การยอมรับความต่าง ไม่เลือกปฏิบัติ เบื้องหลังความสำเร็จธุรกิจระดับโลก ได้ทั้งเงินและความคิดสร้างสรรค์

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

 

     มีผลวิจัยบอกว่าองค์กรที่นำนโยบาย Diversity และ inclusion มาใช้ ผลตอบแทนทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์

     การสร้างความหลากหลาย (diversity) และการรับรวมทุกกลุ่มคน (inclusion) กำลังกายเป็นส่วนหนึ่งอันสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน การสร้างความหลากหลายในที่ทำงานหมายถึงการเปิดรับผู้คนที่มีความไม่เหมือนกันในด้านต่าง ๆ เช่นทักษะ ความสามารถ ชาติกำเนิด และเพศ ขณะที่การโอบรับคือสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและให้การสนับสนุนทุกกลุ่ม

     ในช่วงที่ผ่านมา มีศัพท์หลายคำถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยได้แก่ diversity, inclusivity, inclusion และ social inclusiveness ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง หากเกี่ยวกับองค์กรหรือบริษัทหมายถึงการนับรวมทุกกลุ่มคน หรือการเปิดช่องทางให้ปัจเจกบุคคลและกลุ่มทุกกลุ่มเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งโดยไม่ปล่อยให้ใครถูกกีดกันออกไป ซึ่งองค์กรหรือบริษัทใดกำหนดนโยบาย inclusivity ในการรับพนักงานเข้าทำงานเพื่อสร้างความหลากหลายโดยไม่กีดกันหรือเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ หรือเชื้อชาติ มักได้รับการสรรเสริญจากผู้คนในสังคม  

     ความหลากหลายของผู้คนในสังคมอาจแบ่งออกเป็น 4 มิติ ได้แก่

     ความหลากหลายภายใน ซึ่งมีมาแต่กำเนิดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ อายุ 

     ความหลากหลายภายนอก เป็นสิ่งที่พัฒนาในภายหลัง เช่น รสนิยม ความสนใจ การศึกษา รูปลักษณ์ และสัญชาติ

     ความหลากหลายในองค์กร อันนี้เกี่ยวข้องกับที่ทำงาน เป็นต้นว่า งานที่รับผิดชอบ ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน และสถานะความอาวุโส

     ความหลากหลายด้านมุมมอง เกี่ยวข้องกับประสบการณ์และทัศนคติที่มีต่อประเด็นรอบตัว อาทิ การเมือง วัฒนธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมและทั่วโลก

Diversity และ inclusion สำคัญอย่างไรต่อความสำเร็จธุรกิจ

     ผลการศึกษาของบริษัทแม็คคินซีย์พบว่าองค์กรที่นำนโยบายความหลากหลายมาใช้ ผลตอบแทนทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ ขณะที่บริษัทดีลอยท์ระบุ Diversity และ inclusion ในที่ทำงานสามารถกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

     การสร้างองค์กรที่มีวัฒนธรรมยอมรับความหลากหลายจะนำมาซึ่งข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร เป็นต้นว่า ในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ก็สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้นเพราะทีมทำงานมีความหลากหลายทางความคิด ดึงดูดให้คนที่มีความสามารถอยากมาทำงานด้วย และเมื่อเข้ามาร่วมทีมแล้วก็ร่วมงานกันนานขึ้นไม่ค่อยแปรพักตร์ไปที่ใหม่  

     สำหรับบริษัทระดับโลกที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินนโยบาย diversity และ inclusion ได้แก่

     โซเด็กซ์โซ่ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริการด้านอาหารจากสหรัฐฯ ได้กำหนดกลยุทธ์การจ้างงานโดยไม่จำกัดเพศ อายุ และรสนิยมทางเพศ กลยุทธ์ความเท่าเทียมทางเพศที่ว่านี้โซเด็กซ์โซ่ดำเนินมานาน 20 ปีแล้วและดูเหมือนจะให้ผลลัพธ์ที่ดี โดยปี 2020 บริษัทได้รับการคัดเลือกจากบลูมเบิร์กให้มีรายชื่อในดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ (Bloomberg Gender Equality Index) หลังสำรวจพบมีพนักงานหญิงในองค์กรร้อยละ 37 อยู่ในคณะกรรมการบริหาร และร้อยละ 60 เป็นคณะกรรมการ เป้าหมายของโซเด็กซ์โซ่คือการผลักดันให้ทีมทำงานผู้หญิงนั่งเก้าอี้ผู้บริหารระดับสูงอย่างน้อยร้อยละ 40 ขององค์กร   

     จอห์นสัน & จอห์นสัน เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อีกรายที่สนับสนุนความเสมอภาคโดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความหลากหลายและโอบรับทุกกลุ่มระดับโลก รวมถึงเพิ่มผลประกอบการและความได้เปรียบในการแข่งขัน จอห์นสัน & จอห์นสันดำเนินการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่พนักงานดำเนินร่วมกันระหว่างทำงานในองค์กร เช่น การรับฟังทุกความเห็นที่แตกต่างในที่ประชุม หรือการเป็นสมาชิกก่อตั้งเครือข่ายพันธมิตรไม่มองภาพเหมารวม (Unstereotype Alliance) เพื่อสร้างสมดุลทางเพศในการผลิตโฆษณา  

     มาสเตอร์การ์ด ได้รับการจัดอันดับจาก DiversityInc เป็น 1 ใน 10 องค์กรที่มีความหลากหลายถึง 4 ปีซ้อน ผลงานที่ประจักษ์ก็เช่น การกำหนดเงินเดือน หรือตำแหน่งงานโดยไม่แบ่งแยกเพศ และอีกหลายโครงการที่สนับสนุนเด็กหญิงและสตรี นอกจากนั้น สวัสดิการของบริษัทที่มีให้พนักงานยังครอบคลุมถึงความช่วยเหลือด้านการผ่าตัดแปลงเพศ การยอมรับการใช้ชีวิตของคู่รักเพศเดียวกัน การอุ้มบุญเพื่อให้มีบุตร และการรับเลี้ยงเด็กเป็นบุตรบุญธรรม

     ลอรีอัล ธุรกิจที่ขยายใน 130 กว่าประเทศทั้ง 5 ทวีปทำให้ลอรีอัลยึดมั่นกับความหลากหลายด้านหพุวัฒนธรรมมายาวนาน บริษัทได้จัดตั้งโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น เช่น การจัดเวิร์กช้อปเกี่ยวกับผู้พิการ การทำโครงการให้คำแนะนำที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ และการฝึกงานแก่เยาวชนกลุ่มเปราะบาง นอกจากนั้น ลอรีอัลยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ดังนั้น ร้อยละ 69 ของพนักงานจึงเป็นผู้หญิงและบริษัทมีส่วนผลักดันให้ผู้หญิงทำงานเหล่านี้ให้ก้าวไปสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูง

     เลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังระดับโลกก่อร่าสร้างธุรกิจภายใต้แนวคิด “แตกต่างคือดีกว่า” จึงกำหนดนโยบายและการปฏิบัติที่ยอมรับทุกความแตกต่างโดยเฉพาะในเรื่องความหลากหลายทางเพศ ในการวัดดัชนีความเสมอภาคองค์กร (Corporate Equality Index) โดย Human Rights Campaign เลอโนโวได้รับคะแนนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017 และ 2019 ซึ่งการสนับสนุน LGBTQIA (Lesbian Gay Bisexual Transgender Queer Intersex และ Asexual) นี่เองที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้ต้องการร่วมงานกับเลอโนโว

ที่มา : https://www.businessnewsdaily.com/15970-diverse-inclusive-companies.html

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย