7 ความต่าง ระหว่าง “บอส” กับ “ผู้นำ”

 


เรื่อง เจษฎา ปุรินทวรกุล
 
    คิดว่าคำว่า หัวหน้าหรือบอส (Boss) กับ ผู้นำ (Leader) ใช้แทนกันได้ไหม ในความเป็นจริงแล้วคำว่า บอสกับผู้นำนั้น แตกต่างกันอย่างมหาศาล เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ลองเลือกตัวเลือกนี้ดูก็ได้ว่า

    1. คุณเห็นทีมงานหรือลูกจ้างค่อนข้างน่ารำคาญ เพราะคุณต้องมาสั่งงานอยู่ตลอดเวลา และสั่งแบบวันต่อวัน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้

    2. คุณเพลิดเพลินกับการทำงานร่วมกับคนในทีมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

    หากตอบข้อ 1 คุณอาจจะเป็นหัวหน้าหรือบอส แต่ถ้าตอบข้อ 2 คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำ ซึ่งในการทำธุรกิจ การทำงานเป็นทีมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด คนที่มาคอยกำกับทีมงานควรมีภาวะผู้นำ ไม่ใช่เป็นบอสที่คอยสั่งงานโดยไม่เข้าใจอะไรใครนอกจากตัวเอง และนี่คือวิธีการสลับขั้วจากบอส ให้กลายเป็นผู้นำ

1. พร้อมช่วยเหลือลูกทีม

    ลูกจ้าง ลูกน้อง คนงาน หรือทีมงาน ไม่ใช่สมุนของเรา พวกเขามีบุคลิกและความสามารถที่ไม่ซ้ำกัน หากคุณต้องการเป็นผู้นำ คุณมีหน้าที่ดึงความสามารถของทุกคนออกมาใช้ให้เต็มที่ ให้เขาทำงานได้อย่างสนุก พร้อมกันนั้นคุณต้องสนับสนุนและคอยดูความสำเร็จของพวกเขา

2. ให้คำแนะนำ ไม่ใช่ควบคุม

    บอสมักชอบควบคุมการทำงานในทุกขั้นตอน ส่วนผู้นำจะคาดการณ์ไปล่วงหน้าได้ว่า ทีมงานจะประสบความสำเร็จหากได้รับการสนับสนุนอย่างไร ดังนั้น ผู้นำจะสร้างกรอบและโครงสร้างการทำงานเพื่อให้ลูกน้องทำงานได้ พร้อมกับคอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษา

3. รู้จักปรับตัว

    บอสมักมีแนวคิดที่ตายตัว และไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ผู้นำจะสามารถปรับสไตล์การทำงานให้เข้ากับลูกทีมได้

4. ไว้วางใจลูกทีม

    บอสจะไม่ไว้ใจให้ใครดูแลงานที่ตัวเองทำ และไม่มอบหมายงานอะไรให้คนอื่นสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่าตัวเอง แต่ผู้นำจะค่อยๆ สร้างความไว้วางใจกับลูกทีมด้วยการมอบหมายงานต่างๆ ให้ และคอยติดตามดูอยู่เป็นระยะ

5. ให้เครดิต และยอมรับคำตำหนิ

    สิ่งที่บอสชื่นชอบคือการรับคำชื่นชมจากผู้อื่น (แถมบางครั้งตัวเองไม่ได้ทำด้วย) และมักโยนความผิดพลาดไปให้ลูกน้อง แต่ผู้นำจะไม่ทำแบบนั้น พวกเขามักกล่าวว่าความสำเร็จมาจากความพยายามของลูกทีม และมักรับคำตำหนิจากผู้บริหารเพียงลำพัง จากนั้นจึงนำไปปรับปรุงการทำงานร่วมกับลูกทีม

6. กล้าที่จะยอมรับความเสี่ยง

    คนที่เป็นบอส จะพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทุกอย่าง เพราะเขากลัวความผิดพลาด จึงไม่ต่างอะไรกับการย่ำเท้าอยู่กับที่ แต่ผู้นำจะกล้าเดิมพันกับความเสี่ยง เพื่อลองสิ่งใหม่ๆ สิ่งนั้นอาจพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือถ้าล้มเหลว ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ทำ และเป็นการเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วย


7. มีแรงกระตุ้น

    บอส จะมีแรงกระตุ้นจากความกลัว กลัวนั่น กลัวนี่ กลัวงานไม่เสร็จ กลัวถูกตำหนิ กลัวโดนว่า ฯลฯ ในทางตรงกันข้าม ผู้นำจะมีแรงกระตุ้นที่ดี มองหาสิ่งที่จะจุดประกายความคิดของลูกทีม เพื่อให้แต่ละคนทำงานได้เต็มศักยภาพ นอกจากนี้ผู้นำยังชื่นชมและให้กำลังใจเมื่อลูกทีมประสบความสำเร็จด้วย

    เห็นความแตกต่างขนาดนี้แล้ว ทุกๆ คนอยากเป็นบอส หรือเป็นผู้นำมากกว่ากันเอ่ย ?

Create by smethailandclub.com
 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย