เมื่อพูดถึงองค์กรขนาดใหญ่ หลายคนอาจนึกถึงโครงสร้างที่เต็มไปด้วยตำแหน่งผู้จัดการและสายการบังคับบัญชาซับซ้อน แต่ไม่ใช่กับ The Morning Star Company บริษัทแปรรูปมะเขือเทศรายใหญ่ที่สุดในโลกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่เลือกบริหารงานโดย “ไม่มีหัวหน้า” (No Bosses) และใช้ Self-Management เป็นหลักการสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่ง “การไม่มีหัวหน้า” ไม่ได้แปลว่าองค์กรไร้ทิศทาง หากแต่เป็นการสร้างระบบที่ทำให้ทุกคนเป็นเจ้าของงานจริงๆ ผ่านเครื่องมือของบริษัทฯ และวัฒนธรรมที่ยึดถือความสมัครใจและการรักษาสัญญา
แนวคิดจากความฝันสู่ระบบไร้หัวหน้า
Morning Star เป็นบริษัทแปรรูปมะเขือเทศรายใหญ่ของสหรัฐฯ ก่อตั้งในปี 1970 โดย Chris Rufer ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 400 คน บริษัทเชี่ยวชาญการผลิตผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซัลซ่า และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ จนกลายเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักให้กับแบรนด์อาหารระดับโลกหลายแห่
Chris J. Rufer ผู้ก่อตั้ง Morning Star เชื่อว่าการบังคับบัญชาแบบบนลงล่าง (top-down) ไม่ได้ทำให้คนทำงานดีขึ้น แต่การมอบอิสระ ความไว้วางใจ และความรับผิดชอบให้พนักงานต่างหาก ที่จะสร้างพลังการทำงานอย่างแท้จริง
แนวคิดนี้จึงถูกนำมาสร้างระบบ Mission-Focused Self-Management ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนกำหนด “ภารกิจเชิงพาณิชย์ส่วนตัว” (Personal Commercial Mission) ของตัวเอง การหรือง่ายๆ คือกำหนดเป้าหมายงานของตนเองให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัท ซึ่งช่วยสร้างความรับผิดชอบ ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด สิ่งนี้เปรียบเสมือน “สัญญาใจ” ของตัวเองกับองค์กร ว่าจะทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ชัดเจน โดยไม่ต้องรอให้หัวหน้ามาสั่ง
CLOU หัวใจของการจัดการแบบ Self-Management
หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ระบบนี้ขับเคลื่อนได้จริงคือ CLOU (Colleague Letter of Understanding)
CLOU คือเอกสารข้อตกลงที่พนักงานเขียนขึ้นเอง และทำความตกลงกับเพื่อนร่วมงานโดยตรง ไม่ใช่หัวหน้า จุดประสงค์คือเพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่ามีภาระหน้าที่อย่างไรและรู้ว่าใครมีความรับผิดชอบต่อส่วนใดบ้าง เช่น ใครทำอะไร ส่งมอบอะไร ใครที่ต้องประสานงาน และเป้าหมายคืออะไร
สิ่งที่ CLOU ต้องมี คือ
1. Mission ภารกิจส่วนตัวของพนักงานคนนั้น
2. Activities งานหลักที่ต้องรับผิดชอบ
3. Steppingstones ตัวชี้วัดหรือเป้าหมายที่ใช้วัดความสำเร็จ
4. Colleagues & Customers รายชื่อเพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่รับงานต่อไป
5. Performance Criteria –เกณฑ์การวัดผลงาน เช่น คุณภาพ เวลา ต้นทุน หรือมาตรฐานความปลอดภัย
ทุกคนใน Morning Star ต้องมี CLOU ของตัวเอง และอัปเดตทุกปี เพื่อสะท้อนบทบาทและภารกิจที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ธุรกิจ
หลักการขับเคลื่อน ความสมัครใจและการรักษาสัญญา
ระบบ Self-Management ของ Morning Star ยึดอยู่บนสองเสาหลักสำคัญ
1. Voluntary Interactions กการติดต่อ การขอความช่วยเหลือกัน การทำงานร่วมกันต้องเกิดจากความสมัครใจ ไม่ใช่การสั่งการ
2. Honor Commitments ถ้าตกลงกันว่าจะทำอะไร ต้องทำให้ได้ตามที่ตกลงไว้ การรักษาคำมั่นสัญญาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนี่คือรากฐานความไว้วางใจในทีม
หากเกิดความขัดแย้ง พนักงานจะต้องแก้ไขกันเองก่อน และหากไม่สำเร็จ สามารถอาศัยบุคคลที่ 3 หรือคณะเพื่อนร่วมงาน (peer panel) มาช่วยเป็นที่ปรึกษาแทนการใช้คำสั่งจากหัวหน้า
ผลลัพธ์ของการบริหารแบบ Self-Management
โครงสร้างแบบไร้หัวหน้าของ Morning Star ไม่ได้ทำให้บริษัทวุ่นวาย แต่กลับสร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่น่าสนใจ
- ความรับผิดชอบสูงขึ้น เพราะทุกคนต้องรับผิดชอบต่อภารกิจของตัวเอง
- ความยืดหยุ่นในการทำงาน พนักงานสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีทำงานหรือขอบเขตงานตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
- ความโปร่งใส ขอบเขตและเป้าหมายถูกบันทึกไว้ใน CLOU อย่างชัดเจน ทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับความคลุมเครือ
- การเติบโตอย่างต่อเนื่อง Morning Star ขยายจนกลายเป็นผู้แปรรูปมะเขือเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มา : - www.morningstarco.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี