หยิบหลักคิด “Panda Parenting” เลี้ยงลูกน้องให้เติบโตแบบแพนด้า สร้างคนเก่ง คนกล้าให้อยู่คู่องค์กร  

Text: VaViz


      เคยสงสัยไหมว่า ทำไมแพนด้าถึงไม่สูญพันธุ์ แถมยังอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตโลดโผนโจนทะยาน ขึ้นต้นไม้สูงๆ แล้วทิ้งตัวหล่นตุ๊บลงมาข้างล่าง นั่นอาจจะไม่ใช่เพราะโชคช่วยเพียงอย่างเดียว แต่เพราะทุกอย่างนั้นอยู่ในสายตาของ “พ่อแม่”  

      แข็งแกร่งดังหินผาแบบนี้ เรามาลองถอดวิธีเลี้ยงลูกแบบหมีขาว-ดำ สู่การพัฒนาลูกน้องในองค์กรให้เติบโตอย่างเข้มแข็งกันบ้างจะดีกว่า  

ก่อนอื่น...การเลี้ยงลูกแบบแพนด้าที่ว่านั้นคืออะไร?

     สไตล์การเลี้ยงลูกแบบแพนด้า หรือที่เรียกกันว่า Panda Parenting นั้น คือรูปแบบการเลี้ยงลูกแบบปล่อยวางและยึดหลักการไว้วางใจให้ลูกตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถูกพบครั้งแรกในหนังสือชื่อ How to Raise Successful People: Simple Lessons for Radical Results โดย Esther Wojcicki คุณแม่ชาวอเมริกันคนดัง ที่เลี้ยงดูลูกๆ จนประสบความสำเร็จและมักได้ขึ้นปกนิตยสารอยู่บ่อยๆ

     ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยวิธีนี้นั้นอยู่ที่

          - เน้นให้ลูกมั่นใจในตัวเอง

          - มีความเชื่อมั่นว่าแม้ทำผิดพลาด พ่อแม่ก็พร้อมเข้าใจ ให้อภัย และยินดีช่วยแก้ปัญหา

          - ลูกรู้สึกเป็นอิสระและไม่โดดเดี่ยวทางจิตใจ

แล้วจะหยิบ “Panda Parenting” มาพัฒนาลูกน้องได้อย่างไร?

     ถ้าเปรียบบรรดาพนักงานเหมือนกับลูกแพนด้า เจ้านายหรือหัวหน้าก็ไม่ต่างกับพ่อหมีแม่หมี ที่ต้องคอยสอดส่องดูแลให้ลูกตัวน้อยเติบโตและอยู่รอดได้ในป่าที่เต็มไปด้วยสรรพสัตว์น้อยใหญ่นั่นเอง ซึ่งทำได้ไม่ยาก ดัง 5 วิธีการ ต่อไปนี้

     1. ไม่ทำแทนไปเสียทุกอย่าง

          เมื่อลูกประสบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ พ่อแม่ไม่ควรและไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือทันทีหรือทำให้ลูกแทนทันที เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้คิดและลองแก้ปัญหาด้วยตัวเองดูก่อน วิธีนี้จะช่วยฝึกให้ลูกมีทักษะความมั่นใจและสามารถพึ่งพาตัวเองได้

           - มุมหัวหน้า: เช่นเดียวกันกับพ่อแม่ หัวหน้าเองก็ควรให้โอกาสลูกน้องได้ลองแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน ถ้าทำไม่ได้หรือจำเป็นจริงๆ จึงยื่นมือเข้าไปช่วย

     2. ไม่ปิดโอกาส ไม่ขวางทางเจอความท้าทาย

           ลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและมีความรับผิดชอบได้ พ่อแม่ต้องไม่มัวกีดกันลูกออกจากสถานการณ์ที่น่ากลัวหรือยากลำบากทุกครั้งไป แต่ควรเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลองเผชิญกับความท้าทายบ้าง พร้อมดูแลอยู่ห่างๆ เพื่อให้เขารู้สึกว่ายังมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง

           - มุมหัวหน้า: ไม่ปิดกั้นลูกน้องให้ได้ลองทำสิ่งแปลกใหม่ หรือความท้าทายใหม่ๆ เพื่อฝึกให้รู้จักกล้าทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่ติดอยู่ในกรอบแบบเดิมๆ

     3. ไม่เมินสิ่งเล็กๆ น้อยๆ

          จะทำให้ลูกเป็นคนมีระเบียบ รู้หน้าที่ และมีความรับผิดชอบ พ่อแม่ต้องรู้จักมอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาได้ฝึกทำดู เช่น เก็บของเข้าที่ ช่วยงานบ้าน หรือทำการบ้านให้เสร็จตามเวลา

         - มุมหัวหน้า: ปลูกฝังความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของลูกน้อง รวมถึงสร้าง Mindset ของการเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแรงจูงใจในการทำงานที่ดีขึ้น นั่นเพราะถ้าธุรกิจอยู่ได้ ลูกน้องก็อยู่ได้ด้วย

      4. ไม่หมิ่นศักยภาพ

           เพราะคนเราไม่ได้เก่งหรือทำได้ดีไปหมดทุกอย่าง เด็กๆ เองก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ควรให้เด็กๆ ได้ลองเลือกทางที่เขาจะทำดู พร้อมฝึกให้ยอมรับผลจากสิ่งที่เลือกมา โดยที่พ่อแม่ควรเชื่อมั่นในศักยภาพของลูกเข้าไว้ และไม่ตีตนไปก่อนไข้ว่าสิ่งที่ลูกเลือกนั้นไม่ดีหรือไม่เหมาะสม เพียงเพราะเขาเป็นแค่เด็ก

           - มุมหัวหน้า: ในทำนองเดียวกัน หัวหน้าควรฝึกลูกน้องให้กล้าตัดสินใจ กล้าออกความคิดเห็น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตำหนิหรือมองว่าเป็นความคิดที่ไม่ได้เรื่อง 

     5. ไม่ควบคุม แต่ให้คำปรึกษา

          สุดท้าย การเลี้ยงลูกแบบแพนด้าต้องรู้จักให้อิสระ ไม่บังคับ หรือสั่งให้ลูกทำตามที่คนเป็นพ่อแม่ต้องการ รวมถึงไม่รับฟังความคิดเห็น ไม่ให้คำปรึกษา หรือไม่ให้กำลังใจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจในตัวลูกได้

          - มุมหัวหน้า: พร้อมให้คำปรึกษา ไม่ถือตัวว่าเป็นหัวหน้า ไม่สวมบทเป็นเจ้านายจอมสั่ง ที่สั่งงานได้ตลอดเวลา แต่ไม่ให้เวลาคนทำ จนทำให้ลูกน้องหมดไฟในการทำงาน และหันหลังเดินจากบริษัทไปในที่สุด

     ไม่น่าเชื่อว่า การเลี้ยงลูกแบบแพนด้าช่างดูเข้าท่ากับการนำมาพัฒนาลูกน้องและเจ้านายให้อยู่ร่วมกันได้ในองค์กรแบบ Win-Win    

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร