ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากพูดถึงธุรกิจแฟรนไชส์ หลายคนมักนึกถึงร้านอาหาร แต่ด้วยต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นและการบริหารซัพพลายเชนที่ซับซ้อน ทำให้การดำเนินธุรกิจร้านอาหารเต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งเรื่องคุณภาพอาหาร ความปลอดภัย และการจัดการพนักงาน ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจของผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจ “ร้านซักผ้าหยอดเหรียญอัตโนมัติ (Self-Service Laundry)” จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ ด้วยจุดเด่นคือ ไม่ต้องมีสต็อกสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ ไม่ต้องบริหารพนักงาน และสามารถสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง เสริมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ร้านซักผ้าหยอดเหรียญกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ประกอบการยุคใหม่ และถูกยกให้เป็น “อาชีพที่สอง” ที่สร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและเล็กจำนวนมาก
ตลาดร้านซักผ้าหยอดเหรียญในไทยโตแรง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 15%
การขยายตัวของเมือง (Urbanization) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การอยู่อาศัยในคอนโดและอพาร์ตเมนต์ที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ล้วนส่งผลให้ร้านซักผ้าหยอดเหรียญแบบ 24 ชั่วโมงขยายตัวไปทั่วเมืองหลัก เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ทั้งนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ และนักท่องเที่ยวระยะสั้น ต่างเลือกใช้บริการนี้เพราะ “รวดเร็วและสะดวกสบาย” เมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องซักผ้าเอง การใช้บริการร้านซักผ้าหยอดเหรียญจึงคุ้มค่ากว่ามาก โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำภายในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น
ผลสำรวจอุตสาหกรรมคาดว่า ตลาดซักผ้าโดยรวมในปี 2028 จะมีมูลค่ารวมกว่า 62,000 ล้านบาท โดยร้านซักผ้าหยอดเหรียญครองสัดส่วนถึง 45% และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) เกินกว่า 15% ในช่วงปี 2025–2029 ทั้งนี้ เมืองหลักจะยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการสูง ขณะที่จังหวัดรอบนอกถูกมองว่าเป็น “บลูโอเชียน” ที่มีศักยภาพการเติบโตมหาศาล
6 ปีแห่งความสำเร็จ “CleanChain” จับมือ “AQUA” สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม
แบรนด์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ CleanChain เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 และเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของเครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่น AQUA ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
จุดเด่นที่ทำให้ AQUA แตกต่างคือ “ระบบซักและอบใน 60 นาทีครบจบในเครื่องเดียว (60-Minute Wash & Dry All-in-One)” ลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องหรือรอหลายขั้นตอน จึงช่วยเพิ่มความสะดวกและความพึงพอใจสูงสุด พร้อมชื่อเสียงด้านความทนทานและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น
ระบบ Drum Pre-Wash ของ AQUA ยังช่วยรักษาประสิทธิภาพและความสะอาดของเครื่องได้อย่างยาวนาน เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน ระบบ IoT Smart Management ยังช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายได้ของร้าน ดูสถานะเครื่องจักร และตั้งราคาตามช่วงเวลาได้แบบเรียลไทม์ ส่วนลูกค้าก็สามารถเลือกชำระเงินได้หลายช่องทางและตรวจสอบสถานะเครื่องที่ใช้งานอยู่ได้ทันที เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ใช้บริการ
บริการครบวงจร เริ่มต้นง่าย กลายเป็น “ธุรกิจเงินสดหมุนเวียน”
ต่างจากธุรกิจร้านอาหาร ร้านซักผ้าหยอดเหรียญไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบหมดอายุ หรือการจัดตารางพนักงาน CleanChain จึงออกแบบบริการ One-Stop Solution ตั้งแต่การประเมินทำเลร้าน การตกแต่ง ไปจนถึงแผนเปิดร้าน ช่วยลดอุปสรรคสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่
ด้วยระบบ IoT เจ้าของร้านสามารถตรวจสอบยอดรายได้และกล้องวงจรปิดได้จากสมาร์ตโฟนแบบเรียลไทม์ ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนการบริหาร อีกทั้งสามารถควบคุมธุรกิจได้ตลอด “24 ชั่วโมง สร้างรายได้ไม่มีวันหยุด”
ปัจจุบันร้านซักผ้าหยอดเหรียญจึงได้รับการยกย่องให้เป็น “ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูง ลงทุนน้อย ดูแลง่าย และมีสภาพคล่องดี” ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเสริม เจ้าของที่ดิน และผู้เกษียณอายุที่ต้องการรายได้ต่อเนื่อง
จากกรุงเทพฯ สู่ทั่วประเทศ โอกาสตลาดต่างจังหวัดยังเปิดกว้าง
ปัจจุบัน CleanChain เปิดให้บริการหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ และเตรียมขยายไปยังเมืองท่องเที่ยวและพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีความต้องการใช้บริการซักผ้าอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
CleanChain เผยว่า ผู้บริโภคในต่างจังหวัดมีความต้องการร้านซักผ้าอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนที่มองการณ์ไกล โดยบริษัทจะผสานเครื่องคุณภาพจาก AQUA เข้ากับระบบแฟรนไชส์ครบวงจร เพื่อขยายเครือข่ายจากเมืองใหญ่สู่ภูมิภาคทั่วประเทศ สร้างโอกาสใหม่ในธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟรนไชส์ CleanChain x AQUA Laundromat ได้ที่เว็บไซต์ทางการ: https://www.cleanchain.co.th/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี