DNA หรือ สภาพแวดล้อม อะไรมีผลต่อความสำเร็จทางธุรกิจมากกว่ากัน

TEXT: ภัทร เถื่อนศิริ

     ประเด็นถกเถียงเรื่องปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสำเร็จในชีวิตของบุคคลนั้นเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาช้านาน ในขณะที่บางคนเชื่อว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับพันธุกรรมหรือลักษณะทางพันธุกรรม (DNA) ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด อีกกลุ่มกลับมีความเห็นว่าสภาพแวดล้อมต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมให้บุคคลประสบความสำเร็จ การถกเถียงในประเด็นนี้มีมาอย่างต่อเนื่องในหลากหลายสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยา ชีววิทยา สังคมวิทยา และสาขาวิชาอื่นๆ

DNA พรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

     ปัจจัยด้านพันธุกรรม หลายการศึกษาได้พบหลักฐานว่าพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญต่อลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ และความสามารถของบุคคล ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิต เช่น การศึกษาของนักจิตวิทยาและนักพันธุศาสตร์ที่พบว่าปัจจัยด้านพันธุกรรมมีส่วนในการกำหนดระดับสติปัญญา (IQ) ของบุคคล ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างมากกับความสำเร็จในการศึกษาและอาชีพ

     นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่าบุคคลมีลักษณะบางประการที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและมีผลต่อโอกาสในการประสบความสำเร็จ เช่น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความเป็นผู้นำ ความอดทน และความมุ่งมั่น ปัจจัยเหล่านี้มีรากฐานมาจากพันธุกรรมและสามารถส่งผลให้บุคคลมีดุลยพินิจที่ดีในการตัดสินใจ สร้างสรรค์นวัตกรรม รวมทั้งมีความพยายามอย่างสม่ำเสมอจนประสบความสำเร็จ

สภาพแวดล้อม ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความแตกต่าง

     ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ในทางกลับกัน มีผู้เชื่อว่าสภาพแวดล้อมต่างหากที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความแตกต่างในความสำเร็จของบุคคล ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จ ได้แก่ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม โอกาสทางการศึกษา การเลี้ยงดู ตลอดจนเหตุการณ์และประสบการณ์ชีวิตต่างๆ

     ตัวอย่างเช่น เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะดีและได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาอย่างเต็มที่ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา เช่นเดียวกับเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมด้วยความรักและแรงสนับสนุน มีแนวโน้มที่จะมีจิตใจเข้มแข็งและประสบความสำเร็จมากกว่าเด็กที่ถูกละเลย

     นอกจากนี้ ประสบการณ์ชีวิต โอกาสจากการศึกษา การรับรู้ข้อมูลต่างๆ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาตนเอง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บุคคลได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะ และสร้างแรงจูงใจเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ

     ทั้งปัจจัยด้านพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมต่างมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการ SME ความคิดสร้างสรรค์ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ช่วยเอื้อให้ประสบความสำเร็จ แต่สภาพแวดล้อมตั้งแต่วัยเด็ก ประสบการณ์ชีวิต แรงบันดาลใจจากผู้ใกล้ชิด และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมก็มีบทบาทไม่น้อยไปกว่ากัน

สรุป

     ดังนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างเสริมความเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในด้านการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน มาตรการสนับสนุนภาครัฐ รวมถึงการปลูกฝังนิสัย แรงบันดาลใจ และจิตวิญญาณผู้ประกอบการให้แก่เด็กและเยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมระบบการศึกษาที่ช่วยพัฒนาศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์และการใฝ่เรียนรู้ ด้วยการบูรณาการปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะช่วยสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่

     การผสมผสานของทั้งสองปัจจัย แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันอย่างมากในประเด็นนี้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ความสำเร็จของบุคคลเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างปัจจัยด้านพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมอย่างแยกไม่ออก ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะทางพันธุกรรมเป็นเพียงศักยภาพเบื้องต้น แต่สภาพแวดล้อมต่างหากที่จะมาเสริมและช่วยให้ศักยภาพนั้นสามารถเติบโตและแสดงออกได้อย่างเต็มที่

     สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ SME ในประเทศไทย การเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้งสองนี้ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากในการส่งเสริมให้องค์กรและทรัพยากรบุคคลมีศักยภาพสูงสุด

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย