4 สิ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับผู้ประกอบการ





แปลและเรียบเรียง : เจษฏา ปุริทวรกุล

    เชื่อว่าหลายคนใฝ่ฝันที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากลองทำสิ่งที่รักให้กลายเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างเงิน สร้างรายได้และสร้างอนาคตไปพร้อมๆ กัน ขณะที่บางคนอาจเห็นว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจ ได้เงินดีกว่าการเป็นลูกจ้าง เห็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จผ่านสื่อหลายต่อหลายราย จึงเกิดความรู้สึกว่า “ผู้ประกอบการ” หรือ “เจ้าของธุรกิจ” เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม และดูหรูหราไม่น้อย

     แต่ในบทความนี้ Brain Hamilton ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Sageworks บริษัทชั้นนำด้านการวิเคราะห์สภาพการเงินของบริษัทเอกชน จะออกมาเปิดเผยอีกด้านของความเป็นผู้ประกอบการว่า คุณจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

    โดย Brain Hamilton ได้พูดสิ่งที่น่าสนใจเอาไว้ว่า ในความเป็นจริง คนทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักบินอวกาศ ไม่ได้เกิดมาเหมาะกับการเป็นหมอ ดังนั้น คนบางคนจึงอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้ประกอบการด้วยก็ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมา ทำให้เขาค้นพบว่าสิ่งที่ยากที่สุดของผู้ประกอบการคือ 4 ข้อดังต่อไปนี้ 

 

  
    1. รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก -- ในชีวิตจริง คนเราทุกคนต้องเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอะไรก็แล้วแต่สักกลุ่มหนึ่ง เช่น หากคุณเป็นลูกจ้างขององค์กรแห่งหนึ่ง คุณจะมีเพื่อนร่วมงาน ตอนคุณเรียนในมหาวิทยาลัย คุณจะมีเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งตอนที่เราอยู่กันเป็นกลุ่มเราไม่ต้องคิดตัดสินใจอะไรมาก เพื่อนในกลุ่มจะไปไหนก็เฮฮาสนุกสนานตามเขาไป แต่เมื่อคุณเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณต้องตัดสินใจเอง คิดเอง เดินบนเส้นทางของตัวเองทั้งหมด ถ้าโชคดี คุณอาจมีพาร์ทเนอร์หรือผู้ร่วมหุ้นมาเป็นผู้ร่วมให้คำปรึกษา

    มีผู้ประกอบการจำนวนไม่มากที่พูดถึงเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะความลำบากใจ หรือเป็นเพราะมันไม่เหมาะกับบุคลิกภาพของผู้ที่ประสบความสำเร็จจะหยิบยกมาพูด แต่ส่วนใหญ่แล้ว ทุกคนจะมีความรู้สึกนี้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ


    2. ธุรกิจส่วนใหญ่บันดาลไลฟ์สไตล์และสร้างรายได้ แต่อาจไม่ทำให้เรามั่งคั่ง --- ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านอาหารส่วนใหญ่ อาจสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ไม่ดีเท่ากับผู้จัดการร้านอาหารหรูๆ ที่มีหลายต่อหลายสาขา นี่คือเรื่องสำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจเป็นผู้ประกอบการ เพราะหลายๆ คนอาจคิดว่ามีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้วจะต้องร่ำรวย (เหมือนกับคนอื่นๆ) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ประกอบการก็คือคนๆ หนึ่งที่ต้องทำงาน บางทีอาจจะเป็นงานที่ยากกว่าที่คุณคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ
   
    3.ต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้างธุรกิจ --- เกี่ยวกับเรื่องนี้ Brain เล่าให้ฟังว่าเขาเคยทำธุรกิจมาถึง 3 ธุรกิจด้วยกัน โดยธุรกิจแรกเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปี กว่าจะเริ่มสร้างกำไรได้ ส่วนธุรกิจที่สอง เป็นธุรกิจขนาดกลางซึ่งกว่าจะเริ่มเห็นกำไรก็ต้องผ่านไปกว่า 3 ปี และในธุรกิจสุดท้าย คือธุรกิจที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน กว่าเขาจะขับเขี้ยวและผลักดันให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จได้ก็ใช้เวลาไปร่วมๆ 6 ปี ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างรายได้และผลกำไร ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอยู่หลายปีกว่าจะสร้างรากฐานให้ธุรกิจได้อย่างมั่นคง

    4.ต้องรู้จักบริหารจัดการคน --- ทันทีที่คุณเริ่มทำธุรกิจ คุณต้องคอยบริหารจัดการสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ลูกจ้าง แต่ยังรวมถึงตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าของเราด้วย ด้วยความที่เราเป็นเจ้าของกิจการและต้องตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง มันอาจทำให้คุณดูแย่ในสายตาคนอื่น และมันดูโดดเดี่ยวเพราะน้อยคนที่จะมาคอยเข้าใจเรา การบริหารจัดการคนไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม มันเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับความผู้นำและเจ้าของธุรกิจ

    ทั้งหมด 4 ข้อที่กล่าวมาคือความเป็นจริงที่ Brain ไม่ได้ต้องการพูดถึงเพื่อปิดกั้นแรงบันดาลใจของใคร หากแต่เพื่อให้ลองถามตัวคุณดูว่าจะสามารถอดทนและฝันฝ่าไปได้หรือไม่ หากคำตอบคือ “ได้” หนทางของการเป็นผู้ประกอบการก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถอย่างแน่นอน

    หมายเหตุ บทความชิ้นนี้ แปลและเรียบเรียงจาก www.entrepreneur.com

crate by smethailandclub.com

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย