คิดอย่างไร ให้ธุรกิจมั่นคง



           ท่านผู้อ่านที่สนใจใฝ่หาความรู้เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ คงพอเห็นภาพว่าการเป็นนักลงทุนกับการเป็นพ่อค้าวาณิช แตกต่างกันอย่างไร แต่กระนั้น อาจมีบางครั้งที่เมื่อเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง ปัจจัยหลายประการกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เราหลงลืมความแตกต่าง ระหว่างการเป็นนักลงทุนกับการเป็นพ่อค้า



            ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องแปลก แนวคิดแบบนักลงทุนใช่ว่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของความสำเร็จ ในธุรกิจบางอย่าง แนวคิดแบบพ่อค้าวาณิชอาจช่วยให้แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางครั้งก็ต้องผสมผสานวิธีการทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วอย่างไหนจึงจะเรียกว่าเหมาะสม อย่างไรถึงจะเรียกว่าถูกที่ถูกเวลา


           ในส่วนของธุรกิจที่ต้องอาศัยการลงทุนนั้น คงไม่จำเป็นต้องระบุว่ามีอะไรบ้าง หากแต่เราควรมามองเรื่องของแนวคิดในการลงทุนว่าอย่างไร คือ การลงทุน หลายครั้งเจ้าของธุรกิจเจอปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งบางรายรู้ว่าเกิดปัญหาก็ตอนเดินทางไปถึงปลายน้ำแล้ว ส่วนบางรายโชคดีหน่อยก็จะเห็นปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ



           เรื่องนี้สำคัญ การเริ่มจากต้นน้ำแม้จะดูเหมือนมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็ถือเป็นการลงทุน ส่วนหากธุรกิจคุณเกิดปัญหาเมื่อตอนปลายน้ำแล้ว เรียกได้ว่าบางรายเกิดปัญหาสลับซับซ้อนจนแก้เองไม่ได้ และต้องหามืออาชีพเข้ามาช่วยแก้ไขให้ ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาแก้บางครั้งอาจจะต้องกลับไปแก้ตั้งแต่ต้นทาง หรือบางกรณีอาจต้องใช้เวลามากกว่าการวางโครงสร้างพื้นฐานเสียอีก



           แอบบอกนิดหนึ่งว่าค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาแพงมาก เพราะเป็นงานที่ผู้รับงานเป็นผู้เลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ คงพอมองออกว่าใครที่จะเป็นผู้มีอำนาจต่อรองในกรณีนี้


           ในเมืองไทย เรื่อง R&D แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่ความเข้าใจที่มีต่อเรื่องนี้จากผู้ประกอบการ จากภาคอุตสาหกรรม ยังเป็นไปแบบครึ่งๆ กลางๆ (ค่อนไปทางครึ่งไม่เข้าใจเสียมากกว่า)



           ส่วนใหญ่ยังคงมองเรื่องการวิจัยเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองงบประมาณ สิ้นเปลืองเวลา ก็แหม ประสบการณ์ทางธุรกิจที่มีมาทั้งชีวิต สำเร็จขนาดออกเบนซ์รุ่นใหม่ได้ทุกเวลา ทำไมต้องมานั่งหาข้อมูลอะไรให้ยุ่งยากด้วย แค่นั่งดีดลูกคิดในรางแก้ว แป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าถ้าซื้อมาเท่านี้ ขายไปเท่านั้น จะได้กำไรเท่าไหร่



           แบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่หากยังคงใช้วิธีนั้นอยู่ ไม่ช้าก็เร็ว คู่แข่งที่ (ตอนนี้อาจยังไม่เกิด) มองเห็นโอกาสทางธุรกิจเช่นเดียวกับเรา แต่ใช้การวิจัยและพัฒนาเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับองค์กรของเขา เห็นจุดดีของเรา (แล้วเอาไปใช้) เห็นจุดอ่อนของเรา (แล้วเอาไปปรับให้ดีขึ้น) เห็นอนาคตรางๆ ของตัวเองแล้วใช่ไหม



           การลงทุนในธุรกิจอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มจากความเข้าใจ เริ่มจากวิสัยทัศน์ขององค์กรก่อน ที่สำคัญต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน สื่อสารกันให้รู้เรื่อง พูดให้เป็นเรื่องเดียวกันให้ได้ จากนั้นก็ต้องหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เราจะทำ ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงขึ้น


        หลายคนอาจมองว่า จะไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมามัวเสียเวลาอยู่กับการวิจัยอะไรมากมาย


        เปรียบเทียบง่ายๆ  ถ้าเราจะไปที่ใดสักที่ เราไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไป กับการที่เรามีทั้งแผนที่ มีทั้งคนนำทาง ระยะทางกี่กิโลเมตร ต้องผ่านเขากี่ลูก สภาพอากาศเป็นอย่างไร รู้กระทั่งว่าระหว่างทางจะมีปั๊มน้ำมันหรือไม่ อย่างหลังอาจจะออกเดินทางช้ากว่าสักหน่อย แต่ว่าไปอย่างมั่นคงกว่าแน่นอน แถมอาจจะถึงเร็วกว่าด้วย เพราะกรณีแรก อาจหลงทาง น้ำมันหมดกลางทาง หรือรถกำลังไม่พอเพราะเอารถไปผิดประเภท ฯลฯ


        ใช่ว่าที่กล่าวมาทั้งหมด จะมีอคติอะไรกับแนวคิดซื้อมาขายไป ทุกวิธีการมีข้อดีอยู่ในตัวเอง คนที่จะนำแนวคิดเหล่านั้นมาใช้ต่างหาก ที่ต้องเป็นคนเลือกว่าแบบไหนเหมาะสมกับธุรกิจอะไร จะใช้ช่วงเวลาไหน ยิ่งผสมกันได้ลงตัวยิ่งดี


        สิ่งสำคัญอยู่ที่การเริ่มจากต้นน้ำ แล้วมองลงไปให้เห็นว่าสายน้ำของเราจะไปสิ้นสุดที่ไหน มิใช่ไปแก้ไขกันที่ปลายน้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องขอบอกไว้เลยว่าเหนื่อยยิ่งกว่าตอนเริ่มต้นหลายเท่านัก


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ทำไม SME ส่วนใหญ่จึงเป็นซอมบี้? 6 สเตจธุรกิจที่บอกว่า คุณ “ต้องเปลี่ยนตรงไหน” ถึงจะโตได้จริง

แม้จะมีสินค้ามีรายได้ แต่ทำไมธุรกิจถึงไม่ขยับไปไหนเสียที? คำตอบ อาจไม่ได้อยู่ที่การตลาด ไม่ใช่เรื่องทุน แต่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า Business Growth Cycle วงจรชีวิตของธุรกิจ ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า “ตอนนี้ธุรกิจเราอยู่ตรงไหน?” และ “ต้องปรับอะไร ถ้าอยากโตจริง”

วัฒนธรรมองค์กร จุดตายที่ SME มองข้าม ระบบคน ที่พาธุรกิจพังแบบไม่รู้ตัว

ศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ SME ไทยจำนวนมากติดอยู่กับที่ ไม่ใช่คู่แข่ง แต่คือสิ่งที่มองไม่เห็นและมักถูกมองข้ามเสมอมานั่นคือ วัฒนธรรมองค์กร และที่น่าเศร้าคือ คุณเอง อาจเป็น “คอขวด” ขององค์กร โดยไม่รู้ตัว

เจาะลึก Grey Rock Method วิธีรับมือ Toxic People ในที่ทำงาน นิ่งสงบ สยบ ทุกพลังลบ !!

อย่าตกหลุมดรามาให้เสียพลัง....จาก Toxic People เตรียมพร้อมตั้งรับความ Toxic ให้อยู่หมัด ซัดกลับแบบคูลๆ !! ด้วย 5 วิธีตอบสนองแบบชาว Grey Rock