group (BCG) พบว่าผู้บริโภคไทย 39% มองเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเชื่อมั่น เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน แต่ยังคงบริหารการเงินอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยเฉพาะในหมวด สุขภาพ การศึกษา และคุณภาพชีวิต ที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนแนวโน้มการใช้ชีวิตอย่างมีสติและมองไกลเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น แต่ยังคงระวังการใช้จ่าย
ยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจปีนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่รักษาสมดุลระหว่างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและความรอบคอบทางการเงิน
“เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้จ่ายเพื่อพัฒนาตนเองและดูแลสุขภาพ สะท้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันนี้ พร้อมกับการเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
ด้าน จอห์น วากเนอร์ กรรมการผู้จัดการและพาร์ทเนอร์ บีซีจี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า แม้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับต่ำตามคาด
“ผู้บริโภคเริ่มกังวลกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถปรับตัวได้ดี โดยเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่เพียงเปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโต แต่ยังนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ที่ผู้บริโภคและผู้กำหนดนโยบายต้องรับมือ”
คนไทยใช้จ่ายเพื่อ “ประสบการณ์” มากขึ้น แม้ยังเผชิญแรงกดดันค่าครองชีพ
ผลสำรวจของยูโอบีระบุว่า ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันหลักต่อผู้บริโภคไทย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้มีกำลังซื้อสูงยังคงใช้จ่ายเพื่อ “ประสบการณ์ชีวิต” มากขึ้นใน 3 หมวดหลัก ได้แก่
- ความบันเทิง เพิ่มขึ้น 23%
- การรับประทานอาหาร เพิ่มขึ้น 17%
- การท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น 13%
กว่า 3 ใน 4 ของผู้บริโภคไทย มองว่าการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และไลฟ์สไตล์เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่ให้ความสำคัญกับความสุขและคุณภาพชีวิตมากกว่าการครอบครองสิ่งของ
จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและภาระทางการเงินในอนาคต โดยเฉพาะผลกระทบจาก ภาวะเงินเฟ้อ ภาษีของภาครัฐ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้รายจ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 8,900 บาทต่อเดือน มีการตอบสนองต่อเงินเฟ้อ คือ
- 48% ของผู้บริโภคติดตามการใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด
- 45% มองหาส่วนลดสินค้า
ขณะที่กลุ่มมีกำลังซื้อสูงใช้จ่ายกว่า 41,000 บาทต่อเดือน มีการตอบสนองต่อเงินเฟ้อ คือ
- 30% ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
- 27% มองหาแหล่งรายได้เสริม
ผู้บริโภคไทยกลับมีพฤติกรรมที่เน้น “ความคุ้มค่า” มากขึ้น โดยใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานขึ้นถึง 8% เมื่อเทียบกับภูมิภาค และหันมาใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการซื้อสินค้าสูงขึ้น 13%
สุขภาพ การศึกษา และคุณภาพชีวิต คือหมวดใช้จ่ายที่ขยายตัวสูง
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำวัน ผู้บริโภคไทย 44% รายงานว่ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้าน การศึกษา สุขภาพ และคุณภาพชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้ม “Longevity Economy” ที่เน้นการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
ผลสำรวจยังพบว่า คนไทยมากกว่าครึ่งต้องการเกษียณเมื่ออายุ 51–60 ปี ขณะที่กลุ่มมีกำลังซื้อสูงตั้งเป้ามีเงินเกษียณไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อรักษาคุณภาพชีวิตในระดับเดิม ส่วนค่าเฉลี่ยของคนไทยทั่วไปอยู่ที่ 3.9 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแผนชีวิตหลังเกษียณ โดยหันมาเตรียมเงินสำหรับดูแลสุขภาพระยะยาว เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี อาหารเสริม และฟิตเนส เพื่อให้ “ชีวิตยาวขึ้นอย่างมีคุณภาพ”
โซเชียลมีเดีย จากพื้นที่ขายของ สู่พื้นที่สร้างการมีส่วนร่วม
ผลสำรวจ ACSS 2568 พบว่า 45% ของผู้บริโภคไทยซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกัน 47% ใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น โดยส่วนหนึ่งเข้าร่วม ไลฟ์สตรีมเพื่อความบันเทิงและการเปรียบเทียบสินค้า มากกว่าซื้อทันที ทำให้ยอดขายในทันทีลดลง แต่กลับช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและการจดจำแบรนด์ในระยะยาว
เพื่อสนับสนุนผู้บริโภคให้บริหารการเงินได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยูโอบีได้นำเทคโนโลยี AI มาพัฒนาฟีเจอร์ Smart Insights บนแอป UOB TMRW เพื่อช่วยติดตามพฤติกรรมการใช้จ่าย แจ้งเตือนค่าใช้จ่ายล่วงหน้า และให้คำแนะนำด้านการเงินอย่างเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
คนรุ่นใหม่ออมมากขึ้นแต่ยังต้องเสริม “วินัยทางการเงิน”
ผลสำรวจพบว่า 87% ของผู้บริโภคไทยมั่นใจในการบริหารเงินของตนเอง และกว่า 74% มีการออมเกิน 10% ของรายได้ต่อเดือน โดยในกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ตัวเลขนี้เพิ่มเป็น 88%
ข้อมูลจากยูโอบีสะท้อนแนวโน้มเดียวกัน โดยพบว่ายอดเงินฝากของลูกค้ามีกำลังซื้อสูงเติบโตขึ้น 21% และกลุ่ม Gen Z มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของบัญชีเงินฝาก ด้วยอัตราการเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึง 48%
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านวินัยทางการเงินยังคงมีอยู่ โดย 85% ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ยอมรับว่ายังเลือกใช้ชีวิตให้มีความสุขในปัจจุบันก่อน ขณะที่ 76% ของ Gen Y และ 82% ของ Gen Z ระบุว่าความกดดันจากสังคมและเพื่อนเป็นอุปสรรคต่อการออมอย่างต่อเนื่อง
ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนภาพว่า ผู้บริโภคไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของ “พฤติกรรมทางการเงิน” จากเดิมที่เน้นเพียงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สู่การใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตและความสุขที่ยั่งยืนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สิน การออม และการวางแผนเกษียณ ยังคงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างมั่นคง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี