ล้มก็แค่ลุก Resilience Mindset วิธีคิดที่จะทำให้ธุรกิจได้ไปต่อ

TEXT: ภัทร เถื่อนศิริ

     ธุรกิจล้มเหลวเป็นเรื่องปกติในโลกธุรกิจ แต่ทำไมบางธุรกิจถึงสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้หลังจากเผชิญกับวิกฤต ขณะที่บางธุรกิจกลับปิดตัวลงไป? คำตอบอาจซ่อนอยู่ที่ "Resilience Mindset" หรือ "จิตใจที่แข็งแกร่ง" ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

     Resilience หรือความยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้เป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว ธุรกิจจำเป็นต้องมีความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายและวิกฤตต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

     ธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ปรับกลยุทธ์และรูปแบบการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นยังช่วยให้องค์กรสามารถเรียนรู้และพัฒนาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การสร้างความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจนั้นเป็นเรื่องท้าทาย และต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทุกระดับในองค์กร ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ยืดหยุ่น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

     ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการแข่งขันสูง ความสามารถในการฟื้นคืนกลับจากปัญหาและอุปสรรคต่างๆ หรือที่เรียกว่า "Resilience" นั้นเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ซึ่งมักต้องเผชิญกับข้อจำกัดในด้านทรัพยากรและความผันผวนของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ

     แท้จริงแล้ว ไม่มีผู้ประกอบการคนใดที่ประสบความสำเร็จโดยปราศจากการล้มลุกคลุกคลาน พวกเขาล้วนต้องผ่านความผิดพลาดและความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ คือการมี "Resilience Mindset" หรือจิตวิญญาณแห่งความยืดหยุ่นและการฟื้นคืนกลับ

     Resilience Mindset คือความคิดและทัศนคติที่มองว่าความล้มเหลวและอุปสรรคนั้นเป็นเพียงบทเรียนชั่วคราว ไม่ใช่จุดสิ้นสุด ผู้มีจิตวิญญาณนี้จะไม่ย่อท้อหรือหมดหวัง แต่จะใช้ประสบการณ์เหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อกลับมายืนหยัดอีกครั้งอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ลักษณะสำคัญของผู้มี Resilience Mindset ได้แก่

1. ยอมรับความจริง ไม่ปฏิเสธหรือโทษสถานการณ์และผู้อื่น แต่พร้อมเรียนรู้และรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตนเอง

2. ทบทวนปัญหาอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ว่ามาจากปัจจัยภายในหรือภายนอก ตนควบคุมได้หรือไม่

3. พัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง การทำซ้ำแบบเดิมย่อมไม่เกิดผลดีในสภาวะที่เปลี่ยนแปลง จึงต้องมีความกล้าในการลองวิธีการใหม่

     หากผู้ประกอบการ SME สามารถเสริมสร้าง Resilience Mindset ให้แก่ตนเองและบุคลากรในองค์กร ย่อมจะส่งผลดีต่อวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง สามารถปรับตัวและฟื้นคืนกลับจากปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญจะทำให้พนักงานมีความพึงพอใจในงาน ลดอัตราการลาออก ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

     การพัฒนา Resilience Mindset เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หากผู้ประกอบการหมั่นฝึกฝนตนเองและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะสม พร้อมทั้งให้การสนับสนุนทางทรัพยากรและการอบรมพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เราจะพบว่า Resilience Mindset มิได้เป็นเพียงกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่ยังเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจใน โลกปัจจุบันและอนาคตด้วย

     โดยสรุป resilience หรือความยืดหยุ่นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับความสำเร็จระยะยาวของธุรกิจในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้เมื่อเผชิญกับความท้าทายต่างๆ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร