รู้จัก 2 เทคนิค ตั้งเป้าหมายอย่างไร ไปให้ถึง

เรียบเรียง : Phan P.  


     การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องง่าย แต่การจะบรรลุเป้าหมายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

     ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายระยะสั้นหรือระยะยาว การมีเป้าหมายและเดินไปสู่เป้าหมายนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการบริหารจัดการที่ดี  SME Thailand เลยจะมาแนะนำ 2 เทคนิคดีๆ เพื่อช่วยให้สามารถวางแผนไปถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จได้ นั่นคือ SMART Goal และ WOOD  รายละเอียดจะเป็นอย่างไรลองไปอ่านกันเลย

1. SMART Goal

     SMART Goal เป็นเทคนิคการตั้งเป้าหมายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยจะใช้คำย่อเป็นแนวทางในการตั้งเป้าหมายได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเป้าหมายนั้นชัดเจนและสามารถทำสำเร็จได้ การตั้งเป้าหมายควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

     - S (Specific) เป็นเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง มีขอบเขต 

          เป้าหมายควรชัดเจนและเจาะจง เพราะถ้าเราตั้งเป้าหมายกว้างๆ ไม่มีความชัดเจน จะทำให้ไม่มีความมุ่งมั่น ไม่มีความพยายาม หรือไม่รู้สึกมีแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น   

     - M (Measurable) ต้องมีความที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้

          การมีเป้าหมายที่วัดผลได้นั้นสำคัญมาก เพราะจะสามารถติดตามความคืบหน้าและสร้างแรงบันดาลใจได้ ขณะเดียวกันการที่สามารถประเมินความคืบหน้าได้เรื่อยๆ จะช่วยให้เรามีสมาธิ ปฏิบัติตามกำหนดเวลา และรู้สึกตื่นเต้นกับการบรรลุเป้าหมายนั้น

     - A (Achievable) สามารถทำได้จริง และมีโอกาสที่จะทำสำเร็จ

          เป้าหมายที่ตั้งควรสามารถทำได้จริง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป้าหมายควรท้าทายความสามารถของเรา แต่ยังต้องมีความเป็นไปได้ด้วย ซึ่งเมื่อกำหนดเป้าหมายที่บรรลุได้ เราอาจจะมองเห็นโอกาสหรือสิ่งที่จะช่วยพาเราให้เข้าใกล้เป้าหมายนั้นมากขึ้น

     - R (Relevant) มีความเกี่ยวโยงกับชีวิต งาน และอนาคต

          ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องของการให้แน่ใจว่าเป้าหมายของเรามีความสำคัญจริงๆ และสอดคล้องกับกับชีวิตของเราหรืองานที่ทำอยู่ สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ได้ด้วย เช่น สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เทรนด์ที่เปลี่ยนไป

     - T (Time-based) ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจนและมีความเหมาะสม

          เราควรมีกำหนดเส้นตายสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งการกำหนดวันของการบรรลุเป้าหมายนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ภารกิจประจำวันมีความสำคัญเหนือกว่าเป้าหมายระยะยาว

2. WOOP

     เทคนิค WOOP พัฒนาโดย Gabriele Oettingen ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก WOOP เป็นเทคนิคการจินตนาการถึงเป้าหมายที่จะช่วยให้เราเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริงได้ โดยการให้เส้นทางที่ชัดเจนในการบรรลุเป้าหมาย   

     - W (Wish) ความปรารถนา ควรตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และวัดผลได้  

          ความปรารถนาเป็นขั้นตอนแรกของ WOOP และเป็นรากฐานของเทคนิค ระบุความปรารถนาของเราด้วยถ้อยคำที่เรียบง่าย ชัดเจน และกระชับ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ความปรารถนานั้นบรรลุเป็นจริงได้ ด้วยการถามตัวเองว่า“ต้องการอะไรจริงๆ”

     - O (Outcome) ผลลัพธ์ ลองจินตนาการถึงผลที่ได้รับหากทำแล้วสำเร็จ

          ให้จินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ ลองนึกภาพว่าจะรู้สึกอย่างไรหากบรรลุเป้าหมาย นึกภาพตัวเองกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความเป็นจริงนั้น และปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำกับความรู้สึกสำเร็จและความพึงพอใจ ซึ่งการสร้างภาพที่เป็นบวกทางจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่เราสามารถยึดถือและมองย้อนกลับไปได้ในวันที่รู้สึกท้อแท้

     - O (Obstacle) คิดถึงปัญหาอุปสรรคที่จะเจอระหว่างเดินสู่เป้าหมาย

           ระบุอุปสรรคที่อาจขัดขวางไม่ให้เราบรรลุเป้าหมาย อุปสรรคเหล่านี้อาจเป็นจากภายในหรือภายนอก และอาจเป็นความไม่มั่นใจในตนเองไปจนถึงการขาดแคลนสิ่งสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือปัจจัยอื่นๆ  ลองจัดลำดับความสำคัญของอุปสรรคเหล่านี้ตามความสำคัญและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายคือการเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่สำคัญที่สุดและมีแนวโน้มมากที่สุดก่อน

     - P (Plan) วางแผนหาวิธีรับมือกับปัญหาอุปสรรคนั้น

           วางแผนว่าจะจัดการกับอุปสรรคเหล่านี้อย่างไร นี่คือจุดที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ คิดกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เอาชนะอุปสรรคและก้าวเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น  สำหรับแต่ละอุปสรรค ควรมีแผนที่ชัดเจน เพื่อให้ทราบว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ยิ่งมีแผนที่ชัดเจนและมีรายละเอียดมากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ที่มา : www.mindtools.com

          www.habitstrong.com

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย