มัดรวมไว้ให้ วิธีสร้าง “การคิดเชิงวิเคราะห์” ทักษะช่วย SME แก้ปัญหาธุรกิจแบบมืออาชีพ

TEXT : ภัทร เถื่อนศิริ

Main Idea

  • หลายครั้งที่ผมให้คำปรึกษากับเจ้าของธุรกิจ SME หรือ ทีมงานหัวหน้า Business Unit ต่างๆ ผมได้พบเจอปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำบ่อยๆ ปัญหาหนึ่ง คือ เรื่อง การคิดเชิงวิเคราะห์ จึงขอหยิบยกประเด็นนี้มาแชร์กันนะครับ

 

  • วิธีการสร้าง Analytical Thinking

 

  • วิธีการการคิดเชิงวิเคราะห์ทำอย่างไรได้บ้าง

 

  • 11 ขั้นตอนการเสริมทักษะการวิเคราะห์ สำหรับการเติบโตในสายอาชีพ

 

  • 10 ปัญหาสาเหตุที่พนักงานไม่คิดวิเคราะห์

 

     Analytical Thinking คือ การคิดเชิงวิเคราะห์ เป็นทักษะการคิดที่ช่วยแยกแยะองค์ประกอบของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ เรื่องราวหรือชิ้นงานก็แล้วแต่ แล้วแตกสิ่งนั้นออกเป็นส่วนย่อย เพื่อให้เราเห็นรายละเอียดของเรื่องเหล่านั้นอย่างครบถ้วนและชัดเจน จึงทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุและผลที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นมา

Analytical Thinking สำคัญอย่างไร?

     Analytical Thinking คือ ทักษะพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาการใช้เหตุผลแบบผิดๆ และสามารถตัดสินเรื่องที่คิดได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น คนที่ไม่ได้มีทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ที่ดี อาจทำให้เกิดการใช้เหตุผลผิด หรือไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่ควรจะเป็น ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์มักจะใช้อารมณ์ความรู้สึก และความเคยชินที่ทำจนเป็นนิสัย การคิดเชิงวิเคราะห์จะทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผล การจำแนกแจกแจง การตีความข้อมูลที่ได้รับ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆ โดยสามารถประเมินและตัดสินเรื่องที่คิดได้อย่างถูกต้อง อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น

Analytical Thinking สร้างได้อย่างไร?

     ทักษะการวิเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจอย่างรอบรู้ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพในการตั้งค่าระดับมืออาชีพต่างๆ คำแนะนำทีละขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณมีแนวทางที่มีโครงสร้างในการพัฒนาและปรับปรุงทักษะการวิเคราะห์ของคุณ

     1. หัดเป็นคนช่างสังเกต

     เป็นสิ่งสำคัญมากๆ หัวข้อแรกของวิชาวิทยาศาสตร์ตอนเรียนในวัยเด็กเลยครับ ลองเดินสำรวจผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้คนตามเส้นทางต่างๆ ระหว่างรถติดบนถนน หรือผู้คนในโรงเรียนระหว่างช่วงพักทานข้าว ลองใช้ประสาทสัมผัสของเรา มองว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สังเกตสิ่งต่างๆ มีอะไรน่าสนใจบ้าง มันจะทำให้เรามีมุมมองที่ตื่นตัวอยู่เสมอ

     2. หัดตั้งคำถาม

     ช่างสงสัย ช่างถาม การตั้งคำถามที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้การใช้เหตุผล ความสงสัยมักทำให้เราฉลาดขึ้น ยิ่งถามมาก ยิ่งช่วยให้เราเข้าถึงกระบวนการคิด มีความสนอกสนใจที่ชัดเจน และมีความจำที่แม่นยำขึ้น เมื่อเราสงสัยในระหว่างที่เราพยายามหาคำตอบและได้คำตอบมาแล้วนั้น จะทำให้เราเริ่มโยงเหตุและผลที่มาที่ไปของสิ่งเหล่านั้นได้ดีมากขึ้นด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์แล้ว ยังพัฒนาสกิลการแก้ปัญหาได้ดีด้วยนะ  ฉะนั้นอย่าอายที่จะตั้งคำถาม และต้องคิดตามอยู่เสมอ

     3. ฝึกจับประเด็น

     การอ่านหนังสือ เป็นกุญแจสำคัญที่จะพัฒนาศักยภาพด้านการคิดวิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นจิตใจและความคิดของเรา โดยเทคนิคการอ่านคือการจับใจความ ย่อและสรุปความ และตั้งคำถามในใจกับสิ่งที่คุณอ่านได้ ลองอ่านดังๆ หรือคาดเดาบทต่อไปดู แล้วน้องจะรู้สึกมีส่วนร่วมกับการอ่านครั้งนั้นมากขึ้น

     4. ทำความเข้าใจกระบวนการของสิ่งต่างๆ

     การให้เหตุผลในทุกๆเรื่อง จะต้องแสดงถึงความเข้าใจด้วยการสรุปและให้ความหมายของข้อมูล ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ไม่ใช่เพียงหาทางแก้ปัญหา แต่ต้องเข้าใจกระบวนการของสิ่งนั้นด้วย เพื่อที่จะพินิจพิเคราะห์ ว่ามันเกิดจากอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียนรู้ได้ง่ายๆ จากคาบการทดลองในวิชาวิทยาศาสตร์ เช่น ปากกาจะตกลงพื้นไวกว่าขนนก ด้วยน้ำหนักและแรงโน้มถ่วง ช่วงเวลาที่เราทำความเข้าใจกระบวนการของสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริง จะช่วยกระตุ้นทักษะการคิดวิเคราะห์ในดีมากเลยทีเดียว

     5. ฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหา

     อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ หรือแม้แต่ในปัญหาด้านอื่นๆ ให้ลองหาทางออกไว้หลายๆ ทาง ยิ่งมีหลายแผน ไม่ว่าจะแผน A แผน B น้องๆ ก็สามารถทดลองแก้ปัญหาได้หลายแบบ แล้วลองดูว่าแบบไหนเวิร์คที่สุด จงจำไว้ว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขึ้นอยู่กับมุมมอง

วิธีการการคิดเชิงวิเคราะห์ทำอย่างไรได้บ้าง

⁃ หลัก ค.ว.ย.

  • คิด
  • วิเคราะห์
  • แยกแยะ

 

ทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่อการแก้ปัญหา 5 ขั้นตอน

  • ปัญหา การนิยามปัญหา
  • การกำหนดสมมติฐาน
  • การเก็บและรวบรวมข้อมูลของปัญหา
  • การทำการวิเคราะห์ปัญหา
  • การสร้างมาตรการแก้ไข-ป้องกัน

 

เทคนิคในการวิเคราะห์ปัญหา

  • Benchmarking หรือการเทียบระดับตัวชี้วัดกับคู่แข่ง
  • SWOT analysis การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสพัฒนา และภาวะคุกคาม
  • Force field analysis แรงผลักดันในการเปลี่ยน และ แรงต่อต้านการเปลี่ยน
  • Cost benefit analysis การวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย เทียบกับ ประโยชน์ที่ได้รับ
  • Impact analysis การวิเคราะห์ผลกระทบ
  • Pareto chart การวิเคราะห์เพื่อหา Top 3 problems

 

Root cause analysis การวิเคราะห์เพื่อหารากเหง้าของปัญหา

  • Brainstorming การระดมสมอง
  • หลักการของ Root cause analysis
  • ผังก้างปลา
  • 5 W+1 H
  • Why-Why Analysis

 

11 ขั้นตอนการพัฒนาและเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์ เพื่อปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการเติบโตส่วนบุคคลและในสายอาชีพ

     ขั้นตอนที่ 1: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของทักษะการวิเคราะห์: ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของทักษะการวิเคราะห์ในการเติบโตส่วนบุคคลและในอาชีพของคุณ ทำความเข้าใจว่าทักษะเหล่านี้มีส่วนช่วยในกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และการตัดสินใจอย่างไร

     ขั้นตอนที่ 2: ระบุองค์ประกอบหลักของทักษะการวิเคราะห์: แบ่งทักษะการวิเคราะห์ออกเป็นองค์ประกอบหลัก ได้แก่ การตีความข้อมูล การคิดเชิงวิพากษ์ การระบุปัญหา การจดจำรูปแบบ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ และการตัดสินใจ ประเมินจุดแข็งและส่วนที่ต้องปรับปรุงในแต่ละองค์ประกอบ

     ขั้นตอนที่ 3: ค้นหาแหล่งข้อมูลการเรียนรู้: สำรวจแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ต่างๆ ที่สามารถช่วยคุณพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงหลักสูตรออนไลน์ หนังสือ บทความ แบบฝึกหัด พอดแคสต์ และวิดีโอ เลือกแหล่งข้อมูลที่สอดคล้องกับสไตล์การเรียนรู้และเป้าหมายที่คุณต้องการ

     ขั้นตอนที่ 4: ศึกษาแนวคิดพื้นฐาน: เริ่มต้นด้วยการศึกษาแนวคิดพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับทักษะการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์ทางสถิติ การสร้างภาพข้อมูล การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ และอคติทางปัญญา เข้าใจทฤษฎี หลักการ และเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับแต่ละแนวคิด

     ขั้นตอนที่ 5: ฝึกการอ่านอย่างกระตือรือร้น: มีส่วนร่วมในการอ่านอย่างกระตือรือร้นโดยการเลือกหนังสือหรือบทความที่เน้นการคิดวิเคราะห์ จดบันทึก เน้นประเด็นสำคัญ และสะท้อนเนื้อหา พิจารณาว่าคุณสามารถใช้แนวคิดและกลยุทธ์ที่กล่าวถึงในสถานการณ์จริงได้อย่างไร

     ขั้นตอนที่ 6: มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ข้อมูล: ฝึกวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ชุดข้อมูลจริงหรือจำลอง ใช้ซอฟต์แวร์สเปรดชีต (เช่น Microsoft Excel, Google ชีต) หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางสถิติ (เช่น R, Python) เพื่อสำรวจข้อมูล คำนวณสถิติเชิงพรรณนา ระบุรูปแบบ และสร้างภาพ รับประสบการณ์จริงในการทำงานกับข้อมูล

     ขั้นตอนที่ 7: แก้ปัญหาการวิเคราะห์: ท้าทายตัวเองด้วยปัญหาการวิเคราะห์และปริศนา แก้ปัญหาของเล่นพัฒนาสมอง ปริศนาตรรกะ และปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้การคิดเชิงวิพากษ์ การใช้เหตุผล และการจดจำรูปแบบ มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ยืดความสามารถในการวิเคราะห์ของคุณ

     ขั้นตอนที่ 8: พัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ: เพิ่มความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยการวิเคราะห์ข้อโต้แย้ง ประเมินหลักฐาน และตั้งคำถามกับสมมติฐาน ฝึกฝนการใช้เหตุผลเชิงตรรกะและใช้กรอบความคิดเชิงวิพากษ์ เช่น การวิเคราะห์ SWOT การวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง และเมทริกซ์การตัดสินใจกับสถานการณ์ในชีวิตจริง

     ขั้นตอนที่ 9: ทำงานร่วมกันและอภิปราย: มีส่วนร่วมในการอภิปรายกลุ่ม เวิร์กช็อป หรือฟอรัมออนไลน์กับบุคคลที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง และแนวทางการวิเคราะห์ ทำงานร่วมกันในโครงการที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการวิเคราะห์ข้อมูล ขอคำติชมและเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น

     ขั้นตอนที่ 10: ใช้ทักษะการวิเคราะห์ในงานของคุณ: มองหาโอกาสในการใช้ทักษะการวิเคราะห์ของคุณในบทบาทมืออาชีพของคุณ ค้นหาโครงการหรืองานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหา หรือการตัดสินใจ นำเสนอข้อค้นพบ ข้อมูลเชิงลึก และข้อเสนอแนะของคุณต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

     ขั้นตอนที่ 11: Feedback & Repeat : สะท้อนความคืบหน้าและสิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ประเมินว่าคุณใช้ทักษะการวิเคราะห์อย่างไร และระบุด้านที่จำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเติม แสวงหาความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับแต่งความสามารถในการวิเคราะห์ของคุณ

ประโยชน์ของการคิดเชิงวิเคราะห์

 

     1. ทำให้สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ เข้าใจเหตุผล และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น

     หากเราเข้าใจหลักการคิดเชิงวิเคราะห์และนำเทคนิคของการคิดเชิงวิเคราะห์มาใช้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เมื่อเจอสถานการณ์แล้วจะไม่รีบด่วนสรุปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  โดยใช้ความเชื่อเดิมๆ หรือสิ่งที่เราเชี่ยวชาญมาตัดสินสถานการณ์นั้นเร็วเกินไป  

     หากเจอเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาอุปสรรคแล้วเราใช้การคิดเชิงวิเคราะห์  ก็จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะจัดการสถานการณ์นั้นได้ดีขึ้น

     การคิดเชิงวิเคราะห์เปรียบเสมือนกับการที่เราย้อนกลับไปดูอดีต  ว่าก่อนที่จะเกิดปัญหานี้มันมีสาเหตุหรือมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่เกิดขึ้น  ยิ่งย้อนไปได้ไกลเท่าไหร่  ก็เป็นการวิเคราะห์ได้มากเท่านั้น  เป็นส่วยช่วยแก้จุดที่เป็นประเด็นสำคัญของปัญหาได้มากขึ้น

     2. ทำให้สามารถวิเคราะห์คำพูดและการกระทำของคน ทำให้เข้าใจคนได้มากขึ้น

     การคิดเชิงวิเคราะห์จะช่วยทำให้เราไม่รีบสรุปคำพูดและพฤติกรรมของคนที่เราสื่อสารด้วย    โดยทั่วไปคำพูดและพฤติกรรมของคนมักมาจากกรอบความคิด (Mindset) ซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน 

     หากเราใช้หลักการคิดเชิงวิเคราะห์  เพื่อลงไปทำความเข้าใจคำพูดของเขามีที่มาจากอะไร  การกระทำของเขาในเรื่องต่างๆในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมีที่มาจากอะไร   ก็จะทำให้เราสามารถประยุกต์ใช้การคิดเชิงวิเคราะห์กับการเข้าใจคนได้มากขึ้น  

     3. ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อความ หรือคำกล่าวอ้างต่างๆ ว่ามีเหตุมีผลหรือไม่

     การวิเคราะห์ข้อความ คำกล่าวอ้างต่างๆ  โดยพิจารณาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างข้ออ้างและข้อสรุป หลักฐานที่นำมากล่าวอ้าง  แรงจูงใจหรือเหตุผลที่นำมากล่าวอ้าง  จะช่วยให้เราค้นพบความถูกต้องหรือข้อผิดพลาดของข้อมูล หรือคำกล่าวอ้างนั้นๆ

     4. นำไปใช้ในเรื่องค้นคว้าวิจัยเพื่อพิสูจน์สมมติฐาน

     การคิดเชิงวิเคราะห์เป็นประโยขน์ต่อการค้นคว้า วิจัยในการหาความสัมพันธ์  หาเหตุผล  โดยพยายามเอาความแตกต่างในตัวแปรอิสระไปอธิบายในตัวแปรตามเพื่อพิสูจน์สมมติฐานว่าเป็นจริงตามนั้นหรือไม่

     นอกจากนั้น ยังเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์วัตถุต่างๆ  ทำให้เราทราบว่าสิ่งนั้นประกอบด้วยอะไรบ้างแต่ละส่วนย่อยทำงานประสานเชื่อมโยงกันอย่างไร

     การรู้ส่วนประกอบโครงสร้างต่างๆจะทำให้นักวิจัย  หรือนักวิทยาศาสตร์สามารถนำสารสกัดออกมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ได้

     5. ทำให้สามารถทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น ในยุค New Normal ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

     การคิดเชิงวิเคราะห์เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนยุคใหม่ เพราะสถานการณ์ต่างๆ ในยุคปัจจุบันมักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่เป็นอย่างที่เราคิด ซึ่งเรียกว่า New Normal

     ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใหม่ๆ  ซึ่งอาจจะไม่ใช่สาเหตุเดิมที่เราเคยเข้าใจ หากเราสามารถประยุกต์การคิดเชิงวิเคราะห์ได้   ก็จะทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจและเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนแม่นยำมากขึ้น

10 ปัญหาสาเหตุที่พนักงานไม่คิดวิเคราะห์

     1. ขาดความรู้ด้านข้อมูล: พนักงานอาจขาดทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการทำความเข้าใจและตีความข้อมูล

     2. การฝึกอบรมไม่เพียงพอ: พนักงานอาจไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอเกี่ยวกับเทคนิคและเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล

     3. การเข้าถึงข้อมูลอย่างจำกัด: พนักงานอาจประสบปัญหาในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือมีสิทธิ์จำกัดในการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูล

     4. โครงสร้างพื้นฐานของข้อมูลที่ไม่มีประสิทธิภาพ: ระบบที่ไม่เพียงพอหรือเทคโนโลยีที่ล้าสมัยสามารถขัดขวางไม่ให้พนักงานทำงานกับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     5. ปริมาณข้อมูลล้นหลาม: พนักงานอาจรู้สึกว่าปริมาณข้อมูลล้นหลาม ทำให้ยากที่จะดึงข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายออกมา

     6. คุณภาพของข้อมูลไม่ดี: ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์อาจนำไปสู่การวิเคราะห์ที่ผิดพลาดและข้อสรุปที่ไม่ถูกต้อง

     7. ขาดเครื่องมือวิเคราะห์: พนักงานอาจไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือซอฟต์แวร์และทรัพยากรที่จำเป็นในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     8. ข้อมูลแบบแยกส่วน: ข้อมูลอาจกระจัดกระจายไปตามแผนกหรือระบบต่างๆ ทำให้ยากต่อการรวมและวิเคราะห์

     9. ข้อจำกัดด้านเวลา: ปริมาณงานจำนวนมากและกำหนดเวลาที่จำกัดอาจทำให้พนักงานมีเวลาจำกัดในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน

     10. การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง: พนักงานบางคนอาจต่อต้านการนำวิธีการวิเคราะห์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ซึ่งขัดขวางความก้าวหน้า

     สรุปได้ว่า การคิดเชิงวิเคราะห์หรือ Analytical Thinking หมายถึง ความสามารถในการจำแนกแยกองค์ประกอบต่างๆ และหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะชนิดไหนๆ ยิ่งฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวคุณเองในทุกๆ วัน มากเท่าไหร่ ทักษะการคิดวิเคราะห์ภายในหัวของเราก็จะกลายสิ่งที่ติดตัวไปโดยปริยาย

ที่มา : https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/84730/-per-

https://www.palagrit.com/what-is-analytical-thinking/

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย