แจกคาถา ‘ซื้อใจพนักงานต่างเจน’ ดึงคนเก่งไม่ให้ตีจากองค์กร

 
 
Main Idea
 
 
  • ในการทำธุรกิจ “คน” คือหัวใจสำคัญที่จะร่วมขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่การจะรักษาคนเก่งให้อยู่กับเราได้นานๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนต่างเจนก็ล้วนต่างความต้องการ ต่างความมุ่งมั่นปรารถนา 
 
  • มารู้จักคาถาที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถซื้อใจพนักงานต่างเจเนอเรชั่นให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ ได้ และรู้วิธีดึงดูดคนเก่งคนดีให้อยากทุ่มเทกับองค์กร จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน

___________________________________________________________________________________________
 

     ไม่ว่าธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ หัวใจสำคัญคือ “คน” การมีคนเก่ง คนดี พร้อมทุ่มเททำงานให้กับองค์กร คือกุญแจ แต่การจะรักษาคนเก่งให้อยู่กับเราได้นานๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับธุรกิจเล็กๆ อย่าง SME ที่ต้องรับมือคนทำงานต่างเจน ซึ่งต่างคนก็ต่างความต้องการ ต่างความมุ่งมั่นปรารถนา บางคนอยากได้ผลตอบแทนที่ดี สวัสดิการที่ใช่ ขณะที่บางคนขอแค่มีวันหยุดพักผ่อนเยอะๆ มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่น ก็ซื้อใจพวกเขาได้แล้ว
ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการเข้าถึงหัวใจคนต่างเจน วันนี้เรามี How to ดีๆ จากแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญตลาดแรงงานเชิงนวัตกรรมชั้นนำระดับโลกมาฝากกัน


 
 
  • รู้ทันคนต่างวัย รู้ใจความต้องการสุดต่าง

     จากแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ได้ทำการศึกษาเรื่อง “การขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถประจำปี 2563” โดยทำการสำรวจกลุ่มพนักงานในแต่ละช่วงวัย ซึ่งพบว่าแรงงานแต่ละคนมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน โดยแตกต่างไปตามอายุ เพศ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ หรืออุปนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน การมีเงินเดือนที่มากขึ้น งานที่ท้าทาย ทีมงานที่ยอดเยี่ยม ความก้าวหน้าที่จะได้รับ และที่สำคัญทักษะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ประกอบการจะสามารถต่อรองได้ แต่มีบางอย่างที่นายจ้างสามารถทำเพื่อรักษาบุคลากรที่มีความสามารถและเป็นที่ต้องการเหล่านี้ไว้ได้ นั่นคือการทำความเข้าใจความต้องการของบุคลากรในแต่ละเจเนอเรชั่น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยสร้างและรักษาคนที่มีความสามารถ ปรับเปลี่ยนความต้องการของแรงงานให้สอดคล้องคล้องกับความต้องการและความปรารถนาของแรงงานทักษะที่เราต้องการได้



 
  • Gen Z เงินและค่าตอบแทนคือที่สุด

     สำหรับแรงงานกลุ่มแรก คือ กลุ่มคนเจนแซด (Gen Z) หรือคนที่มีช่วงอายุระหว่าง 18-24 ปี กลุ่มนี้สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขา คือ “ค่าตอบแทนและเงินเดือน”  พูดง่ายๆ คือ เงินสำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิง คนเจนนี้เกิดในยุคที่มีเทคโนโลยีทันสมัย พวกเขาเรียนรู้ได้เร็ว มีความทะเยอทะยาน ต้องการเงินและความก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งผู้หญิงและผู้ชายมีความต้องการที่ต่างกัน โดยผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับเงินและการพัฒนาทักษะมากกว่าเกือบสองเท่า ในขณะที่ผู้ชายบอกว่าทักษะและอาชีพมีความสำคัญเท่ากับค่าตอบแทน ผู้หญิงเมื่อจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและเข้ามาอยู่ในตลาดแรงงานมากกว่าผู้ชาย และเป็นครั้งแรกในหลายทศวรรษที่ผู้ชายและผู้หญิงได้ค่าตอบแทนไม่เท่าเทียมกัน


 
  • Millennial ชอบความยืดหยุ่นและท้าทาย

     สำหรับกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennial) ที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี  ซึ่งเป็นประชากรที่สำคัญของตลาดแรงงานในปัจจุบัน สิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องการ คือ ความยืดหยุ่นและความท้าทาย โดยพวกเขามองการทำงานในอนาคตเหมือนการวิ่งมาราธอนเพราะยังต้องทำงานอีกหลายปี และต้องการหาจุดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน สำหรับโลกการทำงานที่ยาวนานดังกล่าว โดยผู้หญิงมิลเลนเนียลนี้การทำงานที่ท้าทายต้องมาพร้อมกับความยืดหยุ่น เพราะพวกเธออาจต้องรับหน้าที่งานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนภายในครอบครัว เพื่อการรักษาสมดุลระหว่างงานและหน้าที่  ดังนั้น ความยืดหยุ่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ
 
  • Gen X ความยืดหยุ่นมีคุณค่าเท่ากับความเป็นอยู่ที่ดี

     มาถึงกลุ่มคนเจนเอ็กซ์ (Gen X) หรือแรงงานที่มีอายุระหว่าง 35-34 ปี  กลุ่มนี้สะท้อนเรื่องความยืดหยุ่นมีคุณค่าเท่ากับความเป็นอยู่ที่ดี โดยเป็นเจนที่ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อตำแหน่งงานที่สูงขึ้น มีทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น มีความมั่นคง และเริ่มค้นหาความสมดุลในชีวิตมากขึ้น ซึ่งผู้ชายให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นมากพอๆ กับผู้หญิง พวกเขาอยากให้แต่ละวันเริ่มต้นและสิ้นสุดลงด้วยความยืดหยุ่น ทำงานไกลบ้านได้เป็นบางครั้งไม่ใช่ตลอดเวลา และต้องการใบลาในการดูแลครอบครัวในฐานะลูกหรือพ่อแม่ ดังนั้นคนเจนนี้จึงให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นเป็นปัจจัยหลักๆ



 
 
  • Baby Boomer ผลักดันด้วยค่าตอบแทน งานท้าทายและยืดหยุ่น

     มาถึงกลุ่มสุดท้าย เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือแรงงานที่มีอายุระหว่าง 55-64 และ 65 ปีขึ้นไป  กลุ่มนี้มีความรักหัวหน้าและเพื่อนร่วมทีมสูงกว่ากลุ่มอื่น คนเจนนี้จะเริ่มมีอายุที่สูงขึ้น อยากเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองให้รู้สึกมีแรงกระตุ้น มีส่วนร่วมและแรงบันดาลใจมากกว่าสายงานในวิชาชีพของตน คนยุคบูมเมอร์มักจะถูกผลักดันด้วยค่าตอบแทน งานที่ท้าทายและความยืดหยุ่น แม้ว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญสูงสุดกับความเป็นผู้นำและทีมงานก็ตาม พวกเขามีความผูกพันกับเจ้านายและทีมงานเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องการส่งต่อความดีและความสามารถไปยังคนรุ่นต่อไป คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมักจะมีแรงบันดาลใจจากเป้าหมาย ความเห็นของเขาสำคัญน้อยกว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ 




 

     สรุปคาถาซื้อใจคนต่างเจน ที่ผู้ประกอบการ SME สามารถนำไปใช้ได้ คือ “Gen Z” เงินและค่าตอบแทนคือที่สุด “Millennial” ชอบความยืดหยุ่นและท้าทาย “Gen X” ความยืดหยุ่นมีคุณค่าเท่ากับความเป็นอยู่ที่ดี และ “Baby Boomer” ต้องผลักดันด้วยค่าตอบแทน งานท้าทายและยืดหยุ่น


 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย