6 ทักษะที่เจ้าของธุรกิจต้องมี!



เรื่อง : MoneyGuru

    การทำธุรกิจของตัวเองนั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้องใช้หลายอย่าง ทั้งแรงกาย แรงใจ แรงเงิน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฝ่าฟันการลงทุนครั้งสำคัญไปได้ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นมือสมัครเล่น หรือมือโปร วันนี้ MoneyGuru.co.th ขอนำทักษะที่คุณต้องมีหากเปิดธุรกิจของตัวเองมาฝากกัน เผื่อใครกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เนืองๆ ว่า เอ๊ะ เราพร้อมที่จะมีธุรกิจอย่างคนอื่นเขาหรือยังนะ?

ความเสียสละ

    ที่ว่าเสียสละ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน เรื่องแรงกาย แรงใจเท่านั้น แต่เวลาส่วนตัว คุณก็ต้องเสียสละอีกด้วย คุณอาจจะไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยเหมือนแต่ก่อน คืนวันศุกร์ที่เพื่อนๆ ไปเที่ยวกลางคืนกัน คุณอาจจะต้องนั่งปิดงบบัญชี วันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่คุณเคยไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็อาจต้องลดลง เพราะช่วงวันหยุดอาจเป็นช่วงฟันเงินของกิจการคุณ สิ่งเหล่านี้คือทักษะของการปฏิเสธ การเสียสละ หรือการแยกแยะความอยาก ออกจากความจำเป็น นั่นเอง


ความเข้าใจการทำงานของกระแสเงิน

    เงิน คือ หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการลงทุนของคุณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดของบริษัท หรือ cash flow โดยง่ายๆ คือ เงินรายรับของกิจการของคุณ ต้องมากกว่ารายจ่าย เพื่อที่กิจการของคุณต้องดำเนินการต่อไปได้อย่างมีสภาพคล่อง หากกิจการคุณยังไม่สามารถสร้างผลกำไรได้ในช่วยแรกๆ สิ่งที่คุณควรทำก็คือการ เตรียมหาช่องทางแหล่งเงินทุน เพื่อจัดการกับค่าใช้จ่ายจำเป็น ที่เป็น fix cost อย่างเช่น ค่าเช่าที่บริษัท ค่าจ้างพนักงาน ค่าต้นทุนของขาย เป็นต้น

มองโลกตามความเป็นจริง

    เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิต อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้น เราสามารถหวังสูงได้ ว่าธุรกิจจะเป็นอย่างที่เราคาดหวัง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น อาทิ กิจการอาจจะอยู่ไม่รอดในปี สองปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ยากที่สุด ถ้าผ่านไปได้คือรุ่ง เพราะฉะนั้น ขอเพียงว่า ทำให้เต็มที่ในการจัดการบริหารของคุณ และผลจะเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวรับมือ

การติดตามประเมินผล

    อย่างที่บอก ช่วงปีแรกของการทำธุรกิจยากที่สุด ทักษะในการติดตามทุกภาคส่วนว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ที่ทำให้การเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาด ถือเป็นอีกทักษะที่คุณควรมี การมองแค่ภาพรวมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถพาธุรกิจคุณในช่วงแรกๆ ที่ยังเล็กอยู่ไปรอดได้ และถ้าหากคุณพลาดเพียงจุดเล็กๆ ของธุรกิจคุณ อาจมีคนที่หาประโยชน์จากส่วนนั้นได้

สอนงานคนอื่นเป็น

    คุณคงไม่อยากทำงานทุกอย่างเองทั้งหมด การจ้างลูกจ้าก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการจ้าง คือจ้างมาแล้ว ทำอย่างไรให้ลูกจ้างเป็นประโยชน์กับบริษัท สิ่งที่คุณต้องทำคือถ่ายทอดความรู้ของคุณให้กับลูกจ้าง แล้วคุณก็ไปดูสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า

รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด

    แน่นอนว่า การคิดบวกคือเรื่องที่ดี ความมั่นใจคือเรื่องที่ดีของเจ้าของกิจการ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จ จะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรไปต่อ หรือเมื่อไหร่ควรหยุด ถึงแม้ว่าการหยุด หรือไม่ทำต่อ อาจดูเหมือนว่าคุณแพ้ แต่การดึงดันทำต่อไป เสียเงินมากไปกว่านั้นอีก ยิ่งแย่กว่า และน้อยคนนักที่จะทำธุรกิจครั้งแรก แล้วประสบความสำเร็จทันที หลายคนล้มลุกคลุกคลานมาแล้วทั้งนั้น คุณต้องเอาความเสียหายจากครั้งเก่า มาเป็นประสบการณ์ในครั้งต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเดิมๆ

    ถึงแม้ว่าจริงๆแล้ว ไม่มีทักษะตายตัวในการทำธุรกิจ ทุกคนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างน้อย สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็พอเป็นแนวทางให้มือใหม่ได้ไม่มากก็น้อย หากมีปัญหาข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเงิน และผลิตภัณฑ์การเงิน เราอยู่เคียงข้างคุณเสมอที่ www.moneyguru.co.th

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย