สินทรัพย์สุทธิและเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ





เรื่อง : อชิระ ประดับกุล
        
                
    โดยปกติทั่วไปงบการเงินที่แสดงถึงฐานะการเงินของกิจการที่เรียกกันว่า ‘งบดุล’ (ปัจจุบันเรียกว่า งบแสดงฐานะการเงิน) จะมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 

    1.สินทรัพย์ เช่น เงินสด, เงินฝากธนาคาร, ลูกหนี้การค้า, สินค้าคงเหลือและที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ เป็นต้น

    2.หนี้สิน ได้แก่ เจ้าหนี้การค้า รายจ่ายค้างจ่ายและเงินกู้ระยะยาว

    3.ส่วนของเจ้าของหรือส่วนของผู้ถือหุ้น เช่น ทุน, หุ้นทุน กำไรสะสม ต่างๆ

    แต่ ‘สินทรัพย์สุทธิ’ ที่ว่าไว้ในที่นี่นั่นหมายถึง ผลแตกต่างระหว่าง สินทรัพย์กับหนี้สิน หรือ สินทรัพย์สุทธิ = สินทรัพย์ – หนี้สิน

    เพราะบางคนอาจเข้าใจไปว่าการที่ตนมีสินทรัพย์มาก หมายถึงกิจการมีฐานะทางการเงินที่ดี แต่ลืมนึกไปว่าขณะเดียวกันนั้นเองก็มีหนี้สินอยู่มิใช่น้อยที่แบกรับภาระอยู่  ทำให้สินทรัพย์ที่ตนมีอยู่จริงและเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจริงๆ แบบปลอดภาระ มีน้อยกว่าตัวเลขที่เห็นในงบแสดงฐานะการเงินที่แสดงอยู่ เช่น


  

    จากตัวอย่างที่ 1  ดูเหมือนกับว่า กิจการแห่งนี้มีสินทรัพย์อยู่ไม่น้อยทีเดียวเชียวละครับ ตั้ง 900,000 บาท แต่เมื่อพิจารณาดูอีกฝั่งก็พบว่า กิจการก็มีหนี้สินอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งหนี้สินหมุนเวียนและหนี้สินไม่หมุนเวียนที่รวมกันแล้วมีมากถึง 300,000 บาท  หรือเมื่อเทียบกับสินทรัพย์แล้ว คือ มีมากถึง 33 เปอร์เซ็นต์ หรือก็คือ มีสินทรัพย์สุทธิ เพียง 600,000 บาท เท่านั้น  สรุปแล้วงานนี้สินทรัพย์ของกิจการจริงๆ ก็มีไม่มากอย่างที่ตาเห็น   หรือพิจารณาอีกทอดหนึ่งได้ว่า กิจการมีสินทรัพย์สุทธิเท่ากับส่วนของผู้ถือหุ้นที่ได้ลงทุนไป 

    ในทางธุรกิจนั้น มักจะพิจารณาละเอียดไปถึงขั้นที่ว่าพิจารณากันที่ ‘เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ’ เพราะเป็นรายการที่ใช้ระยะเวลาหมุนเวียนในทางธุรกิจไม่เกิน 1 ปี โดยดูเฉพาะรายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียนเท่านั้น เนื่องด้วยเพราะว่า เป็นการพิจารณาเงินทุนหมุนเวียน ที่ใช้ในการดำเนินของกิจการว่าได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น



 
จากตัวอย่างที่ 2 จะเห็นได้ว่ากิจการมีสินทรัพย์หมุนเวียนสุทธิ เป็นบวกเท่ากับ 50,000 บาท นั่นคือ
              
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ  = สินทรัพย์หมุนเวียน – หนี้สินหมุนเวียน
= 150,000 – 100,000
=   50,000 บาท

    หากพิจารณาจากตัวอย่างข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า กิจการดังกล่าวมีการลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน 150,000 บาท ในขณะที่มีการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนหรือหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 100,000 บาท โดยลักษณะดังกล่าวทำให้เห็นว่ากิจการมีสภาพคล่องในการดำเนินค่อนข้างดี (มีสินทรัพย์หมุนเวียนที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเงินสดได้มากกว่าหนี้สินหมุนเวียน) หรืออีกนัยหนึ่ง คือมีการจัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะยาว (หนี้สินไม่หมุนเวียน) มาลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนบางส่วนด้วย

     ส่วนกรณีที่เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ มีค่าเป็น ‘ลบ’ นั้น แสดงว่ากิจการมีรายการสินทรัยพ์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินหมุนเวียน คือมีการจัดหาเงินทุนระยะสั้น เพื่อนำมาลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนบางส่วนด้วยเช่นกัน

    และหากกรณีที่ เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ มีค่าเป็น ‘ศูนย์’ แสดงว่า กิจการมีการลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนเท่ากับหนี้สินหมุนเวียน หรือบริหารจัดการอย่างลงตัวพอดิบพอดีทั้งสองรายการ ทำให้ไม่เกิดภาวะความเสี่ยงใดๆ จากการจัดหาเงินทุน

    แต่ไม่ว่าจะเป็น สินทรัพย์สุทธิ หรือ เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ ก็ตาม ค่าของผลลัพธ์ที่ได้นั้น อาจขึ้นอยู่กับความแตกต่างของธุรกิจ และนโยบายในการจัดหาเงินทุนและจัดการตามแนวทางการดำเนินของบริษัท โดยอย่างน้อยไม่ควรให้ค่าดังกล่าวมีค่า ‘ติดลบ’ น่าจะเป็นนโยบายที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นอาจหมายถึงการมีหนี้สิน/หนี้สินหมุนเวียน มากกว่า สินทรัพย์/สินทรัพย์หมุนเวียน ซึ่งไม่ถือเป็นผลดีต่อกิจการเอาเสียเลย

SME Thailand เพื่อนคู่คิด ธุรกิจเอสเอ็มอี
ติดตามข้อมูลดีๆ สำหรับ SMEs ได้ที่ www.smethailandclub.com

 
 
                


RECCOMMEND: FINANCE

ใครเก็บเงินไม่เคยอยู่!   มาดู 6 แนวคิดการออมฉบับเด็กมัธยม ที่ง่ายจนผู้ใหญ่บางคนยังคิดไม่ถึง

ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วมันหัวหมุนไม่รู้จะจัดการทางการเงินยังไง? มาหาคำตอบได้จาก วิน – ภาสวิน ตันตินิติ นักการเงินวัย Teen ที่จะเฉลยให้รู้ว่า แค่มีเบสิกแน่นๆ และลงมือทำอย่างจริงจัง เรื่องการเงินที่ใครก็ว่ายาก อาจจะไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเสมอไป

EXIM BANK เปิดตัว “EXIM 2X” ปั้น GEN Y สู่เวทีการค้าโลก

EXIM BANK เดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ GEN Y เจ้าของธุรกิจและทายาทรุ่นใหม่ สู่การเป็นนักรบเศรษฐกิจบนเวทีโลก ผ่านหลักสูตร “EXIM 2X” ที่มุ่งสร้างผู้ส่งออกไทยรายใหม่ปีละกว่า 100 บริษัท

ปิดตายจุดเสี่ยง 6 Trick ป้องกันทุจริตการเงินง่ายๆ ในธุรกิจ

เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร…การรอบคอบ ป้องกันเอาไว้ก่อน คือ สิ่งดีที่สุด นอกจากจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ยังเป็นการช่วยปิดความเสี่ยง ยิ่งปิดได้มากเท่าไหร่ ธุรกิจก็ปลอดภัย ดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นเท่านั้น