6 เคล็ดลับ จับคู่ธุรกิจให้ลงล็อก เจรจาอย่างไรให้ได้พันธมิตร ต่อยอดธุรกิจโตไม่สะดุด




         ต่อให้เก่งแค่ไหน การยืนหยัดต่อสู้ทำธุรกิจเพียงลำพังในยุคที่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แถมยังโดนคลื่นโควิด-19 พัดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่รู้จบนั้นก็เป็นเรื่องยากลำบาก แม้จะงัดกลยุทธ์ทุกกระบวนท่าออกมาแล้วก็ตามที ฉะนั้น จะสู้เพียงลำพังไปทำไม ลองมองซ้ายมองขวาหาพันธมิตรธุรกิจที่มาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย อาจจะเป็น SME ด้วยกัน ธุรกิจใหญ่ หรือแม้กระทั่งบริษัทต่างชาติ เมื่อจับมือกันแน่นเข้าไว้อาจจะไม่ใช่แค่เพียงพาธุรกิจให้รอด แต่จะสามารถไปได้ไกลและขยายได้มากกว่าที่คิดไว้ซะอีก
               

        แต่ก็มีคำพูดหนึ่งที่ว่า การหาพันธมิตรทางธุรกิจก็เหมือนกับการจับคู่แต่งงานนั่นล่ะ นอกจากจะต้องถูกอกถูกใจกัน ยังต้องเป็นคนที่เข้ากันใจกันด้วยถึงจะไปด้วยกันได้นาน ฉะนั้น เรามี 6 คำแนะนำผู้ประกอบการให้เตรียมตัวพร้อมก่อนไปเจรจาจับคู่กับธุรกิจ จะได้เจอคู่แท้ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง



 

        1. ประเมินศักยภาพของธุรกิจของตัวเอง นับเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเริ่มคิดที่จะออกไปเสาะหาโอกาสจากการจับคู่ธุรกิจ เราต้องรู้ว่าธุรกิจเรามีจุดแข็งและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างไร รวมถึงกำลังการผลิตและการให้บริการสามารถรองรับได้มากน้อยเพียงใด เพราะช่วยทำให้รู้ว่าเราจะสามารถนำสิ่งที่มีช่วยเติมเต็มและต่อยอดให้กับคู่เจรจาอย่างไรได้บ้าง และยังช่วยให้การเลือกคู่เจรจาเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือเลือกเจรจาได้ถูกคู่นั่นเอง



 

       2. ศึกษาข้อมูลของคู่เจรจารวมถึงคู่ค้าเดิม จำไว้ว่า รู้เขา รู้เรา รู้คู่แข่ง โอกาสชนะยิ่งมีมาก พยายามศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากเอกสารที่ตัวกลางในการเจรจาเตรียมให้เท่านั้น เช่น รายงานบริษัท เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ตลอดจนข่าวที่เกี่ยวข้อง เพราะจะทำให้เราเข้าใจและมองเห็นคู่เจรจาของเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ยังมีช่องว่างตรงไหนที่จะเป็นโอกาสของเรา เขาชอบคู่ค้าแบบไหน คู่ค้าเดิมช่วยเติมเต็มสิ่งใดไปแล้วบ้าง สิ่งนั้นมีจุดอ่อนที่ธุรกิจของเราจะช่วยพัฒนาต่อได้อย่างไร



 

        3. เตรียมพรีเซนเตชั่นสำคัญที่บ่งบอกความสามารถขององค์กรให้พร้อม เพราะการเจรจาธุรกิจในแต่ละรอบจะมีเวลาสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่จำกัด เอกสารเพิ่มเติม หรือประวัติของบริษัทโดยย่อ จะช่วยให้คู่เจรจาเห็นความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และศักยภาพภาพของเราได้แจ่มชัด นอกจากนี้ แนะนำให้เพิ่มเอกสารเช่น เกียรติบัตร ใบรับรอง รางวัลที่เคยได้รับ ผลงานที่ผ่านมาได้ร่วมงานกับที่ใดมาแล้วบ้าง สร้างผลลัพธ์ให้กับคู่ค้าอย่างไร ข้อมูลแต่ละประเภทควรจัดทำให้กระชับ อ่านและเข้าใจได้ง่าย ภายใน 1 หน้ากระดาษ     



 

        4. ฝึกฝนจนชำนาญ หลายครั้งทคู่เจรจาธุรกิจตกม้าตายเพียงเพราะขาดทักษะในการนำเสนอทั้งที่องค์กรที่จุดแข็งมากเพียงพอ ซึ่งทักษะการนำเสนอ และบุคลิกของผู้นำเสนอเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ แนะนำให้ลิสต์หัวข้อที่จะนำเสนออย่างเป็นลำดับ กระชับข้อมูล นำเสนอเฉพาะไฮไลท์ที่สะท้อนถึงความสามารถและความแตกต่างของธุรกิจ เราจะต้องสร้างความประทับใจให้ได้ภายใต้เวลาที่มี บุคลิกของผู้เจรจาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นตัวแทนขององค์กร สะท้อนภาพลักษณ์ขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง จึงควรฝึกบุคลิกภาพ และซ้อมพูดโดยการเปล่งเสียงออกมาและจับเวลาเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง การฝึกฝนจนชำนาญจะช่วยลดความประหม่าและช่วยให้เราจัดการข้อมูลกับเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ



 
 
        5. คาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมแนวคำตอบไว้ล่วงหน้า เปลี่ยนความวิตกกังวลจากการถูกตั้งคำถามมาเป็นความดีใจ เพราะนั่นแสดงว่าคู่เจรจาสนใจธุรกิจของคุณ อาจกำลังคิดหาแนวทางที่ไปต่อด้วยกัน หลักสำคัญในขั้นตอนนี้ คือ ระงับความตื่นเต้น มีสติในการฟังคำถาม และตอบคำถามให้ตรงประเด็น สั้น และกระชับ ทำตามมาถึงขั้นนี้เราเชื่อว่าข้อมูลสำคัญต่างๆ มีพร้อมอยู่ในมือของคุณหมดแล้ว


       6.  ติดตามความคืบหน้าหลังจบงาน สิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่าหากละเลยขั้นตอนนี้ไป การเจรจาธุรกิจทุกครั้งต้องอย่าลืมแลกเปลี่ยนนามบัตร หรือแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่ออื่นๆ เด็ดขาด เพื่อประโยชน์ในการติดตามผลเจรจา หรือนัดหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม อีกทั้งเป็นโอกาสในการสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย
 
 
           เรียบเรียงข้อมูลจาก : SCB SME
 
 
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร